วันวิวาห์...
และฉันก็ยืนอยู่ในงานแต่งงานของตัวเอง งานแต่งที่ฉันพยายามปั้นหน้ายิ้มทำเหมือนมีความสุขนักหนา พิธีวิวาห์เป็นไปตามขั้นตอน
ใครหลายคนเคยเอ่ยไว้ว่าจุดสูงสุดของผู้หญิงคือ...งานแต่ง!
แต่ทำไมฉันไม่มีความสุขล่ะ!
‘เอาไว้พี่โตมากกว่านี้และพี่เรียนจบ...เราแต่งงานกันนะ’ ผู้ชายที่ฉันรักสุดหัวใจจับมือของฉันประสานกับมือของเขาและส่งน้ำเสียงพร้อมใบหน้าที่จริงจังมองมาที่ฉัน
‘หนูอ้วนแบบนี้พี่ก็จะแต่งด้วยเหรอ’ ผู้หญิงร่างท้วมเช่นฉันแสดงท่าทางเขินอายให้ชายคนรักที่อยู่ในชุดนักศึกษาชั้นปี2 ส่วนฉันอยู่ม.5
‘พี่รักหนูที่หนูน่ารักไงครับ พี่ชอบที่หนูเป็นแบบนี้’ เขาจับปอยผมทัดที่ใบหูของฉัน
‘พี่จะไม่ทิ้งหนูใช่ไหม’ แววตาไร้เดียงสาหันมองสายตาคม
‘พี่คินรักลีนะครับ จะทิ้งลีได้ไง’ เขาหอมที่พวงแก้มยุ้ยของฉัน เขาเป็นคนเดียวที่เรียก ‘ลี’ คงเพราะเราเป็นแฟนกันมั้งเขาเลยเรียกให้แปลกกว่าที่คนอื่นเรียกฉัน
‘หนูรักพี่คินนะคะ และจะรักพี่คนเดียว’ ฉันฉีกยิ้มจนแก้มปริ ฉันกับพี่คินเราเรียนที่เดียวกัน รู้จักกันในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้อง กระทั่งพี่คินเรียนจบฉันจึงบอกเขาว่า...ฉันรักเขา เราคบกันได้ไหม? ฉันไม่คิดหรอกว่าเขาจะตกลง แต่เขาดันตกลง จากนั้นเราก็แฟนกัน โทรหากันทุกวัน มาหาฉันเวลาที่เขาว่าง ฉันรักเขาหมดหัวใจ เขาคือรักครั้งแรก แฟนคนแรก เขาคือทุกอย่างที่ทำให้หัวใจของฉันเต้นแรง เราคบกันสามปีพอฉันจบม.6 พี่คินเดินเข้ามาบอกเลิกฉัน บอกว่าฉันไม่คู่ควรกับเขา บอกว่าอายที่คบกับฉัน พี่คินผู้ชายที่แสนดีของฉันเปลี่ยนไปเป็นผู้ชายใจร้าย และก็อย่างที่ฉันเคยบอกฉันเสียใจหนัก เสียหลักเพราะเขาเลยล่ะ ส่วนเขาคบผู้หญิงสวย ๆ มากมายไม่เหลียวมามองฉันคนที่เขาสร้างความบอบช้ำไว้
“ชาลี ชาลี ลี!” เจ้าบ่าวข้างกายสะกิดที่รอบเอวของฉัน ด้วยสรรพนามที่นานมากแล้วที่ไม่มีใครเคยเรียก เพราะมีเพียงเขาเท่านั้นที่เรียกแบบนี้
“อะไร?” ฉันสะดุ้งหลุดจากความทรงจำในอดีต
“คุณป้าพูดด้วยไม่ได้ยินหรือไง” เขากระซิบข้างหู ฉันจึงหันมองคุณป้าท่านหนึ่งซึ่งเป็นแขกที่มาร่วมงานแต่ง
“คุณป้าว่าอะไรนะคะ พอดีชาคิดอะไรเพลินไปหน่อยขอโทษนะคะ”
“ป้าบอกว่าขอให้หนูชาคนสวยมีความสุขมาก ๆ นะลูก วันนี้หนูสวยมาก” คุณป้าท่านยิ้มแย้ม
“ขอบคุณค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ” ฉันบอกกล่าวเพราะตอนนี้แขกกำลังทยอยกลับหลังจากที่งานแต่งงานกำลังจะเสร็จสิ้น
“ดีใจด้วยนะไอ้คิน กูกลับละ” เสียงของผู้ชายคนหนึ่งที่เดินมาพร้อมผู้ชายอีกคนพูดขึ้น
