“อืม” น้ำเสียงดังอยู่ในลำคอ หากแต่เสียงนั้นก็ดังพอให้พิชชากับสาวใช้ในบ้านพากันแปลกใจ เพราะทุกครั้งพิชยะจะตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ไม่ใช่ยอมรับปากง่าย ๆ อย่างในครั้งนี้
“จริงเหรอเฮียเฮียรับปากฟินน์แล้วนะ ห้ามเบี้ยว” คนเป็นน้องทำหน้าขู่ฟ่อ ๆ
“ฉันไม่กล้าผิดคำพูดหรอกเพราะกลัวเด็กแถวนี้จะโทรไปร้องห่มร้องไห้ฟ้องป๊ากับม้าฉันขี้เกียจจะฟังท่านบ่น”
“คำก็เด็กสองคำก็เด็กอย่าเอาเด็กมาทำเมียแล้วกัน” เถียงไปทันควันและไม่ลืมจะแลบลิ้นปลิ้นตาใส่คนเป็นพี่ อย่างนี้ไงพิชยะถึงได้คิดว่าน้องสาวของเขาเป็นเด็กไม่รู้จักโตสักที
ขณะที่บนโต๊ะอาหารกำลังเกิดสงครามเล็ก ๆ ระหว่างพี่ชายกับน้องสาว มนต์มีนาก็มีอาการปวดที่หน้าอกขึ้นมาจนหน้านิ่ว อาการนี้เธอเป็นมาสักพักหนึ่งแล้ว เวลาที่ใช้มือคลำพบเป็นก้อน ๆ อยู่ในเต้านมแต่ช่วงนี้เรียนหนักทุกวันเธอจึงยังไม่ได้ไปตรวจดู
“เป็นอะไรมีนเจ็บหน้าอกอีกแล้วเหรอ” พิชชาถามขึ้นก่อนจะลุกไปดูเพื่อนด้วยความเป็นห่วง มนต์มีนายังมีอาการเจ็บหน้าอกอยู่มือประกบที่หน้าอก พิชชาเลยเป็นกังวลมากกว่าเดิม
“เราว่าไปหาหมอดีกว่า ปล่อยไว้นานไม่ดี เกิดเป็นอะไรร้ายแรงจะทำไง จริงสิ เฮียช่วยดูให้หน่อยสิว่ามีนเป็นอะไร” พอนึกขึ้นได้ว่าตัวเองมีพี่ชายเป็นถึงศัลยแพทย์ฝีมือเยี่ยมประจำอยู่แผนกทรวงอก พิชชาก็รีบหันไปขอความช่วยเหลืออย่างคร้อนใจ
“ตอนนี้ฉันไม่มีเครื่องมือถ้าอยากรู้ว่าเป็นอะไรก็ไปตรวจที่โรงพยาบาล” ชายหนุ่มตอบสีหน้าเรียบเฉย แต่ก็รู้ว่าจากอาการของมนต์มีนามีความเป็นไปได้ว่าเธออาจจะเป็นแค่ซีสต์ หรือหากร้ายแรงกว่านั้นก็อาจจะเป็นเนื้องอกในเต้านม แต่เพื่อความแน่ชัดอย่างไรเธอก็ควรจะไปตรวจที่โรงพยาบาล
“แต่เฮียเป็นหมอนะอย่างน้อยก็ควรจะ…” พิชชาเบรกคำพูดตัวเองได้ทัน อาการป่วยของมนต์มีนาคือบริเวณหน้าอก มันคงไม่ดีแน่หากจะให้พิชยะซึ่งเป็นผู้ชายที่อาศัยอยู่บ้านเดียวกันเป็นคนตรวจให้
“งั้นเอางี้ เฮียช่วยนัดเพื่อนที่เป็นหมอเก่งๆ ให้มีนหน่อยสิ วันไหนก็ได้” พิชชารู้มาว่าขั้นตอนการตรวจจำเป็นต้องถอดเสื้อกับชุดชั้นในออก พอคิดว่ามนต์มีนาอาจจะเกิดความอายพิชยะเลยอยากให้หมอคนอื่นเป็นคนตรวจให้เพื่อน
ลำพังเป็นพี่ชายเธอก็คงไม่เท่าไหร่ แต่ดันอาศัยอยู่บ้านเดียวกัน ต้องเจอหน้ากันทุกวันนี่สิ พิชชาจึงคิดถึงจุดนี้
