ถ้าความร่าเริงสดใสเป็นเสน่ห์ของเด็กหนุ่มวัยรุ่น ความลึกลับน่าค้นหาก็คงจะเป็นเสน่ห์ของชายหนุ่มวัยผู้ใหญ่ หากจะต้องตอบว่าอย่างไหนที่ดึงดูดความสนใจได้มากกว่ากัน สำหรับกานต์แล้ว เขาคงจะเลือกตอบอย่างที่สองโดยไม่ลังเล
ก็ดูพ่อเลี้ยงของเขาสิ...แม้แต่ผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันกับออสติน กานต์ก็พูดได้เต็มปากเลยว่ายังไม่เคยเห็นใครมีเสน่ห์เท่ากับผู้ชายคนนี้เลยสักครั้งเดียว
และเพราะความที่มีเสน่ห์ดึงดูดอย่างเหลือล้น กอปรกับการได้ใกล้ชิดทั้งทางประสาทการรับกลิ่นและการจับต้องโดยไม่ได้ตั้งใจ ก็ทำให้กานต์ไม่อาจละความสนใจไปจากออสตินได้เลย นับตั้งแต่คืนนั้น สายตาของเด็กหนุ่มก็ลอบมองออสตินทุกครั้งที่มีโอกาส สำรวจร่างกายของอีกฝ่ายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ว่าจะส่วนไหนของร่างกาย ออสตินก็ไม่มีจุดบกพร่องเลยสักนิด แม้กระทั่งรอยย่นบนหน้าผากหรือหางตาที่ปรากฏให้เห็นตามวัย กานต์ก็ไม่คิดว่ามันเป็นตำหนิที่น่าเสียดายสักนิด คิดไปว่ามันเป็นหนึ่งในเสน่ห์ของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ
หรือจะเป็นเพราะตกบ่วงของความเสน่หาไปแล้วถึงได้เห็นอีกฝ่ายดีงามไปทุกกระเบียดนิ้ว?
คงจะเป็นอย่างนั้น ตอนนี้กานต์ก็ยังชื่นชมออสตินในฐานะแบบอย่างที่ดี เทิดทูนในฐานะพ่อเลี้ยง เพียงแต่มีอีกความรู้สึกที่ผุดพรายขึ้นมา
หลงใหลอย่างถอนตัวไม่ขึ้น...
เด็กหนุ่มเม้มริมฝีปากเมื่อทอดสายตาจับจ้องไปยังชายหนุ่มที่กำลังถอดเสื้อสูทส่งให้เขาหลังจากที่เดินเข้าบ้านมาการนำเสื้อสูทไปเก็บให้ออสตินกลายเป็นหน้าที่ของกานต์ไปแล้ว ซึ่งเขายินดีที่จะรับหน้าที่นี้ด้วย เพราะเขาจะได้มีโอกาสลอบสูดดมกลิ่นน้ำหอมกลิ่นโปรดที่มีชื่อว่าออสติน สเวน
“มาเรียได้ทำมื้อเย็นทิ้งไว้ให้ไหม” ออสตินถามขณะเดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟา
“ทำไว้ครับ”
“อืม ดีแล้ว เพราะถ้าไม่ทำ ฉันอาจจะต้องสั่งพิซซ่ามาเป็นมื้อเย็น”
คนฟังเลิกคิ้วสูง เขาจำได้ดีว่าเมื่อหลายวันก่อน ออสตินเพิ่งจะบอกกับเขาไปเองว่าหากหลีกเลี่ยงการกินอาหารฟาสต์ฟู้ดได้ก็ควรเลี่ยง ดังนั้นจึงไม่แปลกถ้าจะเห็นเขาลงมือเข้าครัวเพื่อเตรียมอาหารเองบ่อยๆ
“ทำไมล่ะครับ”
เพราะสงสัยถึงได้ถาม ออสตินเอนหลังพิงพนักโซฟา ยกมือขึ้นคลึงที่ผิวหนังระหว่างคิ้วพลางหลับตาพริ้ม
“วันนี้ฉันเหนื่อยนิดหน่อย”
ดูจากท่าทางแล้วคงไม่น่าจะนิดหน่อย กานต์ไม่เคยเห็นเขาแสดงท่าทางเหนื่อยล้าอย่างนี้ออกมาให้เห็นเลย
“ประชุมวันนี้ทำฉันประสาทเสีย” ออสตินว่าออกมาอีก ทำให้ลูกเลี้ยงเลิกคิ้วสูง “ตั้งแต่เช้าจนเย็น ไมเกรนกินหัวฉันไปข้างแล้ว”
“ไปหาหมอดีไหมครับ”
ได้ยินอย่างนั้น กานต์ก็เป็นห่วงขึ้นมา ชายหนุ่มหยุดมือที่คลึงหน้าผากตนเอง เปิดเปลือกตามอง
“ไม่เป็นไร กินยาก่อนกลับมาแล้ว อีกสักพักก็คงหาย แต่เรื่องเจ็บคอนี่คงจะต้องใช้เวลาสักหน่อย”
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วทันควัน “แด๊ดดี้เป็นหวัดเหรอครับ”
