08
#หลงเมียครั้งที่แปด
(ต่อ)
“ยุงภามฮะ...น้องครามจะเป็นเด็กดี จะไม่ดื้อกับหม่ามี๊เลยสักวันเดียว...สุขสันต์วันพ่อนะฮะ”
สิ้นเสียงเล็ก พวงมาลัยช่อโตก็ถูกยื่นมาตรงหน้าของนายแพทย์หนุ่ม นัยน์คู่ดุในวันนี้ทั้งสั่นเครือและวูบไหวมากกว่าปกติ กระนั้นก็ยังทอแสงอ่อนลง เต็มไปด้วยประกายความอ่อนโยนยามเมื่อมองเด็กชายนคินทร์
“เป็นเด็กดีของหม่ามี๊คนสวยและลุงตลอดไปนะครับ” เสียงทุ้มพูดพลางเอื้อมมือไปรับช่อพวงมาลัย
“น้องครามสัญญาฮะ!”
“หึ...ครับ”
พูดจบวงแขนก็เอื้อมไปคว้าเด็กชายตรงหน้าขึ้นมากอดแนบอก มือหนาลูบสัมผัสศีรษะทุยอย่างนึกเอ็นดู ก่อนจะทำในสิ่งที่ตนเองคาดไม่ถึงนั่นคือจรดปลายจมูกลงไปบนกลุ่มผมนุ่มอย่างแผ่วเบา
ทางด้านของพันดาวเมื่อเห็นลูกชายตนเองยิ้มร่าอย่างมีความสุขก็อดยิ้มตามไม่ได้ กระนั้นอยู่ ๆ ลำคอก็ตีบตันด้วยก้อนสะอื้นที่แล่นขึ้นมา พลันน้ำใส ๆ พรั่งพรูจากดวงตาไหลทะลักอย่างห้ามไม่อยู่
“อึก...ฮึก”
ทว่าดูเหมือนแรงสะอื้นจะหนักมากขึ้นกว่าเดิมมาเห็นน้องครามก้มตัวลงไปกราบพ่อของตนเอง อีกใจหนึ่งก็อยากบอกอีกคนให้รู้แล้วรู้รอดว่าเด็กชายคนนั้นแหละคือลูกของเขาแต่เธอก็ยังไม่กล้าพอ...เรื่องราวทุกอย่างจึงต้องเป็นความลับตลอดไป
ในคราแรกหัวใจเธอแทบร่วงไปถึงตาตุ่มเมื่อคุณครูประจำชั้นแจ้งว่ามีผู้ปกครองของน้องครามมาลงชื่อแล้ว แต่พอเห็นว่าเป็นอีกคนจึงรู้สึกสงบโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก ในใจของเธอนึกขอบคุณเขาเป็นร้อย ๆ ครั้งกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำให้เธอกับลูก
สองมือสั่นระริกยกขึ้นมาปิดบังใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา บ่อน้ำตาของเธอแตกราวกับทำนบเขื่อนพัง พันดาวสะอื้นไห้อย่างไม่อายใคร ความรู้สึกของเธอตอนนี้มีทั้งความสุขและความเศร้าในเวลาเดียวกัน กระนั้นความรู้สึกปิติยินดียังทำคะแนนนำโด่งกว่าใคร
จบงานร่างสูงอุ้มน้องครามเดินออกจากงาน กระนั้นระหว่างทางมีสายตาจากคุณแม่มากมายลอบมองเป็นระยะ อาจเพราะความหล่อเหลาและความยังหนุ่มยังแน่นจนชวนอิจฉาตาร้อนคนที่เป็นภรรยาไม่น้อย
ทว่านายแพทย์หนุ่มยังคงสนใจเพียงเด็กน้อยตรงหน้าเท่านั้น ที่เอาแต่พูดจ้อยเล่าเรื่องนู้นเล่าเรื่องนี้ให้ลุงภามอย่างน่าสนอกสนใจจนไม่ได้เงียบสักวินาทีเดียว
พันดาวสูดน้ำมูกเบา ๆ เหลือเพียงคราบน้ำตาข้างแก้ม ขอบตายังคงแดงก่ำจากการร้องไห้อย่างหนัก เธอกลั้นหายใจพลางเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะค่อย ๆ พรูลมออกพร้อมกับสาวเท้าเดินเข้าไปหาทั้งคู่
“ครามครับ”
