EP.04 ยัยเชย

1027 Words
“เฮ้อ!..” ปรางทิพย์ถอนใจมองเวลาก่อนจะหยิบเครื่องสำอางขึ้นมาแต่งแต้มและสำรวจความเรียบร้อย ในฐานะนักธุรกิจหญิง เธออาจจะดูทันสมัย ดูดี แต่ในฐานะแม่ม่ายเธอก็คงจะเลี่ยงคำครหาของคนทั่วไปได้ยาก แค่การครองตัวเป็นโสดก็ทำให้ไม่ว่าจะกระดิกตัวไปทางไหน ในหน้าสังคมไฮโซก็ไม่พ้นจะมีข่าวของเธอให้เห็นอยู่เสมอ ยิ่งระวังก็คล้ายจะยิ่งสร้างช่องโหว่ให้คนอื่นเห็น เธอจึงต้องทำอะไรให้ถูกไว้ก่อน ดังนั้นข้อแลกเปลี่ยนสำหรับเธอกับอรินจึงเป็นสิ่งที่เธอไม่ควรจะก้าวข้ามไป “เราควรจะรอให้เขาเป็นฝ่ายก้าวข้ามมาใช่ไหม” เสียงเบาหวิวดั่งจะกล่าวกับหัวใจตัวเอง ให้คำพูดนั้นตอกย้ำถึงความเหมาะสม สังคมไทยไม่มีใครที่จะสามารถยอมรับได้ เพราะแม้อรินจะมีอาชีพเป็นเพียงเพื่อนเที่ยวแต่จะมีสักกี่คนที่จะยอมรับ กี่คนที่จะคิดว่าเขาเป็นเพียงแค่นั้นจริงๆ ในเมื่อเธอก็เป็นอีกหนึ่งคนที่หยิบยื่นในความไม่ใช่นั้นให้กับเขาไปแล้ว และสิ่งที่เขาปรนเปรอให้ เธอก็หยุดไม่ได้..สักครั้ง “น้อง.. เอ่อ..ที่นัดไว้หรือเปล่าจ๊ะ” “ใช่ค่ะ..ปาลิดาค่ะ” นุจนารถมองสำรวจพนักงานฝ่ายบัญชีคนใหม่ที่คุณปรางทิพย์ต้องการสัมภาษณ์ด้วยตนเอง แม้ว่าหญิงสาวที่แสนจะเชยคนนี้จะมาทำงานได้ 2 วันแล้วก็ตามด้วยเหตุผลที่ว่า “ฉันอยากรู้จักเขาด้วยตัวเอง เงินๆ ทองๆ นะนุจ ไม่ว่าตำแหน่งไหนฉันก็อยากจะรู้จักเขา อยากจะรู้บ้านช่องห้องหอว่าอยู่ที่ไหน เวลาตามทวงหนี้จะได้ไปถูก เธอว่าไหม..” คำพูดติดตลกของคุณปรางทิพย์ยิ่งทำให้เธอยิ้มกว้างมากขึ้นเมื่อเห็นการแต่งกายของพนักงานใหม่ จริงๆ แล้วน่าจะเรียกว่า สภาพหรือสารรูปซะมากกว่า เพราะเครื่องแต่งกายของหล่อนนั้นสุดแสนจะเชยไม่ทันสมัยเลยสักนิด แถมแว่นตาหนาเตอะแบบไม่เคยคิดว่าในสมัยนี้จะมีใครใส่กันอีก ก็ยิ่งทำให้นุจนารถคิดว่าถ้าคุณปรางทิพย์ได้เห็นปาลิดา เจ้านายสาวสวยของเธอคงจะจับน้องใหม่แต่งเนื้อแต่งตัวให้ดูเป็นผู้เป็นคนมากกว่านี้แน่ๆ เพราะพนักงานห้างสรรพสินค้า แม้จะไม่ได้ไปยืนขายของแต่เครื่องแต่งกายที่ดูดีก็เป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็น “เออ..หนู..” ปาลิดาก้มสำรวจตัวเองเพราะรู้สึกแปลกๆ ที่เลขาหน้าห้องผู้บริหารมองเธออย่างกับกำลังตีราคาวัตถุโบราณสักชิ้น “อ้อ..ไม่มีอะไรจ้ะ พี่เพียงแต่นึกอะไรเพลินๆ ไปหน่อย นั่งก่อนสิจ๊ะ คุณปรางทิพย์ท่านมีธุระด่วน ปา.. เอ่อ..” “ปาลิดาค่ะ” “จ้ะ.. น้องปาลิดา มีชื่อเล่นไหมจ๊ะ” “ชื่อ..