“เออ ๆ กลับดี ๆ ” ภาคินบอกเพื่อนทั้งสองของเขา
“มายก็มานะ มึงเห็นไหม” ผู้ชายอีกคนหนึ่งเอ่ย ส่วนคนที่กล่าวทักก่อนหน้านี้รีบสะกิดห้าม
“ไม่เห็นว่ะ กูบอกแล้วว่าไม่ต้องมา แล้วน้องมินมาไหม?” เจ้าบ่าวของฉันทำหน้าวิตกกังวลทันที
“ไม่มา เห็นว่าไม่สบาย” ชายคนเดิมพูดอีกครั้งและดูเหมือนเขาไม่ได้ยินดีมางานแต่ของฉันด้วยซ้ำ
“ทำไมมายไม่บอกกูวะ” เจ้าบ่าวของฉันทำท่าทางคิดหนัก
“ก็มึงต้องร่วมงาน มายไม่อยากให้มึงห่วงมั้ง”
“แต่มินคือลูกกูไหม” นายภาคินพูดขึ้นฉันหันมองหน้าของเขาทันที
“ไอ้ฟิวส์ กูว่าควรเลิกพูดได้ละ มึงไม่ต้องห่วงนะไอ้คินเดี๋ยวกูกับไอ้ฟิวส์ไปดูมายกับมินเอง” เพื่อนคนที่เอ่ยทักคนแรกรีบตัดบท ส่วนคนชื่อฟิวส์ที่ทำเหมือนไม่ชอบฉัน เขาแสยะยิ้มมุมปาก
“กูฝากด้วยนะ เดี๋ยวเคลียร์ทางนี้เสร็จกูจะรีบตามไป” นายภาคินว่า
ฉันจะไม่ถามเรื่องที่ฉันค้างคาใจ ต่อให้อยากรู้มากแค่ไหนก็ตาม เพราะฉันเป็นเมียแต่งที่เขาย้ำหนักหนาในระยะเวลาที่เราอยู่ด้วยกันก่อนถึงวันแต่ง ‘พี่ไม่ได้รักหนู’ ประโยคนี้เขาพูดจนฉันจำขึ้นใจ
เราอยู่ห้องเดียวกันก็จริง แต่เขานอนที่โซฟาและเราแทบจะไม่ได้เจอกันด้วยซ้ำ หรือฉันตั้งใจหลบหน้าเขานะ!
“โชคดีนะมึง” เพื่อนสนิทของฉันทั้งสามพูดประโยคเดียวกัน ซึ่งเจ้าบ่าวขอตัวเดินไปส่งเพื่อนที่รถ และคงพูดคุยอะไรที่ลึกลับแหละมั้ง
“ขอบใจพวกมึงนะที่สละเวลามาทั้งที่พรุ่งนี้จะเดินทางกันแล้วแท้ ๆ แม่ง พวกมึงทิ้งกูได้ไงวะ” ฉันน้ำตาคลอเบ้าเพราะเพื่อนทั้งสามต้องตามสามีไปทำงานที่ต่างประเทศ และพวกนางทิ้งฉันไปในเวลาเดียวกัน!
“ไปไม่กี่เดือนเองชา เดี๋ยวกูคิดถึงจะบินมาหา มึงเถอะอย่าหลงรักเขา กูเป็นห่วงมึงนะกูไม่อยากเห็นมึงเสียใจ” วาสนาที่เคยปากหมาวันนี้มันพูดมีแก่นสารมาก มันเกลียดภาคินเป็นทุนเดิม แล้วพอมารู้ว่าภาคินมีแฟนแต่ยังเลือกที่จะแต่งงานทำเหมือนฉันเป็นสิ่งของวาสนามันยิ่งเกลียด
“ก็กูเคยอยู่กับพวกมึงตลอด จู่ ๆ มาหายกูก็เสียใจดิวะ” ฉันโผกอดเพื่อนทั้งสาม เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานอยู่ด้วยกัน เรียน กินด้วยกันมาตลอดพอวันนี้จะต้องห่างกันฉันทำใจไม่ได้สักนิด
“ยังไงก็ยังโทรคุยทักคุยทุกวันไหมมึง เอาน่าเดี๋ยวกลับมา อย่าดราม่า” ชาช่าเอ่ยน้ำเสียงสั่น
“อืม ๆ เดี๋ยวกูก็หาย พวกมึงกลับไปพักเถอะ พรุ่งนี้ต้องเดินทาง”
“รักมึงนะอีชา” เพื่อนทั้งสามประสานเสียงและกอดฉันไว้แน่น
“รักพวกมึงเหมือนกัน” การห่างกันคงเป็นเรื่องที่ฉันต้องทำใจยอมรับสินะ แม้ไม่อยากจะห่างก็ตาม ไม่มีใครอยู่กับเราได้ตลอดเวลานอกจากตัวเราเอง