“หม่ามี๊!” เมื่อได้ยินเสียงคุ้นหู เด็กน้อยก็รีบหันขวับไปตามเสียงทันที มือเล็กป้อมทั้งสองข้างยื่นไปตรงหน้าหม่ามี๊คนสวยพร้อมกับทำสีหน้าออดอ้อนออกมาจนพันดาวต้องเปลี่ยนเป็นอุ้มแทน
“...สวัสดีค่ะ” เสียงเล็กเอ่ยคำทักทายร่างสูงก่อนจะรีบเบือนหน้าหนีสายตาคมกริบที่จ้องมองมาอย่างมีคำถาม แต่ก็นับว่าอีกคนใจดีมากที่เลือกไม่ซักถามเธอต่อหน้าน้องคราม
ทั้งสามคนเดินมาหยุดอยู่ตรงโซนของสนามหญ้าขนาดใหญ่ที่มีเครื่องเล่นสำหรับเด็กหลายชิ้นวางอยู่ตามจุด เด็กน้อยดิ้นลงจากอ้อมแขนของแม่ก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปหาสไลเดอร์สีแดงทันที
เมื่อความเงียบเข้าปกคลุมจนรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง เป็นพันดาวเองที่เป็นคนเอ่ยทำลายความเงียบ
“...ขอบคุณที่มาวันนี้นะคะ”
“ครับ”
“ดาว เอ่อ ฉัน...ขอถามอะไรสักหน่อยได้ไหมคะ”
“...”
“คุณรู้ได้ยังไงว่างานคือวันนี้ แล้ว...คุณทำดีกับฉันกับน้องครามทำไมคะ”
สายตาเจือความใคร่รู้สบตากับอีกฝ่าย ตัดสินใจถามในสิ่งที่อยากรู้ไปตามตรง เธอพยายามค้นหาคำตอบในการกระทำของเขา พันดาวเพ่งมองราวกับต้องการให้ทะลุถึงสิ่งที่อยู่ในใจของนายแพทย์หนุ่มคนนี้
“วันก่อนผมตกลงกับน้องครามเอาไว้ว่าจะมางานถ้าเจ้าตัวเป็นเด็กดี...แล้วเขาก็เป็นเด็กดีจริง ๆ ผมจึงต้องรักษาสัญญา”
“...”
“ส่วนอีกข้อ...ผมตอบไม่ได้”
“...”
“มันเป็นความรู้สึกที่อยากปกป้อง อยากดูแล อยากพาไปกินของอร่อย ๆ อยากเจอหน้าทุกวัน ถ้าวันไหนไม่ได้เจอก็คงจะ...คิดถึง”
ภวินทร์พูดความรู้ของตนเองออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียงอย่างเคย นัยน์ตาคมกริบมองตามเด็กชายตัวน้อยที่กำลังวิ่งเล่นในสนามหญ้าโดยไม่ละสายตาแม้สักวินาทีเดียว
“...”
“คุณอึดอัดไหม ถ้าไม่...อย่าปฏิเสธผมเลยนะ”
อยู่ ๆ พันดาวก็รู้สึกว่าประโยคที่อีกคนเอ่ยออกมามันเหมือนกับกำลังขอร้องและอ้อนวอนในขณะเดียวกัน พลันอุณหภูมิข้างแก้มเกิดร้อนผ่าวขึ้นมา เสตาหลุกหลิกทำตัวไม่ถูกเมื่ออีกคนหันมามองกัน กระนั้นความอ่อนไหวยังคงฉายชัดในดวงตา
“คะ คุณ...” เสียงสั่นเครือไม่ได้มาจากการร้องไห้แต่เป็นเพราะความเขินอายต่างหาก
“ส่วนคุณอย่าร้องไห้อีกก็พอ...ไม่เคยมีใครบังคับให้ผมทำอะไรได้นอกจากผมจะอยากทำจริง ๆ”
“...”
“...ฉะนั้นเชื่อเถอะว่าทั้งหมดที่ผมทำให้...ผมเต็มใจทำให้จริง ๆ” น้ำเสียงแสดงความปลอบโยน คล้ายสายน้ำเย็นชโลมใจที่อ่อนล้าให้กลับมาสดใสดังเดิม
“อึก...ขอบคุณนะคะ”
ไม่มีคำพูดใด ๆ ตอบกลับมานอกจากฝ่ามืออุ่นที่กำลังลูบหัวคนขี้แยอย่างปลอบประโลม
(tbc)