รุ่งเช้า หลังจากปฏิบัติภารกิจทั้งส่วนตัวและส่วนรวมเรียบร้อย เรืออากาศโทภูผาและเรืออากาศโทเก่งกล้าก็ขับรถจี๊ปเข้าที่ฐานทัพบกเพื่อปรึกษากันเรื่องลาดตระเวน ทั้งสองเข้าไปสู่ห้องประชุมกองทัพบกเรียบร้อยโดยมีผู้บัญชาการกองทัพและนายทหารทั้งหลายรออยู่แล้ว
“ เราเคยใช้เฮลิคอปเตอร์และกำลังพลลาดตระเวนเข้าไปใกล้ที่สุดเท่าที่จะทำได้ พบว่ามีสองจุดใหญ่ ๆ ที่มันมีกำลังคนเดินเวรยามอย่างหนาแน่น แต่ไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าเป็นอะไรกันแน่เพราะกลัวมันจะรู้ตัว แถมทั้งสองจุดนั้นมันเลือกบริเวณที่เป็นแอ่งหุบเขา ทัศนวิสัยลำบากมากในการใช้เฮลิคอปเตอร์ ” ผู้พันท่านหนึ่งเอ่ยอธิบายให้เรืออากาศโทหนุ่มทั้งสองฟัง
“ ภูมิประเทศแบบนี้ เรียกได้ว่าเสี่ยงมาก เพราะเท่ากับมันบังคับให้เราบินต่ำเข้าหาฐานทัพของมัน โดยที่เราไม่รู้ว่ามันมีอาวุธหนักอะไรบ้าง เราเลยต้องขอความช่วยเหลือจากทางกองทัพอากาศ ให้ใช้ความสามารถในการบินทะยานที่เชี่ยวชาญ เพื่อจะให้ได้ข้อมูลที่มากขึ้นกว่านี้ ”
“ ผมสามารถใช้เครื่อง TG105 ขึ้นได้ มองดูภูมิประเทศแล้ว ต้องขึ้นทั้งหมดห้าลำ เหนือ ใต้ ออก ตก เพื่อเก็บภาพถ่ายโดยรอบ แล้วจะมีอีกลำที่บินเข้าไปใกล้บริเวณกลางแอ่งมากที่สุด ”
“ แล้วมันไม่อันตรายเหรอครับผู้หมวดภูผาถ้าบินไปกลางแอ่ง ”
“ เกิดมาเป็นทหารก็เท่ากับว่าอันตรายทุกฝีก้าวอยู่แล้วครับ ” นายทหารทั้งหมดพยักหน้า
“ แล้วพร้อมเมื่อไรครับ ”
“ ขอผมไปจัดกำลังพลอีกสามลำที่เหลือ แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นจะต้องเป็นเรืออากาศโทเก่งกล้าเพื่อนผมคนนี้ ส่วนลำที่ต้องบินไปตรงกลาง ผมจะเป็นคนขับเอง ” ท่านนายพันเดินเข้ามาตบไหล่เขาแล้วยิ้ม
“ หมวดนี่แข็งแกร่งดุจหินผาสมชื่อจริง ๆ เด็ดขาด ฉับไว ไม่กลัวอันตราย สมแล้วที่ได้เป็นอันดับหนึ่งแห่งเสืออากาศจู่โจม F16 ”
“ ขอบคุณครับท่าน ”
“ เออ มีอีกเรื่องหนึ่ง ”
“ ครับ ”
“ เรื่องเสบียง เพื่อไม่ให้เป็นการลำบากที่เหล่าเสืออากาศต้องเคลื่อนพลมารับประทานอาหารในกองทัพบกทุกวัน ทุกมื้อ ทางเรามีงบประมาณพิเศษให้หาร้านข้าวแถวนั้นมาส่งเช้ากลางวันเย็น เพื่อความสะดวก ส่วนเรื่องร้านที่จะสั่งเดี๋ยวผมจะให้คนไปหาและจัดการให้ ”
พลันนั้นผู้หมวดภูก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ จึงรีบเอ่ยตอบไปอย่างรวดเร็ว
