พอทำงานเสร็จพวกเราก็ชวนกันไปกินข้าวที่โรงอาหารคณะอักษร เพราะที่นี่มีร้านข้าวไก่ย่างร้านหนึ่งที่ดังมาก ไม่ว่าใครก็ต้องได้มาลองซักครั้งก่อนเรียนจบ เวลานี้เพิ่งจะสิบเอ็ดโมงคนเลยไม่มากเท่าไหร่
"พรหมลิขิตชัดๆ" ทันทีที่มาถึงยัยคะนิ้งก็พูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม ทำให้พวกเราต้องมองตามสายตาของมันไป
เห็นกลุ่มผู้ชายวิศวะใส่เสื้อช็อปสีกรมสามสี่คนกับผู้หญิงอีกสามคนที่นั่งกินข้าวด้วยกันหนึ่งในนั้นคือคนที่ฉันไม่อยากเจอที่สุดในโลก
'พี่คิว'
ซวยอีกแล้วชีวิตฉัน ปกติก็ไม่เคยมาเจอกันตอนกลางวันแบบนี้ นี่คงเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเขาในลุคนักศึกษา ก็ดูดีไปอีกแบบแหละ เพื่อนเขาในกลุ่มก็หน้าตาดีกันหมดรวมถึงผู้หญิงด้วยคงเป็นแฟนของผู้ชายแก๊งนั้นซักคน
"แก๊งนี้แหละเพื่อนสนิทพี่เขา" ยัยคะนิ้งทำหน้าคาดหวังอะไรบางอย่างก่อนจะหยิบกระเป๋าตังของตัวเองแล้วแกล้งเดินผ่านไปทางโต๊ะของพี่คิว
พอพี่เขาหันไปเจอยัยนั่นก็ทำตัวเหมือนบังเอิญและทักทายไป จริตนี้ใครมันจะดูไม่ออก
"เชื่อมันเลย กูขอเลิกคบมันได้มั้ย รับไม่ได้" เค้กบ่นอย่างรำคาญก่อนจะเดินไปร้านข้าว
ฉันกำลังจะเดินออกไปก็เผลอสบตาสกับพี่คิวที่หันหลังมามองพอดี ยัยนั่นคงบอกว่ามากับพวกเรา พอเห็นฉันเขาก็เหมือนอมยิ้มแล้วหันกลับไป
ไม่รู้ทำไมถึงได้เกลียดรอยยิ้มนั่นนัก ดูไม่ถูกใจฉันเอาซะเลย
"เอาข้าวไก่ย่างพิเศษค่ะ" ฉันสั่งกับป้าคนขายแล้วยิ้มให้
"ไม่เห็นหน้านานเลย นึกว่าเรียนจบไปแล้ว"
ป้าจำฉันได้ด้วย รู้สึกปลื้มใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะตั้งแต่ปีหนึ่งถึงปีสองพวกเราชอบมากินข้าวคณะนี้แต่พอขึ้นปีสามก็ไม่ค่อยได้มาอีกเลยไม่แปลกที่แกจะคิดว่าฉันเรียนจบแล้ว
"เตยยังอยู่ปีสามอยู่เลยค่ะ" ฉันบอกพร้อมกับยิ้มให้ ป้าแกก็หัวเราะลั่นแล้วขอโทษขอโพยใหญ่คงกลัวฉันโกรธล่ะมั้งที่หาว่าหน้าแก่จนเรียนจบไปแล้ว
"ป้าไม่ได้ว่าหน้าแก่นะ แต่เห็นหายไปหลังปิดเทอมเลยคิดว่าเรียนจบ อย่าโกรธนะลูก ยังไงก็สวย ฮ่าๆ"
"ไม่เป็นไรค่ะ เตยไม่คิดมากค่ะ" ฉันตอบแล้วรับจานมาจากป้าเจ้าของร้านก่อนจะเดินไปหยิบซอสและหมุนตัวเดินกลับมา "..!!"
"..." ไอ้พี่คิวมันมายืนต่อแถวฉันตอนไหน
พอหันมาพี่คิวก็ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตาแบบนี้มันหน้าตบมากเขาจะรู้ตัวมั้ย แล้ววันนี้ฉันยิ่งใส่มาซะรัดติ้วเลย
"หลีกหน่อยค่ะ" ฉันบอกเหมือนเขาเป็นคนแปลกหน้า เพราะตอนนี้เขายืนปิดทางเดินหมด
"ออ ครับ" คนตรงหน้าตอบแล้วหลีกให้จริงๆแต่แค่นิดเดียวแล้วเหลือช่องให้เดินแค่คืบกว่า ทำทีไปตะโกนสั่งข้าวกับป้าแต่สายตามองฉันอยู่ "เอาแบบน้องเขาครับ น่ากินดี..."
ไอ้บ้านี่อยากจะกวนประสาทใช่มั้ย
"..." ฉันจ้องหน้าพี่คิวอย่างเอาเรื่องก่อนจะดันตัวเขาออกห่างจนเซไปข้างๆแล้วเบียดตัวออกมาทันที "กวนประสาท"
"คิดถึงจัง" เขาพูดออกมาเบาๆ คำนั้นทำเอาฉันต้องหันไปมอง ก็เห็นหน้าใบหน้าเจ้าเล่ห์นั่นยิ้มกริ่มอยู่
"..." ฉันขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วหันหน้ากลับมา พี่คิวก็ก้าวเท้ามาใกล้ๆก่อนจะก้มลงมากระซิบจากด้านหลัง
"คืนนี้ไปหา"
"ไม่ต้อง!"
พูดใส่หน้าเขาจบฉันก็รีบเดินออกมา โชคดีที่ร้านนี้อยู่มุมด้านในสุดคงไม่มีใครมองเห็น นอกจากป้าร้านข้างๆ
"เป็นอะไรหน้าบูด" ยัยเค้กถามเมื่อเห็นฉันที่กำลังหย่อนตัวนั่งลง ไม่รู้หรอกว่าตอนนี้หน้าฉันมันยังไง แย่ขนาดไหน รู้แต่ว่าหงุดหงิด
"ไม่มีอะไร โมโหหิว" ฉันตอบแล้วตั้งหน้าตั้งตากินข้าว คิดว่ากินเสร็จก็จะกลับห้องเลยไม่อยากจะรอใครหน้าไหนทั้งนั้น
"เมนมาเหรอเตยหอม" ยัยต้องตาเป็นพวกที่ชอบพูดคำธรรมดาหน้าตานิ่งๆแต่หมายหมายมันมักจะไม่ธรรมดาเท่าไหร่เลย
"อืม คงใช่" ฉันตอบมันไปแบบนั้นให้จบปัญหา ที่จริงไม่เป็นประจำเดือนหรอกเพิ่งหายไปวันก่อน
"ยัยคะนิ้งไปนานจังวะ"
"นุ่น" ต้องตาบุ้ยปากบอกเค้ก ฉันเลยหันไปมองด้วย ก็เห็นยัยคะนิ้งเดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขนาบข้างพี่คิวมา
พอเขาถึงโต๊ะยัยนั่นถึงได้เดินมาหาพวกเรา
"ไม่ต้องกินข้าวก็ได้มั้ง กินผู้ชายเหอะ" เค้กบอกคะนิ้งที่เพิ่งเดินมาถึงโต๊ะ
"ถ้าเขาให้กินจะกินให้ไว"
ฉันปล่อยให้พวกนั้นโต้วาทีกันไป รีบกินของตัวเองจนหมดก็ลุกขึ้นจากโต๊ะ
"กลับก่อนนะอยากนอน" ฉันบอกพวกมันแล้วหยิบกระเป๋าตัวเองขึ้นมา
"ไปส่งมั้ย รอก่อน" ยัยเค้กรีบกินข้าวในจานตัวเอง
"แกไม่ต้อง ฉันเดินไปก็ได้ไม่ไกล" ฉันบอกมันแล้วเดินออกมา ที่จริงมันก็ไม่ได้ใกล้นักหรอกแต่ไม่อยากรบกวนเพื่อนเท่านั้น
วันนี้มีเรียนแค่วิชาเดียวช่วงเช้า ทีแรกว่าจะชวนพวกนั่นไปนั่งเล่นร้านกาแฟแต่ตอนนี้ไม่อยากไปไหนแล้ว ขอไปนอนหลับที่ห้องดีกว่า
พอกลับมาถึงห้องฉันก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใส่สบายเหมือนทุกครั้งที่อยู่คนเดียว ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนเล่นมือถือเรื่อยเปื่อย
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูทำให้ฉันละความสนใจจากหน้าจอไปมองทางต้นเสียงแล้วมันก็ดังขึ้นอีกรอบจนต้องลุกไปเปิด
"..." คนเคาะประตูยืนนิ่งแล้วมองมาด้วยรอยยิ้ม
"มีอะไร"
พี่คิวอีกแล้ว... นี่เขาต้องการอะไรจากฉันกันแน่
"เข้าไปหน่อย" เขาบอกแล้วดันประตูเข้ามาแบบที่ฉันไม่ทันได้ตั้งตัว
"พี่มีอะไรว่ามาเลย" ฉันหันหลังมาถามอย่างหาเรื่องนั่นแหละ
"ไม่มีอะไร แค่อยากมาหา" เขาพูดได้หน้าตาเฉยมาก วางกระเป๋าลงบนโต๊ะทำงานก่อนจะเดินมาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแล้วหลับตาลงเหมือนคนที่อดหลับอดนอนมาหลายวัน
"พี่คิว เรามาคุยกันให้รู้เรื่องดีกว่า"
"อืม" เขาตอบรับในลำคอทั้งที่ไม่ได้ลืมตา นอนหงายเอาแขนก่ายหน้าผากไว้ด้วยก็คงเหนื่อยจริงๆมั้งแต่ฉันต้องสนหรือไง
"ห้ามมาหาอีก เลิกยุ่งกับเตยได้แล้ว"
"..." เขาไม่ตอบค่อยๆลดแขนลงแล้วลืมตาขึ้น "อย่างอแง ของีบหน่อย"
พูดจบเขาก็ลุกขึ้นนั่งก่อนจะถอดถุงเท้าไปวางข้างตะกร้าเสื้อผ้าของฉันถอดกางเกงยีนจนเหลือแต่กางเกงขาสั้นแล้วเดินกลับมาที่เตียงทิ้งตัวลงนอนอีกรอบ
"พี่คิว!"
