บทที่5 เลิ่กลั่กแล้ว1

851 Words
กลิ่นแปลกปลอมที่ว่านั้นเป็นกลิ่นที่จมูกของเขาจดจำและคุ้นเคยเป็นอย่างดี มีใครสักคนแอบเข้ามาในห้องนอนของเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต และคน ๆ นั้นก็ยังอยู่ในนี้แน่ ๆ เพราะกลิ่นน้ำหอมที่มนต์มีนาใช้เป็นประจำชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ที่เขาเข้ามาในห้องทำงานแล้ว รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมุมปาก พิชยะไม่รู้หรอกว่าเธอเข้ามาทำอะไรในห้องนอนของเขา แต่เพื่อให้เป็นบทเรียน อย่างน้อยเขาก็ควรจะจัดการกับคนที่แอบเข้ามาในห้องนอนของคนอื่น หนำซ้ำยังเป็นเวลาที่เจ้าของห้องออกไปข้างนอก ร่างสูงโปร่งเดินไปยังมุมห้องที่มีเสื้อเชิ้ตแขวนอยู่ จากการวางข้าวของและเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นภายในห้องนี้ ก็ไม่น่าจะมีพื้นที่ให้มนต์มีนาหลบซ่อน นอกจาก…ใต้โต๊ะแคบ ๆ นั่น ศัลยแพทย์หนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ มนต์มีนาแทบจะกลั้นหายใจทำตัวเองให้ลีบเล็กประหนึ่งลูกแมวตัวน้อยหลงเข้ามาในที่ถ้ำเสือ เมื่อมองเห็นเจ้าของห้องเดินมาใกล้ หนำซ้ำยังยืนอยู่ห่างจากเธอไปไม่กี่ก้าว สายตากลมโตค้างนิ่งราวกับถูกสะกด ชายหนุ่มถอดเชิ้ตบนตัวออกจนเธอมองเห็นกางเกงชั้นในสีเข้มหมิ่นเหม่อยู่บนขอบกางเกงผ้าเนื้อดี พิชยะเป็นผู้ชายที่รูปร่างดีมากคนหนึ่ง อาจเพราะเขาเป็นคนชอบออกกำลังกายล่ะมั้ง ช่วงเอวถึงได้ดูแข็งแรงแบบนั้น คนอะไรก็ไม่รู้ช่วงขายาวชะมัด ไหล่ก็กว๊าง…กว้าง แผ่นอกนั่นก็อุดมไปด้วยมัดกล้าม ท่อนแขนขาว ๆ มองเห็นเส้นเลือดยันเส้นเอ็น นิ้วมือเรียวยาวสวยสมกับที่เป็นศัลยแพทย์ ตายแล้วมีน นี่เธอกำลังคิดลามกอะไรอยู่ เม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นเมื่อตัวเองเผลอไปสำรวจร่างกายของอีกฝ่าย รีบซุกใบหน้าลงไปกับเข่าทั้งสองข้างกอดสมุดรายงานตัวต้นเหตุอยู่หลายอึดใจ พิชยะสวมเสื้อตัวใหม่อย่างใจเย็นทั้งที่เวลานี้เขาควรจะถึงโรงพยาบาลแล้ว นึกอยากแกล้งคนที่กำลังลอบมองอยู่ อยากรู้นักว่ากล้ามท้องเป็นมัดและกล้ามแขนขาว ๆ ล่ำ ๆ ของเขาจะทำให้ใครบางคนแถวนี้แอบเช็ดน้ำลายหรือเปล่า คิดไปก็พลางยิ้มอยู่ในใจ... หลังจากติดกระดุมเสื้อด้วยความเอื่อยเฉื่อยพิชยะก็สวมเสื้อตัวใหม่เสร็จสักที ร่างสูงเปิดประตูออกไปจากห้องทำงาน เสียงฝีเท้าห่างออกไปเรื่อย ๆ หญิงสาวลืมตาขึ้นรู้สึกโล่งใจราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก แน่ใจว่าตัวเองปลอดภัยดีแล้วเธอก็ค่อย ๆ ลุกออกจากใต้โต๊ะ ทว่าจังหวะจะเอื้อมมือไปแตะลูกบิดประตูห้องก็ดันเปิดออก ดวงตากลมโตเบิกกว้าง รู้สึกเหมือนเป็นผู้ร้ายถูกตำรวจจับได้โดยละม่อม เขาออกไปจากห้องแล้วไม่ใช่เหรอ??? สีหน้าชายหนุ่มไม่ปรากฏความประหลาดใจ หากแต่สายตาคมคายกลับเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ “จับได้แล้ว” ใบหน้าของมนต์มีนาซีดเผือดเป็นไก่ถูกต้ม เธอควรจะอธิบายสาเหตุที่เข้ามาในนี้ หรือควรจะไขข้อสงสัยของประโยคเมื่อครู่ก่อนดี “เข้ามาทำอะไร” "เอ่อคือ…มีนเข้ามาเอาสมุดรายงานค่ะ พอดีว่าฟินน์ถือติดมือเข้ามา” ใบหน้าหญิงสาวผ่าวร้อนคล้ายคนมีไข้อ่อน ๆ แต่ไม่ใช่เพราะเธอถูกอีกฝ่ายจับได้หรอกนะ ภาพในตอนที่พิชนะถอดเสื้อยังติดตาอยู่ต่างหาก “งั้นเหรอ” สมุดรายงานที่ถืออยู่ในมือทำให้คำแก้ตัวของมนต์มีนาพอจะมีน้ำหนักให้เชื่อถือได้ แต่เขาก็ไม่พอใจอยู่ดี “ค่ะ ว่าแต่เมื่อกี้ที่เฮียพูดหมายความว่าไงคะ ที่ว่าจับได้แล้ว” ไม่อยากปล่อยให้ความสงสัยค้างคาในใจเธอจึงตัดสินใจถามออกไป “ก็จับแมวที่แอบเข้าห้องคนอื่นได้ไง” “ก็มีนบอกแล้วนี่คะว่ามีนแค่มาเอาสมุดรายงาน” เถียงไปทันควัน เธอมั่นใจว่าตัวเองเป็นคนมีมารยาทคนหนึ่ง ที่ผ่านมาไม่เคยเข้ามายุ่มย่ามในห้องนอนของเขาแม้แต่ครั้งเดียว ครั้งนี้มันจำเป็นหรอก “งั้นฉันไม่ถือโทษเอาเรื่องนี้ก็ได้แต่เรื่องที่เธอแอบมองฉัน จะว่ายังไง” สายตาที่จ้องลงมาราวกับเขาเป็นผู้พิพากษายืนอยู่บนบัลลังก์ ส่วนเธอคือนักโทษที่ทำความผิดไว้ร้ายแรง เธอแค่มองนิด ๆ หน่อย ๆ มันไม่ทำให้ส่วนไหนของร่างกายสึกหรอไม่ใช่เหรอ “มีนไม่ได้มองนะคะมีนไม่เห็นอะไรทั้งนั้น” น้ำเสียงหนักแน่น หากแต่มนต์มีนากลับหลบสายตาจับผิดของอีกฝ่าย เลิ่กลั่กน่าดู “ก็ดี เพราะฉันไม่อยากให้ใครเห็นรอยสักที่หน้าท้อง” “หน้าท้องเฮียไม่มีรอยสักนี่คะ” บิงโก เขามองเธอพร้อมกับพูดประโยคนี้อยู่ในใจแน่ ๆ ------------ คาหนังคาเขาขนาดนี้ ไม่จับทำโทษได้เหรอ คูมหมออออ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD