ฉันยืนมองแม่น้ำที่ไหลผ่านซึ่งไม่มีทางไหลย้อนกลับ เราสองคนมายืนอยู่ที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ตอนนี้ว่าที่เจ้าบ่าวของฉันกำลังพูดกับคนในสายด้วยใบหน้าเครียด ฉันจึงทักหาเพื่อนในกรุ๊ปไลน์ นัดแนะให้คืนนี้ออกมาเจอซึ่งคำตอบที่ได้คือโอเค พวกนางคงรู้ว่าฉันกำลังแย่ เพื่อนแท้ย่อมไม่ทิ้งกันเสมอ
“ไม่ได้เจอกันนาน เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ” หลังจากที่เขาวางสายเขาก็เอ่ยทักฉัน
“ค่ะ”
“ขอบคุณนะที่ตอบตกลงแต่งงานกับพี่” เขาว่าขึ้นอีกครั้ง
“ฉันไม่รู้เรื่องงานแต่งหรอกค่ะ ไม่รู้ด้วยว่าใครคือเจ้าบ่าว”
“พี่มีแฟนแล้ว” เขาบอกพร้อมจ้องมองใบหน้าของฉัน
“จะยกเลิกงานแต่งก็ได้นะคะ ฉันไม่ได้อยากจะแต่งอยู่แล้ว” ฉันว่าอย่างไม่แคร์ มีแฟนแล้วจะมาแต่งกับฉันทำไมบ้าบอ
“ไม่ได้ เจ้าสาวของพี่ต้องเป็นชาลี แม่พี่บอกไว้แบบนั้นและตอนนี้แม่พี่ป่วยเป็นโรคหัวใจแต่ท่านไม่ยอมผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจถ้าพี่ไม่แต่งงานกับชา” เขาทำหน้าหนักใจ จากที่ฉันฟังผู้ใหญ่พูดคุยกันก็จับต้นชนปลายได้ว่า...แม่ของฉันเป็นรุ่นน้องของคุณสายสมรและทั้งสองรักกันมากเคยคุยกันเล่นๆว่าถ้าต่างฝ่ายต่างมีลูกสาวลูกชายจะให้แต่งงานกัน
“ค่ะ” ไม่แปลกใจที่แม่จะยกตำแหน่งประธานบริษัทให้ฉัน และเลือกที่จะไม่ถามฉันเรื่องแต่งงาน แม่คงจะเป็นห่วงคุณหญิงสายสมรสินะ
“เงื่อนไขของเราก็คือ พี่จะไม่ล่วงเกินชา พี่หวังว่าชาจะไม่ก้าวก่ายชีวิตของพี่และไม่ไปยุ่มย่ามกับแฟนของพี่”
“ประทานโทษนะคะ ถึงแม้เรื่องราวในอดีตฉันจะเคยรักคุณ มันก็ไม่ได้แปลว่าวันนี้ฉันจะรักคุณนะคะ ฉันไม่ได้รักคุณแล้วคุณไม่ต้องออกตัวปกป้องคนรักของคุณขนาดนั้นหรอกค่ะ เพราะฉันจะไม่เอาเวลาที่เป็นเงินเป็นทองไปเสียให้กับเรื่องไร้สาระ เรื่องแต่งงานฉันไม่ได้สนใจสักนิด และไม่คิดพิศวาสคุณด้วย เรื่องราวในอดีตหวังว่าคุณคงไม่เอาไปเล่าให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายฟังนะ และชีวิตหลังแต่งงานคือเราจะไม่ยุ่งเรื่องของกันและกันค่ะ ฉันคิดว่าฉันพูดเคลียร์และคุณคงเข้าใจถ้างั้นฉันลานะคะ" ฉันเดินออกมาอย่างสวยสง่า คนบ้าบอ คิดว่าฉันจะยังพร่ำเพ้อถึงเขาอยู่หรือไง
แม่ง!
ฉันก็เพ้อจริงๆนั่นแหละ แต่เพ้อถึงตอนที่เขาทิ้งฉันไปนะ
หมับ!
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง” มือหนาคว้าที่ข้อมือของฉัน
“เอาเวลาไปหาแฟนคุณเถอะค่ะ ฉันมีปัญญากลับเองได้” ฉันพยายามบิดข้อมือออกจากมือหนา
“ชา...” เขาจับที่ข้อมือของฉันไว้แน่นและมองหน้าของฉัน เขากำลังไม่พอใจฉันรู้จักนิสัยเขาดี
“กรุณาปล่อยมือด้วยค่ะ และฉันก็จะกลับเอง” ฉันย้ำอีกรอบ
“ไม่ได้เปลี่ยนแค่รูปร่างสินะ นิสัยที่เคยน่ารักก็หายไปด้วย” เขายกยิ้มมุมปาก
“หึ ไม่ได้อยากให้รักนะคะ ปล่อย!” เราฟาดฟันทางสายตาด้วยกันสักพัก เขาจึงยอมปล่อยฉันเพราะมือถือของเขาดัง แล้วฉันจะยืนอยู่ทำไมล่ะ ได้โอกาสฉันก็โบกแท๊กซี่กลับห้องสิจะรออะไรล่ะ
เวลาต่อมา...
18.30 น.
“ทำไมนัดมาที่บ้านมึงวะ” ฉันวางกระเป๋าและเอ่ยถามสายไหมผู้เป็นเจ้าของบ้าน จู่ๆนางก็ไลน์มาบอกเพื่อนในกรุ๊ปว่าขอเป็นที่บ้าน
“ผัวกลัวกูมองผู้” นางว่าด้วยท่าทางติดตลก
“พวกมีประวัติก็งี้” จ้า เสียงนี้ของวาสนาปากหมานั่นแหละเรื่องจิกกัดงานถนัดของมันจริงๆ
“เออ อีชาตกลงแม่มึงเข้าบริษัททำไม แล้วดูหน้ามึงดิ ดูเครียดยังไงไม่รู้” ชาช่าเอ่ยถามหลังจากที่นางเดินออกมาจากในครัวพร้อมกับแกล้ม
“พาว่าที่เจ้าบ่าวกับพ่อแม่เจ้าบ่าวมาแนะนำ” ฉันหย่อนก้นงามงอนนั่งที่เก้าอี้ข้างสระว่ายน้ำ วันนี้เราปาร์ตี้ที่ข้างสระ
“หน้าตาเป็นไง!” เพื่อนทั้งสามของฉันถามเป็นเสียงเดียวกัน พร้อมหน้าตาอยากรู้อยากเห็น
“ภาคิน” ฉันบอก
“จะมาเพ้อถึงพี่คินคนเฮงซวยทำไมตอนนี้” วาสนารีบโวย
“ภาคินคือเจ้าบ่าวกู” ฉันว่าจบก็กระดกเครื่องดื่มลงคอ
“เวรละ!” เสียงสบถออกมาพร้อมกัน
“เขาบอกกูว่าเขามีแฟนแล้วด้วยนะ” ฉันพูดต่อ
“เวรซ้ำเวรซ้อน” สามเสียงเปร่งพร้อมกันอีกรอบ
“และบอกด้วยนะที่แต่งงานเพราะแม่ไม่ยอมผ่าตัดหัวใจ แล้วถ้าแต่งกับกูคือแม่เขายอมผ่าตัด” ฉันพูดไปด้วยถอดชุดออกให้เหลือเพียงชุดว่ายน้ำที่สวมใส่มาเตรียมลงสระ
“เหมือนจะกตัญญูแต่ก็ไม่” วาสนาส่ายหน้าเอือมๆ วาสนาเกลียดภาคินที่ทำให้ฉันเสียใจและวาสนาก็คือคนที่ชอบย้ำตลอดว่าฉันมีปมด้อยเพราะภาคิน
“แล้วมึงเอาไงวะชา จะอยู่ด้วยกันได้เหรอ” สายไหมเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
“คงไม่ได้อยู่ด้วยกันหรอก แต่งแล้วก็คงต่างคนต่างอยู่ พอแม่เขายอมผ่าตัดเราก็คงหย่ากัน” ฉันพูดตามที่คิดเพราะเขาก็มีแฟน เขาคงจะไปอยู่กับแฟนเขานั่นแหละ
“ถ้าอยู่ด้วยกันคงอดใจไม่ไหวจนต้องแดกอีชาอ่ะ” ชาช่ามันว่าพร้อมมองเรือนร่างที่อยู่ในชุดบิกินี่ของฉัน
“กูไม่แดกของเก่าค่ะ” ฉันว่าด้วยท่าทางมั่นใจ จากนั้นก็ลุกขึ้นเตรียมกระโดดลงสระ
“กูจำได้ว่าของเก่าชิ้นนี้มึงยังไม่ได้แดกไม่ใช่เหรอวะ” อีวาสมันทักท้วง จนฉันเบรคขาแทบไม่ทัน
“อีวาส!” ฉันหันไปจิกตาใส่มัน
“แต่มันเคยจูบกันแล้วนะเว้ย อีดอกคบตั้งแต่ ม.4กระทั่ง ม.6 อีพี่คินแม่งจูบอย่างเดียวเพราะอีชาแม่งอ้วน ฮ่า ฮ่า ฮ่า” อีชาช่ากระเทยแปลงเพศมันเยาะเย้ยฉัน
“บางทีกูก็อยากจะเลิกคบเพื่อนอย่างพวกมึงจริงๆ” ฉันส่ายหัวให้เพื่อนทั้งสามที่ตั้งหน้ากวนประสาทฉันอย่างหนัก
“มึงเลิกคบพวกกูไม่ได้หรอก ฟ้าส่งให้เรามาเป็นเพื่อนกันเว้ย” สายไหมมันว่าจากนั้นมันก็กระโดดลงสระ ฉันจึงกระโดดลงบ้างก่อนที่อีวาสปากหมากับอีชาช่ามันจะขุดเรื่องเก่ามาจิกกัดฉันอีก
“อีชา!” เสียงชาช่าร้องเรียก ขณะที่ฉันกำลังจะแข่งว่ายน้ำกับสายไหมเพื่อคลายเครียด
“ว่า”
“คุณหญิงสไบทองโทรมาค่า” ชาช่าโชว์มือถือให้ฉันดู ฉันจึงรีบว่ายน้ำกลับไปหานาง
“ค่ะมัม”
(อยู่ไหนคะชาลีของแม่) น้ำเสียงหวานๆแบบนี้ทำให้ฉันรู้สึกไม่ปลอดภัยยังไงชอบกล
“อยู่บ้านสายไหมค่ะ”
(พรุ่งนี้ทำงาน ทำไมถึงไปเมา) นั่นไง น้ำเสียงเข้มขึ้นมาทันที
“แก้เครียดค่ะ”
(จะแต่งงานแล้วควรเลิกดื่มนะคะชาลี)
“นิดหน่อยเองค่ะแม่”
(แต่มัมไม่ปลื้มนะคะ ชาลีควรเตรียมตัวเพื่อการตั้งท้องค่ะ มัมอยากอุ้มหลาน) เป็นประโยคที่ฉันตกใจมากบอกเลย
“สต๊อปค่ะคุณหญิงสไบทอง ชาลีคนนี้คิดว่าเราคงต้องคุยกันนะคะ ภาคินเขาบอกชาว่าเขามีแฟนแล้ว ชาไม่อยากแย่งของใครค่ะ และเราไม่ได้รักกันด้วย” ฉันตัดสินใจบอกแม่ถึงเรื่องที่นายภาคินบอกฉัน
(อย่าใส่ร้ายพี่คินสิคะชาลี พี่คินเขาบอกแม่เองว่าเขายังไม่มีใคร แล้วที่สำคัญ...ชาลีรักพี่คิน) หัวใจของฉันแทบจะตกไปอยู่ที่พื้น แม่ของฉันรู้เรื่องนี้ได้ไง!?!
“แม่คะ”
(แม่จะไปอ่านหนังสือแล้วนะ คืนนี้ก็อย่ากลับดึกและอย่าเมาด้วย แม่รักชาลีนะลูก) จ้ะ ทิ้งปริศนาไว้ให้ฉันคิดอีกแล้ว
ใครเป็นคนบอกแม่เรื่องนั้นกันนะ
“หน้าเครียดเชียว” ชาช่าเอ่ยขึ้น
“แม่กูรู้ว่าภาคินคือใคร แล้วเขายังบอกกับแม่กูว่าเขาไม่มีแฟน แต่ที่เขาบอกกับกู...คืออะไรวะกูงง” ฉันกระดกเครื่องดื่มเข้าไปอีก เอาแม่งให้เมาไปเลย