หนูปลาค่ะ” “อุ๊ย! น่ารักจัง หนูปลาต้องมาพรุ่งนี้ 10 โมงนะจ๊ะ” “ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ พี่นุจ” “อุ๊ย! รู้จักชื่อพี่ด้วย น่ารักจริงๆ เลยเรา อย่างนี้สิพี่ชอบจะได้ทำงานกันนานๆ” “พี่นุจคะ ว่าแต่คุณปรางทิพย์เธอดุไหมคะ” “ดุสิ.. ดุมากด้วย” ปาลิดาหน้าแหยเมื่อนุจนารถยื่นหน้าเข้ามาหาพลางทำกิริยากระซิบกระซาบประกอบสีหน้าหวาดๆ เข้าใส่ นิ้วมือขยับแว่นอย่างอัตโนมัติแก้อาการประหม่าของตัวเองก่อนจะกลืนน้ำลายดังเอื้อกอย่างเสียวสยองพองขน “อิอิ.. พี่ล้อเล่นจ้า.. คุณปรางเธอทั้งใจดีทั้งสวย ถ้าหนูปลาได้เจอเธอจะคิดว่าโชคดีแล้วที่ได้มาทำงานที่นี่ พี่น่ะอยู่มา 5 ปีแล้วนะ ยังไม่เคยคิดจะเปลี่ยนงานเลย ไม่เชื่อไว้พรุ่งนี้มาเล่าให้พี่ฟังล่ะกันว่าที่พี่พูดน่ะถูกไหม” ปาลิดาเดินออกมาจากหน้าห้องผู้บริหาร รอยยิ้มน้อยๆ เกิดขึ้นในรอบ 2 วันที่ผ่านมาเพราะอย่างน้อยที่สุดการที่เธอดิ้นรนมาทำงานที่กรุงเทพฯ ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด งานที่ “วิฬาร์หรือหนูแมว” เพื่อนรักฝากฝังให้ แม้จะกังวลใจในคราแรกแต่มาถึงตอนนี้เธอก็คิดว่าสามารถทำงานที่นี่ได้แน่ จะลำบากก็แค่เรื่องที่พัก เพราะเคยอยู่แต่บ้านที่มีดินมีพื้นที่มองไปทางไหนก็เห็นไร่เห็นนาแล้วต้องเปลี่ยนมาอยู่คอนโดที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ตึกเห็นแต่รถราวิ่งกันขวักไขว่ไปหมด ชีวิตในแต่ละวันคงไม่ต่างจากการถูกขังอยู่ในกำแพงคอนกรีต แต่ก็ยังดีกว่าที่จะต้องถูกขังอยู่ในกำแพงประเพณีของพ่อและแม่ไม่ใช่เหรอ “อืม.. ตื่นเร็วเลยนะคะ ไม่เพลียเหรอ” “ใครว่าล่ะ ยังไม่ได้นอนเลยต่างหาก” ฝ่ามือแกร่งลูบไล้ท่อนแขนที่สอดรัดรอบเอวของเขาจากด้านหลังก่อนจะฮึมฮัมในลำคอเพราะเจ้าของท่อนแขนนั้นไม่ได้หยุดอยู่เฉย นิ้วเรียวยาวอ่อนนุ่มกำลังไต่ระดับลงต่ำและต่ำลงเรื่อยๆ โดยจุดหมายที่เธอกำลังไปให้ถึง.. กำลังทำให้อะไรบางอย่างที่สงบนิ่งไปไม่นานคล้ายจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง “อืม.. แองจี้” “อืมทำไมคะ ไม่อืมได้ไหม” “หึหึหึ..คุณนะ ช่างยั่วผมนัก” “ไม่ไปไม่ได้เหรอ ถ้าเบนไม่อยู่แองจี้ก็เหงาแย่” “จะสงสารดีไหม แองจี้เหงาไม่นานหรอกครับ ผมรู้” “เบนก็.. รู้ใจแองจี้ไปหมด แล้วอย่างนี้แองจี้จะหนีไปมีใครได้คะ” “หนีไม่ได้ก็อย่าหนีสิครับ เอาเป็นว่าพอผมกลับมาเราก็เหมือนเดิม OK. ไหม” “เบนพูดเอาแต่ได้ เบนมีแต่จะหนุ่มขึ้น แต่แองจี้ล่ะคะ มีแต่จะ.. อื้อไม่อยากพูดถึงเลยคำนั้น แค่คิดก็แสลงหัวใจแล้ว”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD