ฉันผลักอกแกร่งออกด้วยมือที่สั่นเทา จากนั้นก็พยายามจะเปิดประตูแต่มันล็อกไม่สามารถเปิดได้
“เปิดประตู”
แปงไม่สนใจคำสั่งของฉัน เขาทำหน้าเจ้าเล่ห์แล้วขับรถออกไปจากรั้วมหาวิทยาลัยทันที
รู้ว่าประตูรถไม่สามารถเปิดได้แต่ฉันก็พยายามจะเปิดมันตลอดทางเพราะไม่สามารถนั่งนิ่งๆ ได้ ในขณะที่กำลังวุ่นวายกับประตูเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้นมา
เสียงโทรเข้าที่ดังอย่างต่อเนื่องทำให้ฉันต้องละความพยายามแล้วมาสนใจโทรศัพท์แทน เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจพร้อมกับอุทานชื่อที่โชว์บนหน้าจอ “พะ พ่อ”
“รับสิ แต่ถ้าไม่กล้าฉันรับสายพ่อให้แทนเอาไหม”
“ยะ อย่ามายุ่ง”
เหมือนแปงจะมีความสุขกับการได้แกล้งให้ฉันตกใจหรือกลัว เพราะทุกครั้งเขาจะฝากรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เอาไว้
“จอดรถ ฉะ ฉันจะลง” ไม่รู้ทำไมเสียงต้องสั่นทุกครั้งที่พูดกับเขา ฉันไม่สามารถระงับความกลัวของตัวเองได้เลยจริงๆ
“รู้ไหมว่าไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนได้ขึ้นรถคันนี้”
“ฟะ ฟังที่ฉันพูดไม่รู้เรื่องหรือไง” แปงทำเป็นหูทวนลมเมินสิ่งที่ฉันบอก แถมเขายังพูดต่อคนละเรื่อง “เธอเป็นคนแรกเลยนะ”
“บอกให้จอดรถไง” สายจากพ่อที่โทรมาติดๆ นับสิบสายทำให้ฉันกลัวไม่กล้ารับเพราะไม่รู้จะอ้างยังไงดี กลับบ้านไปก็ไม่รู้จะเจอดุยังไงบ้าง เขาจะรู้ตัวบ้างไหมว่ากำลังทำให้คนอื่นเดือดร้อน
“บอกว่าจะไปส่ง” แปงหันมาบอกเสียงแข็ง คงไม่พอใจที่ฉันย้ำคำเดิมซ้ำๆ แต่เดี๋ยวนะ! คนที่ไม่พอใจต้องเป็นฉันสิ ไม่ใช่เขา
“กับคนอื่นเธอปฏิเสธขนาดนี้ไหม? ทำไมพอเป็นฉันถึงได้ไม่ถูกใจไปซะทุกอย่าง”
“ฉะ ฉันเคยพูดไปแล้ว”
แปงพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ จากนั้นเขาก็ตีไฟเลี้ยวหักพวงมาลัยรถเลี้ยวเข้าข้างทางกระทันหัน ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอกหลงดีใจคิดว่าเขาจอดให้ลง แต่ทว่าพอเปิดประตูแล้วมันก็ยังล็อกอยู่
“แค่เปิดใจให้ฉันมันทำยากนักหรือไงห๊ะ!!”
จู่ๆ แปงก็ตะคอกถามเสียงดัง คำๆ นี้เขาเคยถามและได้คำตอบไปแล้ว ทั้งที่รู้คำตอบทำไมถึงถามอีก ด้วยความที่กลัวเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วมันยิ่งทำให้กลัวมากขึ้น
“นะ นายจีบผู้หญิงแบบนี้หรอ”
“ทำไม?”
“แบบที่นายทำอยู่มันเรียกว่าก้าวก่ายพื้นที่ส่วนตัวนะ ตื้อแบบไร้ขอบเขตแถมยังชอบทำอะไรบ้าๆ ทำตัวแบบนี้ใครจะไปชอบ!!”
“เยอะแยะ! มีแต่เธอนั่นแหละที่เอาแต่ไล่ฉัน”
“ก็ ก็ฉันไม่ชอบ…..” ฉันต้องรีบเม้มปากแน่นเมื่อถูกสายตาจ้องเขม็งของแปง ก่อนจะหลบสายตาคู่นั้นแล้วพูดต่อ “ตะ ต่างคนต่างอยู่ได้ไหม ฉันขอนะแปงอย่าทำแบบนี้อีกเลย”
“คนอย่างฉันถ้าอยากได้อะไรก็ต้องเอาให้ได้”
“……..” เขาชัดเจนซะจนฉันไม่รู้ว่าจะปฏิเสธยังไงต่อดี อยากให้แปงเข้าใจว่าตอนนี้ฉันทั้งกลัวและไม่ชอบเขาขนาดไหน มันไม่ได้รู้สึกยินดีเลยสักนิดเวลาที่อยู่ใกล้ๆ
“ถ้ารำคาญมากก็ยอมเป็นแฟนฉัน แค่นั้นก็สิ้นเรื่อง!!”
“นายจะตื้อไปถึงเมื่อไร หัดยอมรับความจริงบ้างสิ”
“หึ! ไม่แน่เธออาจจะเป็นฝ่ายหลงรักฉัน”
เหมือนตอนนี้เราสองคนกำลังคุยกันคนละเรื่อง เหมือนแปงกำลังพยายามปฏิเสธความจริงอยู่ ความจริงที่ว่าฉันไม่มีทางชอบเขาได้
“ฉันไม่มีทางหลงรักผู้ชายเจ้าเล่ห์อย่างนาย”
“หึ!” ได้ยินเพียงเสียงสบถในลำคอจากแปงเท่านั้น เขาเบือนหน้าหนีไปทางอื่นแล้วก็เงียบ
“ปลดล็อกรถฉันจะลงตรงนี้ นายกำลังทำให้ฉันถูกพ่อดุอยู่นะ” ฉันข่มความกลัวเอาไว้และพยายามใช้สติพูดคุยแต่แปงเขาไม่ใช่คนที่มีเหตุผลจึงไม่ฟังสิ่งที่ฉันเพิ่งขอเมื่อครู่
รถหรูได้เคลื่อนตัวไปบนถนนอีกครั้งโดยที่ฉันพยายามขอร้องให้เขาจอด แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อมองไปยังถนนข้างหน้าและรู้ว่านี่คือทางมาบ้านของตัวเอง
เป็นไปได้ยังไงที่แปงจะรู้จักบ้านของฉันโดยที่ยังไม่ได้บอกอะไรกับเขาสักคำ ผู้ชายคนนี้จะอันตรายและน่ากลัวเกินไปแล้วนะ
“นะ นายรู้จักบ้านฉันด้วยหรอ”
หลังจากถามไปแล้วแปงก็ละสายตาจากถนนหันมามองหน้าฉันแทน “แล้วมันยากตรงไหน?”
“……..” ผู้ชายคนนี้อันตรายมากจริงๆ