มนต์มีนาแอบชอบพิชยะก็จริงอยู่แต่ก็รู้สึกกระดากอายหากเขาจะเป็นคนตรวจอาการให้ เพราะมันหมายความว่าพิชยะจะเป็นผู้ชายคนแรกที่ได้เห็นหน้าอกของเธอ
“มีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่ไหม สายแล้วไปทำงานล่ะ” ชายหนุ่มวางแก้วกาแฟแล้วลุกออกไปจากโต๊ะอาหาร สีหน้าบ่งบอกว่าเจ้าตัวต้องการตัดความรำคาญ พิชชายกหมัดใส่เบ้าหน้าหล่อ ๆ ของพี่ชายอย่างคนหมั่นไส้จัด
“ไม่ต้องกลัวนะเพื่อนเฮียมีแต่คนเก่งๆ ไว้วันนั้นเราไปเป็นเพื่อนมีนเอง” มนต์มีนาพยักหน้ารับใบหน้าเจื่อน เพราะอาการปวดหน้าอกยังไม่หาย หวังว่าเธอจะไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรงถึงกับต้องตัดหน้าอกทิ้งหรอกนะ
“อ้อ สมุดรายงานที่มีนฝากเราไว้เราหยิบติดมือเข้าไปในห้องเฮียอ่ะ มีนเข้าไปเอาได้เลยนะเฮียไม่ได้ล็อกห้องหรอก เราคงขึ้นไม่หยิบให้ไม่ทันแล้ว แฮ่ๆ” พิชชารีบจ้วงข้าวต้มใส่ปากเพราะว่าตอนนี้สายเต็มทีแล้ว
มนต์มีนายิ้มแห้งแทนคำตอบ พิชชาสรุปเองเสร็จสรรพก่อนจะคว้ากระเป๋าแบรนด์เนมแล้วแทบจะวิ่งออกไปที่รถ
พิชชาเรียนบริหารธุรกิจส่วนมนต์มีนาเรียนคณะสถาปัตยฯ เวลาเรียนของทั้งคู่เลยไม่ตรงกัน เหมือนอย่างวันนี้มนต์มีนามีเรียนช่วงบ่ายแต่พิชชามีเรียนเช้า พิชชาเลยต้องมุ่งหน้าไปมหาวิทยาลัยก่อน
มนต์มีนาเข้าไปช่วยงานในครัวก่อนจะขึ้นไปอาบน้ำเตรียมจะออกไปมหาวิทยาลัย แม้ว่าเจ้าของบ้านจะไม่ได้ให้เธอมาหยิบจับงานพวกนี้เพราะเธอไม่ได้อยู่ในฐานะคนรับใช้
แต่หากจะให้เธอนั่งนอนกินนอนกินประหนึ่งเจ้าของบ้านเธอก็ทำไม่ได้ เพราะพิพัฒน์พ่อของเธอสอนเธออยู่เสมอว่า ‘เกิดเป็นคนอย่าลืมคุณคน’ บ้านไม่ได้เช่าข้าวไมได้ซื้อเธอจึงอาสาช่วยงานบ้านเป็นการตอบแทน
คำสอนของผู้เป็นพ่อทำให้มนต์มีนาตระหนักถึงบุญคุณของคุณมนูญกับคุณเพ็ญพิชย์ตลอดเวลา ทั้งสองดีกับเธอยิ่งกว่าแม่แท้ ๆ ของเธอเสียอีก อะไรที่หยิบจับได้เธอจึงไม่เคยเกียจคร้าน
เปิดประตูออกมาจากห้องก็นึกขึ้นได้ว่าต้องไปเอาสมุดรายงานที่ห้องของพิชยะก่อนเพราะวันนี้เธอต้องเอาไปส่งอาจารย์ในชั่วโมง ห้องนอนของพิชยะอยู่คนละฟากฝั่งกับห้องของเธอ ซึ่งปกติห้องที่เธออยู่อาศัยจะเอาไว้สำหรับรับรองญาติใกล้ชิดที่มาเยี่ยมเยียน