“ เรื่องสั่งข้าว เดี๋ยวผมจัดการเองครับ ” ท่านนายพันเลิกคิ้ว
“ อ้าว หมวดพึ่งมา รู้จักร้านข้าวแล้วเหรอ ”
“ เอ่อ ครับผม มีคนรู้จักที่ทำทั้งข้าวทั้งขนมอยู่แล้ว ” ท่านพยักหน้า
“ โอเค ถ้าอย่างนั้นก็ตามนั้นก็แล้วกัน เดี๋ยวผมให้พลธุรการเอารายละเอียดงบประมาณมาให้ ”
“ ครับผม ”
“ ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็เท่านี้ เลิกประชุม ”
ทุกคนเดินออกจากห้องประชุมไป มีเพียงเรืออากาศโทเก่งกล้าที่นั่งยิ้มมองเพื่อนอย่างรู้ทัน ภูผาเดินออกประตู แต่เมื่อพบว่าเพื่อนไม่ยอมเดินตามเขาก็หันหน้ากลับมา
“ อ้าว ไอ้เก่ง มึงนั่งทำอะไร กลับฐานสิ เสร็จแล้วเนี่ย ”
“ ทำไม จะรีบไปสั่งข้าวสั่งขนมหรือไง ” ภูผาทำหน้าเลิ่กลั่ก
“ เอ่อ ก็ใช่ไง เพราะว่าท่านมีคำสั่งมาแล้ว ก็ต้องรีบดำเนินการสิ ”
“ ใช่เหรอ ไม่ใช่ว่าคิดถึงเค้า อยากเห็นหน้าเค้าใจแทบขาดเหรอวะ ทีนี้ละมึงสมใจอยากแล้ว ได้เห็นหน้าสาวเจ้าถึงที่ทั้งเช้า ทั้งกลางวัน ทั้งเย็น แค่คิดก็มันแล้ว ”
“ ไอ้บ้า” ภูผาหน้าแดงไปถึงหูแล้วรีบหนีออกไปจากห้องประชุม
***
สองผู้หมวดแห่งกองทัพอากาศขับรถจี๊ปกลับมาถึงฐานทัพชั่วคราวของเหล่าเสืออากาศ ภูผารีบเดินเข้าห้องมาหยิบเอกสารออกมาแล้วดูรายละเอียดของเหล่าเสืออากาศรุ่นน้องแต่ละคนที่มาด้วย เพื่อคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมจะบินลาดตระเวนไปกับเขาอีกสามลำ
“ ที่ดู ๆ มีห้าคนที่เคยขับ TG มาแล้ว แต่ว่าเคยลงสนามจริงแค่สองคน กูกะว่าจะเลือกสองคนนี้ ส่วนอีกคนสงสัยต้องเรียกสัมภาษณ์ก่อน ดูทัศนคติรวม ๆ กับประสบการณ์ ” เก่งกล้าพยักหน้า
“ เดี๋ยวกูเรียกมันมาคุยเอง มึงอยากไปหาน้องบัวตองก็ไปเถอะ ”ภูผาสะดุ้ง
“ อะไรของมึง อยากไปหาที่ไหน เพ้อเจ้อ ” เก่งกล้าส่ายหน้าแล้วยิ้ม
“ อะ ไม่ได้อยากไปหาก็ได้ อยากไปสั่งข้าวตามที่ท่าน ผบ. ได้สั่งการมา กูพูดแบบนี้พอใจยัง ไม่ผิดกฎระเบียบกองทัพใด ๆ เลย เชิญไปเลย เดี๋ยวช้าไม่ทันการณ์นะเอ้า เสียชื่อผู้หมวดภูผาหมด ” ภูผาเงยหน้ามองเพื่อนแล้วพูดเสียงอ่อย ๆ
“ แล้วจะไปเจอเธอได้ยังไง นี่มันพึ่งสิบเอ็ดโมงครึ่ง เธอบอกว่าตอนเช้าต้องทำข้าวกล่องไปส่งโรงงานทอผ้า แล้วกลับมาทำขนมไว้ขายตอนเย็น กว่าเธอจะมาขายขนมก็ต้องเป็นเย็น ๆ ไม่ใช่เหรอ ”
“ โอ้โฮ ทำเงียบ ๆ นิ่ง ๆ เก็บชัดทุกรายละเอียดเลยนะมึง ” เก่งกล้าเอ่ยแซว ภูผาหน้าแดง