“แม่ดีใจนะที่เราสองคนได้แต่งงานกัน วันนี้แม่มีความสุขมาก แต่คงจะมากกว่านี้ถ้าทั้งสองมีหลานตัวน้อย ๆ ไว้ให้แม่อุ้ม” คุณหญิงสายสมรท่านเอ่ยขณะที่อยู่ในห้องที่เรียกว่าห้องหอ และท่านกำลังขอในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเราสองคน แต่เขามีลูกแล้วนิทำไมคุณหญิงสายสมรพูดเหมือนไม่รู้เรื่องล่ะ
“แม่ก็เหมือนกัน แม่แก่แล้วอยากอุ้มหลานก่อนตายนะ” นี่เสียงคุณหญิงสไบทอง ส่วนคุณวิสุทธิ์และคุณทองสุขท่านทั้งสองยืนเคียงข้างภรรยาแบบเงียบ ๆ ตามแบบฉบับ...คนกลัวเมีย
“ผมพร้อมตลอดครับ คงต้องแล้วแต่น้องว่าจะพร้อมไหม” เขาเริ่มสร้างภาพอีกครั้ง
หึ! ใครจะมีลูกกับผู้ชายที่มีแฟนแล้วล่ะ
“น้องเขินใหญ่ละ พ่อแม่ออกไปก่อนดีกว่า มีความสุขมาก ๆ นะลูก” คุณหญิงสายสมรท่านว่า ซึ่งฉันไม่ได้มีอาการเขินอายแม้แต่น้อย มองยังไงว่าฉันเขิน หรือท่านแก่แล้วเลยสายตาไม่ดี
“หนูจะอาบก่อนหรือจะให้พี่อาบก่อน” เขาเอ่ยถามหลังจากที่ผู้ใหญ่ออกจากห้องไปแล้ว วันนี้งานแต่งจัดขึ้นที่บ้านของฉัน ซึ่งตอนนี้ห้องฉันจึงกลายเป็นห้องหอ
“อาบก่อนเลย” ฉันว่าแค่นั้นเขาจึงเดินเข้าห้องน้ำไป ฉันจึงหันมาวุ่นวายกับการถอดชุดแต่งงานที่ดูแล้วการถอดเพียงคนเดียวน่าจะลำบากมากเลยล่ะ
“ทำไมไม่ขอให้ช่วยล่ะ” มือหนาเอื้อมปลดรูดซิบให้ฉัน “คิดถึงเวลาที่เราเคยยิ้มให้กันเนอะ เป็นไปได้ไหมถ้า...” มือหนาสองข้างกอดฉันจากด้านหลัง ลมหายใจอ่อน ๆ ผ่อนรดที่ต้นคอขาวเนียนของฉัน
“ไม่ต้องมาหลอกล่อฉันให้หลงเคลิ้มแล้วพลีกายให้คุณหรอกนะ” ฉันดิ้นออกจากอ้อมแขนของคนใจร้าย
“แต่ผู้ใหญ่อยากได้หลาน” เขาพูดตรง ๆ
“ไหนคุณบอกจะไม่ล่วงเกินฉันไง” ฉันย้อนถึงคำที่เขาเคยบอก
“แต่ตอนนี้แม่พี่กับแม่หนูอยากอุ้มหลานไง” ฉันแม่งโคตรจะอึ้งกับคำตอบของเขาเลย
“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ฉันจะไม่ขอรู้จักคุณ คุณแม่งโคตรใจร้ายเลยใจร้ายเลือดเย็นไม่มีหัวใจ ไอ้คนใจร้าย” ฉตัดพ้อมองเขาด้วยสายตาที่ผิดหวัง พี่คินคนเดิมของฉันหายไปไหน ทำไมเขาถึงใจร้ายกับฉันได้ขนาดนี้
“ลี! พี่...”
ครืด ครืด ครืด!
“ครับมาย” เขากำลังจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เมื่อมือถือดังเขาจึงเลือกที่จะกดรับ
(.....)
“น้องมินไม่สบายทำไมมายไม่บอกคิน”
(.....)
“แต่น้องมินก็ลูกคินนะ” ประโยคนี้หัวใจของฉันเจ็บจี๊ดขึ้นมาทันที เขามีลูกแล้ว มีลูกกับแฟนของเขา ฉันเลือกที่จะเดินหนีเข้าห้องน้ำเพราะบ่อน้ำตาของฉันกำลังจะแตก การโคจรกลับมาพบกันทำให้หัวใจที่เคยเข้มแข็งอ่อนฮวบฮาบลงหมดสิ้น ฉันแพ้ให้ผู้ชายคนนี้อีกแล้ว ผู้ชายที่ทิ้งฉันไปอย่างเลือดเย็น