ลองบิดลูกบิดประตูดูพบว่าห้องไม่ได้ถูกล็อกอย่างที่พิชชาบอกเอาไว้ เป็นครั้งแรกที่เธอได้เข้ามาในห้องนอนของพิชยะ อาการประหม่าเกิดขึ้นกับเธอตั้งแต่ที่ก้าวเท้าเข้ามา
ภายในห้องกว้างขวางข้าวของเครื่องใช้ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยจนดูไม่ออกเลยว่านี่คือห้องนอนของชายโสด
กวาดสายตาหาสมุดรายงานไปรอบ ๆ ห้องแต่ก็ไม่เจอ พิชชาไม่ได้บอกด้วยสิว่า หยิบติดมือเข้ามาแล้ววางไว้ตรงไหน
จวนจะสิบเอ็ดโมงครึ่งแล้วสงสัยเธอต้องรีบแล้วล่ะ เพราะต้องเผื่อเวลานั่งรถเมล์อย่างน้อยก็ครึ่งชั่วโมง ไม่อย่างนั้นจากที่มีเวลาเหลือเฟืออาจจะทำให้เธอเข้าเรียนสายเอาได้
“มีนขอเข้าไปในห้องทำงานหน่อยนะคะ” มนต์มีนาพูดกับตัวเองประหนึ่งเป็นการขออนุญาตจากเจ้าของห้อง เข้าไปไม่กี่ก้าวก็มองเห็นสมุดรายงานของเธอวางอยู่ใกล้กับนิตยสารบนโต๊ะกระจกตัวเล็กหน้าชุดโซฟา หญิงสาวรีบเดินไปหยิบแล้วหันหลังออกมาทันที ทว่าจังหวะจะเปิดประตูออกไปจากห้องก็ได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ใกล้เธอเข้ามาเรื่อย ๆ
ทะ…ทำยังไงดี
จริงอยู่ เธอไม่ได้จะเข้ามาขโมยของแต่เธอก็ไม่อยากให้พิชยะเห็นว่าเธออยู่ในนี้หรอกนะ
หญิงสาวในชุดนักศึกษารัดติ้วทำหน้าเลิ่กลั่กมองหาที่ซ่อนเป็นการด่วน ก่อนจะเหลือบไปเห็นว่าใต้โต๊ะทำงานพอมีพื้นที่ว่างให้เธอเข้าไปหลบภัย คิดได้ดังนี้ก็ไม่รีรอ จังหวะที่ประตูถูกผลักเข้ามามนต์มีนาจึงเข้าไปหลบได้ทันอย่างเฉียดฉิว
พิชยะขับรถออกไปไกลแล้วถึงนึกขึ้นได้ว่าลืมเอกสารสำคัญ เขาเลยต้องเลี้ยวรถกลับมา
ทว่าตั้งแต่ตอนที่เปิดประตูเข้ามาเขาก็ได้กลิ่นแปลกปลอมอบอวลอยู่ภายในห้อง เป็นเพียงกลิ่นหอมจาง ๆ ที่จมูกของคนอื่นอาจไม่ได้กลิ่นด้วยซ้ำ
แต่เพราะกลิ่นแปลกปลอมที่ว่านั้นเป็นกลิ่นที่จมูกของเขาจดจำและคุ้นเคยเป็นอย่างดี
มีใครสักคนแอบเข้ามาในห้องนอนของเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต
---------------
แมวตัวนี้จะโดนจับทำโทษมั้ยน้าา
-------------------
ฝากติดตามผลงานเรื่องใหม่ของไรท์ เพียงเม็ดทราย ด้วยนะคะ เรื่องนี้พระเอกเป็นเพื่อนกับเรื่อง พิศวาสรักเมียชั่วคืน หมอพิธาโผล่มาหลายฉากเลยค่ะ
กดใจ เพิ่มเข้าชั้นหนังสือ และเม้นพูดคุยเพื่อเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยน้าา ^^