“ ไอ้เก่ง ”
“ เออ ๆ ไม่แซวแล้วก็ได้ ก็ไปหาที่บ้านเลยสิวะ ”
“ ไอ้บ้า ทำอย่างนั้นได้ยังไง น่าเกลียด ”
“ น่าเกลียดตรงไหน คิดถึงเขา ก็ไปหาเขาสิ จะได้รู้บ้านช่องรู้จักพ่อจักแม่เขา ฝากตัวเป็นลูกเขยไปเลย เผลอ ๆ เธอเล่นด้วย ใช้กำลังปลุกปล้ำเลยมึง ”
“ ไอ้ ไอ้บ้า ” ภูผาหน้าแดงจนไม่รู้จะแดงยังไง แต่ก็เดินออกไปจากเต๊นท์ เก่งกล้านั่งอมยิ้ม
“ คำก็บ้าสองคำก็บ้า ไอ้ภูผา ไอ้ก้อนหิน ไอ้คนปากแข็ง ”
***
ภูผาเดินออกมาจากค่ายเลียบไปยังริมแม่น้ำ เขามองไปอีกฝั่ง บัวตองบอกว่าบ้านเธออยู่แม่น้ำฝั่งโน้นไกลออกไปประมาณหนึ่งกิโลเมตร ภูผาจึงเดินไปถามคนแถวนั้น
“ ลุงครับ ถ้าผมจะข้ามไปฝั่งโน้น ขับรถไปได้ไหมครับ ”
“ ขับไปได้นาย แต่ว่ามันไกล ต้องไปอ้อมมาจากทางฐานทัพบก ถ้านายจะไปไวก็ต้องนั่งเรือไป ”
“ แล้วผมจะหาเรือโดยสารได้ที่ไหนครับ ”
“ ผมก็รับพายเรือส่งครับ ผมชื่อเอี่ยม นายจะไปไหนครับ ”
“ เอ่อ ผม ผมจะไปบ้านผู้หญิงที่ชื่อบัวตองน่ะครับที่เธอขายขนมไทย ลุงรู้จักไหมครับ ”
“ อ๋อ นังบัวตอง รู้จักสิครับ พ่อมันชื่อไอ้บาง เป็นเพื่อนกับผมแต่ว่าตอนนี้เป็นอัมพาตอยู่ ไปทำงานก่อสร้างในเมืองแล้วตกลงมา เอาไม่คืนเลย แม่มันตายตั้งแต่มันเด็ก ๆ มันเป็นเด็กดี ทำงานงก ๆ หาเลี้ยงและดูแลพ่ออย่างดี เออ แล้วนายจะไปหามันทำไมเหรอครับ ”
“ พอดีกองทัพให้สั่งข้าวกับขนมมาให้กำลังพลน่ะครับ เห็นเธอเคยบอกว่าทำข้าวกล่องด้วย เลยอยากอุดหนุนเธอครับ ”
อีกสิบนาทีถัดมาภูผาที่นั่งเรือพายมากับลุงเอี่ยม ก็มาถึงบ้านที่อยู่อีกฝั่งคลอง เป็นบ้านไม้หลังคามุงแฝกหลังเล็ก ๆ ยกพื้นใต้ถุนประมาณเมตรครึ่ง ด้านหน้ามีนอกชาน รอบบ้านมีไม้ดอกไม้ผลพืชผักสวนครัวปลูกไว้ร่มรื่น หน้าบ้านมีเรือพายเล็ก ๆ ผูกไว้กับท่าน้ำ
“ ถึงแล้วครับนาย เดี๋ยวผมเรียกมันให้ ” ภูผาส่งยิ้มให้ ก่อนจะหันกลับไปมองที่ตัวบ้านนั้นอีก
“ บัวตองเอ๊ย บัวตอง ลุงเอี่ยมพานายเปิ้นมาหา บัวตอง ” เรียกอยู่สักพักก็ได้ยินเสียงขานรับ
“ รอสักกำหนึ่งเจ้า บัวตองเช็ดตัวให้พ่ออยู่ ”
สักครึ่งนาทีร่างบอบบางก็เดินออกมาจากในตัวบ้าน ผู้หมวดภูผาหัวใจกระตุกวาบทันทีที่เธอปรากฏตัว วันนี้เธอสวมเสื้อแขนกุดสีขาวกับผ้าถุง ผมเกล้าขึ้นไว้เหนือศีรษะ เผยให้เห็นใบหน้าหวานรูปไข่ที่ไม่ได้แต่งเติมเครื่องสำอางใด ๆ เช่นเคย