"ถ้าไม่เงียบฉันเอานะ"
ฉันเงียบลงทันทีที่เขาพูดจบ เออ! อยากนอนก็นอนไปเลย!
แล้วเขาก็หลับไปจริงๆ ฉันจึงเดินไปปิดประตูหลังห้อง เปิดเครื่องปรับอากาศ หยิบโน้ตบุ๊กมานอนดูซีรี่ย์บนเตียง ใส่หูฟัง จนกระทั่งตัวเองเผลอหลับไปอีกคน
"อื้อ..."
ฉันค่อยๆขยับตัวตื่นขึ้นมาเมื่อถูกรบกวนจากอะไรบางอย่าง พอหรี่ตาขึ้นมามองถึงรู้ว่าไอ้คนที่นอนข้างๆกำลังแอบมาคลอเคลียฉันอยู่
"หลับต่อดิ ตื่นทำไม"
"ทำอะไรพี่คิว" ฉันดันหน้าเขาออกแล้วขยับตัวลุกขึ้นมานั่ง
"คิดถึงไง ไม่เจอตั้งหลายวัน" เขาพูดแล้วยิ้มออกมา
"หายง่วงก็กลับไปได้แล้ว"
"ทำไมชอบไล่วะ" เขาขมวดคิ้วเข้าหากันมองฉันเหมือนไม่พอใจ
"ก็ไม่อยากให้มา"
พี่คิวไม่ตอบอะไรฉัน เขาลุกออกจากเตียงแล้วเดินไปล้างหน้า จนเสื้อช็อปของเขาเปียกน้ำเป็นวาวๆ ร่างสูงเดินไปหยิบผ้าขนหนูของฉันมาเช็ดหน้าเหมือนทุกอย่างในห้องเป็นของตัวเอง ไม่เกรงใจเจ้าของห้องอย่างฉันเลยแม้แต่นิดเดียว
"ขอรหัสไวไฟหน่อย" เขาพูดแล้วนั่งลงกับเก้าอี้ เอาคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กออกมาเปิดทำงาน
"จะอยู่ถึงกี่โมง"
"ขอรหัสไวไฟ" เขาไม่สนใจจะตอบฉันแต่ทวนคำพูดตัวเองอีกรอบ ฉันจึงจำใจเดินไปหา
"หลบดิจะพิมพ์ให้" พอพูดจบเขาก็ดึงฉันไปนั่งบนตักทันที "นี่!"
"พิมพ์"
ฉันถอนหายใจแล้วเข้ารหัสให้เขา พี่คิวก็เอาคางมาวางบนไหล่เล็กของฉันพร้อมกับกอดเอวไว้หลวมๆ
"ตัวหอม" ไม่พูดเปล่ายังเอาจมูกมาคลอเคลียตรงซอกคอฉันด้วย
"โรคจิต ปล่อยได้แล้ว" ฉันดึงมือหนาออกจากตัว เขาก็ยอมปล่อยง่ายๆ จากนั้นก็นั่งทำงานของเขาเงียบๆ ส่วนฉันก็มานอนดูซีรี่ย์ต่อ
พลางคิดหาวิธีที่จะทำให้ไอ้คนด้านหลังออกไปจากห้อง แต่สุดท้ายก็คิดไม่ออกอยู่ดี