หลายชั่วโมงต่อมา
สุดท้ายฉันก็ต้องโดนพี่คิวลากออกมาเที่ยวกับเขาจนได้ เหมือนเป็นการเปิดตัวอย่างนั้นแหละ
ถ้าจำไม่ผิดเคยได้ยินคะนิ้งเล่าว่าเขาจะมีแก๊งเพื่อนสนิทที่สาวๆไม่เคยได้ไปทำความรู้จัก แต่วันนี้เขาจะพาฉันไปหาเพื่อนๆของเขากลุ่มนั้น
ทุกคนมีแฟนกันหมดแล้วยกเว้นพี่คิว เพราะฉันยังไม่ใช่แฟน!
จะเป็นแฟนกันต้องขอเป็นแฟนก่อนสิถึงจะถูกต้อง บอกชอบซักครั้งก็ยังไม่เคยจะให้ฉันมโนว่าเขาชอบได้ยังไง
"พวกมันมากันหมดแล้ว" พี่คิวบอกแล้วเอื้อมมือมาจับมือฉันเดินผ่านโต๊ะที่มีคนนั่งอยู่ประปรายเข้าไปด้านใน
"จับมือทำไม เตยไม่ใช่เด็กนะ" พูดไปงั้น แต่ฉันก็ยอมให้จับอยู่ดีแลพเขาก็ไม่ยอมปล่อยด้วย
จนกระทั่งเรามาถึงโต๊ะที่จองไว้ก็เห็นเพื่อนของเขานั่งอยู่ครบแล้วเจ็ดคน
"มึงควรมาคนแรกแต่นี่มึงมาคนสุดท้ายเลยไอ้xxx" ผู้ชายคนหนึ่งด่าพี่คิวพอเลื่อนสายตาไปมองคนที่นั่งข้างๆเขาฉันก็ต้องทำตาโตขึ้นมา
"ใบชา!"
ใบชาคือเพื่อนคณะฉันแต่เราเรียนคนละสาขา ยัยนั่นเรียนการตลาดแต่ฉันเรียนการบัญชี เคยได้ยินแว่วๆว่าใบชามีแฟนอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์แต่ไม่คิดว่าจะเป็นเพื่อนพี่คิว
"หวัดดีเตย" ยัยใบชายิ้มแล้วโบกมือให้ ทำไมไม่ตกใจเลยล่ะที่ฉันมากับพี่คิว
มันแปลความได้หลายแบบคือหนึ่งพี่คิวควงสาวมากหน้าหลายตาจนทุกคนมองเป็นเรื่องปกติ กับสองใบชารู้อยู่แล้วว่าพี่คิวมีความสัมพันธ์ยังไงกับฉัน นั่นแปลว่าไอ้พี่คิวมันเอาฉันไปนินทา
"หวัดดี" ฉันยิ้มแห้งแล้วยกมือโบกตอบก่อนจะนั่งลงตรงเก้าอี้ที่พี่คิวเลื่อนมันมาให้นั่งข้างๆเขา ท่ามกลางสายตาของผู้หญิงอีกสามคนที่นั่งยิ้มอยู่ ส่วนผู้ชายอีกสองคนก็มองมาเงียบๆ หนึ่งในนั้นฉันจำได้ว่าคือ 'ทศกัณฐ์' อดีตเฮดว้ากคณะวิศวกรรมศาสตร์
ที่จำได้เพราะเมื่อก่อนสาวๆกรี๊ดเขาเยอะพอสมควรช่วงที่มีกิจกรรมของมหาวิทยาลัยปีก่อน ยกเว้นฉันหนึ่งคนที่ไม่ได้ปลื้มเพราะฉันมีแฟน
"มึงจะไม่แนะนำแฟนให้เพื่อนรู้จักเหรอ" เสียงของแฟนใบชาเอ่ยขึ้น
"พวกมึงนี่น้องเตย เมียกู" แล้วพี่คิวก็แนะนำฉันทันที แต่เดี๋ยวนะ! คำก็เมียสองคำก็เมีย แค่พูดกับฉันไม่ว่าแต่กล้าไปบอกชาวบ้านเขาแบบนั้น ตัวเองยังไม่เคยบอกชอบฉันเลย กล้าที่จะแนะนำแบบนั้นได้ยังไงกันเล่า!
"พี่คิว!!" ฉันเอื้อมไปหยิกแขนเขาทันทีอย่างหมั่นไส้
"เจ็บครับว่าดุ" เจ็บแต่เขาก็ยังยิ้มกวนประสาทส่งมาให้ฉันอยู่ดี
"สวัสดีค่ะ หนูชื่อญานินนะเป็นแฟนพี่ทศกัณฐ์คนนี้ คนนี้นิเนย ใบเฟิร์น แล้วก็พี่นธีแฟนนิเนยค่ะ" สาวรุ่นน้องทักทายอย่างเป็นมิตรพร้อมกับรอยยิ้มฉันจึงยิ้มตอบไป
หลังจากนั้นเราก็นั่งดื่มนั่งคุยกัน แฟนของเพื่อนๆพี่คิวน่ารักทุกคน ใบชาเองฉันก็รู้จักกับมันในระดับหนึ่งเลยไม่ได้อึดอัดอย่างที่คิดไว้ในตอนแรก
"เตยไปเข้าห้องน้ำนะ" พอเวลาผ่านไปพักใหญ่ดื่มไปหลายแก้วพอสมควร ฉันก็บอกพี่คิวแล้วหยัดตัวลุกขึ้นเดินออกมาโดยไม่ต้องรอให้เขาได้อนุญาต ร้านนี้ฉันเคยมาอยู่เหมือนกันแต่ก็ไม่ได้บ่อยอะไน พอรู้จักที่รู้จักทางไม่ต้องให้ใครไปส่ง
"ยัยเตย!"
ทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงนั้นฝีเท้าของฉันก็หยุดลงทันที หลังจากที่เดินออกมาจากโต๊ะผ่านอีกโซนหนึ่งของร้าน หัวใจฉันมันเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆและเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง
ฉันจำเสียงของผู้หญิงคนนี้ได้ดีและมั่นใจว่าเป็นยัยคะนิ้งอย่างแน่นอน
"..." พอหันไปมองก็เห็นยัยนั่นก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับขมวดคิ้วเป็นคำถามคงไม่คิดว่าฉันจะมาร้านนี้เหมือนกันและฉันเองก็ไม่คาดคิดว่าจะมาเจอมันที่นี่
คืนนี้รู้สึกเหมือนจะมีเรื่องเลย
"แกมากับใคร จะมาเที่ยวก็ไม่บอกเลยนะ หรือหนีมาเที่ยวคนเดียวอีก ติดใจอะไรหรือเปล่า" คะนิ้งกอดอกมองฉันก่อนจะยิ้มกรุ้มกริ่มออกมา
ดูจากสายตาแล้วคงไม่คิดเรื่องดีๆกับฉันเท่าไหร่
"ฉันไม่ได้..."พูดไม่ทันจบยัยคะนิ้วก็พูดขึ้นขัดจังหวะ นิสัยข้อหนึ่งของมันที่ฉันไม่ชอบคือเรื่องนี้แหละ ไม่เป็นผู้ฟังที่ดีเอาแต่จะพูดเรื่องตังเอง
"ฉันสืบมาว่าพี่คิวจะมาร้านนี้ แกเห็นมั้ย" พอพูดถึงพี่คิวฉันก็ใจเต้นแรงขึ้นมาอีกรอบ เอาวะคืนนี้จะเกิดอะไรมันก็ต้องเกิด ถ้าไม่รู้วันนี้วันหนึ่งก็ต้องรู้เหมือนที่พี่คิวบอกฉัน
ฉันควรจะบอกกับมันเรื่องพี่คิว ดีกว่าต้องมาทะเลาะกันทีหลังหรือเปล่านะ
"ฉัน..." ไม่ทันที่จะคิดพูดอะไร ยัยนั่นก็พูดแทรกขึ้นมาอีก
"วันนี้วันเกิดพี่เขา ฉันต้องได้แฮปซักหน่อย ถ้าเห็นบอกด้วยนะ" พอได้ยินมันพูดแบบนี้แล้วก็คิดคำพูดไม่ออกขึ้นมาดื้อๆ
"แล้วแกมากับใคร" พอหันไปมองถึงได้รู้ว่าเป็นเพื่อนต่างคณะที่ยัยคะนิ้งชอบไปเที่ยวร้านเหล้าด้วย เป็นเพื่อนที่โรงเรียนกับเพื่อนของเพื่อนซึ่งฉันก็ไม่ค่อยสนิทแค่รู้จักเผินๆเท่านั้น
แล้วยังดูจะสนิทกว่าพวกฉันซะอีก แต่รู้สึกว่าสายตายัยพวกนั้นมองฉันไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ เลยไม่ได้ส่งยิ้มให้ใครมองมานิ่งๆก็มองกลับนิ่งๆไปเข่นกัน
"จะมาดื่มหรือมาคุยอีนิ้ง! ไม่เจอกันนานเหรอพวกมึง" ผู้หญิงท่าทางแรงๆคนหนึ่งพูดเสียงดังแล้วมองฉันด้วยหางตา
"เออๆ" คะนิ้งตอบแล้วเดินหนีกลับไม่สนใจฉันอีกเลย บางทีก็น้อยใจนะที่มีเพื่อนแบบมัน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกด้วยที่มันเห็นเพื่อนกลุ่มนั้นสำคัญกว่า
ที่จริงมันคบกับพวกฉันก็ไม่ใช่ว่าสนิทอะไรกันนักหรอก จะว่ามันไม่มีที่ไปก็ว่าได้เพราะคะนิ้งมันจะอยู่กับพวกเราแค่ตอนเรียนหรือช่วงที่มีเรียนด้วยกันเท่านั้น นอกเหนือเวลานั้นมันก็ไม่ได้บอกว่าจะไปไหนทำอะไร แต่เพราะยังไงก็คบกับมันมาตั้งแต่ช่วงปลายเทอมของปีหนึ่งก็ถือว่าเป็นเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งไปแล้ว
"เป็นอะไร" พอมาถึงโต๊ะหลังจากที่ไปทำธุรส่วนตัวเสร็จพี่คิวก็เอ่ยปากถามทันทีเพราะตอนนี้หน้าฉันมันคงมีความกังวลเกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
"เตยอยากกลับแล้ว" ฉันบอกแล้วเม้มปากเข้าหากัน
"ทำไม" พี่คิวมองฉันด้วยความไม่เข้าใจ คิ้วเข้มของเขาเริ่มขยับเข้ามาชนกัน
"..." ฉันเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะบอกเขาไปตามตรงแบบไม่ต้องปิดบังว่าฉันกำลังคิดหนัก "ยัยคะนิ้งก็มาร้านนี้"
"แล้วไง" เขาตอบเสียงเรียบแต่ฉันกลับถอนหายใจออกมาด้วยความไม่สบายใจอย่างมาก "ฟังนะ"
พี่คิวเอื้อมมือมาจับมือฉันแล้วบีบเอาไว้เลื่อนหน้าเข้ามากระซิบด้วยสีหน้าจริงจังมากกว่าที่เคยเห็นมาก่อนหน้านี้
"ฉันชอบเธอไม่ได้ชอบเพื่อนเธอ แล้วเธอจะกลัวอะไร" คำพูดของเขามันทำให้ฉันทำตัวไม่ถูก จะว่ารู้สึกดีมันก็ใช่แต่มันก็แฝงไปด้วยความกังวลเรื่องของคะนิ้ง
แต่ก็น้อยกว่าก่อนหน้านี้ เพราะฉันเริ่มไม่โอเคกับนิสัยของมันมากขึ้นหรือเปล่าก็ไม่รู้
"ยัยเตย"
จังหวะที่เราสองคนกำลังจ้องตากันอยู่นั้นเสียงของคะนิ้งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง ฉันรีบดึงมือออกมาจากพี่คิวแล้วหันไปมอง
ทุกคนทั้งโต๊ะก็หันไปมองด้วย รวมถึงโต๊ะอื่นที่ได้ยินประโยคถัดมาของยัยนั่น
"ทำแบบนี้หมายความว่าไงวะ!!" น้ำเสียงและท่าทีขิงคะนิ้งตอนนี้เหมือนโกรธฉันมาก ดวงตาสั่นระริกจนฉันไม่กล้ามอง
เพี๊ยะ!
อยู่ๆยัยนั่นก็เดินเข้ามาทิ้งฝ่ามือลงบนแก้มของฉันโดยที่ไม่มีใครได้ทันตั้งตัว ถามว่าเจ็บมั้ยมันเจ็บแต่คงน้อยกว่าความรู้สึกฉันตอนนี้ ฉันยกมือขึ้นมาลูบหน้าตัวเองเบาๆแล้วหันไปมองยัยคะนิ้งด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากจะเชื่อ
"..." ฉันผิดที่ไม่บอกมัน แต่เรื่องของความสัมพันธ์ฉันมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดเพราะพี่คิวเขายืนยันว่าไม่ได้เป็นอะไรกับมัน
ตอนนี้ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์พากันมองมาที่เราหมด และคงมองว่าฉันเป็นคนผิดแย่งผัวชาวบ้านอยู่แน่ๆ
"ทำอะไรของเธอวะ!"