ความเป็นห่วงพร่างพราย เขาไม่อยากให้ผู้ปกครองของเขาต้องเจ็บไข้ได้ป่วย แต่แล้วก็ต้องโล่งอกเมื่อออสตินตอบ
“ใช้เสียงเยอะไปหน่อย มีเรื่องให้ต้องดีเบตกับพวกบอร์ดบริหาร”
คนฟังร้องอ๋อ ถ้าอย่างนั้นคืนนี้เขาคงจะต้องดูแลบริการออสตินเป็นอย่างดีให้อีกฝ่ายได้ผ่อนคลายเสียแล้ว
“งั้นเดี๋ยวผมเอาเสื้อสูทไปเก็บแล้วจะรีบลงมาอุ่นมื้อเย็นให้นะครับ”
รีบก้าวขึ้นไปยังชั้นสองทันที ปล่อยให้ออสตินนั่งรออยู่ชั้นล่าง ไม่นานนัก กานต์ก็กลับลงมาอีกครั้ง มุ่งหน้าเข้าครัว นำอาหารที่มาเรียทำทิ้งไว้ให้ไปอุ่นในไมโครเวฟ จัดโต๊ะให้พร้อมรับประทาน เมื่อเสร็จสิ้นก็รีบก้าวออกมาเพื่อเรียกให้อีกฝ่ายไปกิน
“แด๊ดดี้ครับ ผมเตรียมอาหารเสร็จแล้ว จะกินเลยไหมครับ”
“สักแป๊บนะ ฉันขอพักอีกหน่อย”
ท่าทางของออสตินในวันนี้ดูเหนื่อยล้ามากจริงๆ เพราะทันทีที่พูดจบ เขาก็แหงนหน้าขึ้นพลันหลับตาลง หายใจยาวออกมาเต็มแรง ทำเอาคนที่ยืนมองอยู่ไม่กล้าจะเอ่ยเสียงใดๆ ออกมารบกวน
คงจะต้องปล่อยให้พักก่อน...
กานต์คิดอย่างนั้น ใจคิดจะไปเปิดน้ำร้อนใส่อ่างเตรียมให้อีกฝ่ายแช่ คิดเอาเองว่าหากได้แช่น้ำอุ่น ความเหนื่อยล้าก็น่าจะทุเลาลงไปบ้าง
ทว่า...ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหน กานต์ก็ต้องนิ่งงันราวกับสัตว์ที่ถูกสตัฟฟ์เมื่อออสตินส่งเสียงกระแอมไอออกมา
หากเป็นการส่งเสียงกระแอมไอแล้วจบไป เด็กหนุ่มคงจะไม่สะดุดใจอะไร ทว่าอีกฝ่ายกลับใช้มือข้างหนึ่งปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกสองสามเม็ดจนแผงอกเผยออกมาให้เห็น ก่อนที่จะใช้มือข้างหนึ่งลูบลากไปยังลำคอ
ท่าทางนั้น...ทำให้กานต์ต้องกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ภายในห้องนั่งเล่นที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายสบายตา บัดนี้กลับไม่สบายอย่างที่เจ้าของบ้านอยากให้เป็นเมื่อกลิ่นของความน่าหลงใหลที่ลอยออกมาจากร่างของออสตินอบอวลอยู่ภายในห้องเสียจนทำใครอีกคนหายใจแทบไม่ออก
กานต์หายใจติดขัด ความร้อนรุ่มบางอย่างแล่นพล่านไปทั่วทุกอณูของร่างกาย เขารู้ว่าการยืนมองอยู่อย่างนี้ไม่เป็นการดีกับเขาอย่างแน่นอน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจละสายตาไปได้
ดวงตาจับจ้องยังลำคอแกร่งของออสติน เส้นเลือดที่ดุนดันอยู่ใต้ผิวหนังทำให้กานต์ต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ยิ่งอีกฝ่ายยกมือขึ้นลูบตั้งแต่ปลายคางลากไล่ผ่านลูกกระเดือก กระทั่งลงมายังแนวไหปลาร้า ก็ยิ่งทำให้กานต์หายใจไม่คล่อง
ผู้ชายตรงหน้าเขาคนนี้มีอะไรบางอย่างที่กระตุ้นให้ความปรารถนาตามสัญชาตญาณมนุษย์ในกายของเด็กหนุ่มทำงานอย่างหนักหน่วง
มันเป็นแรงขับทางเพศ...
กานต์รู้สิ่งนั้นดี เขาเองก็ไม่ใช่เด็กที่ไม่ประสาอะไรขนาดนั้น ตั้งแต่ก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เขาก็ค่อยๆ เรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับร่างกายของตัวเอง จึงไม่มีทางที่จะไม่รู้เลยว่าความรู้สึกที่ก่อเกิดในตัวเขาเวลานี้มันคืออะไร
ร่างกายค่อยๆ ร้อนรุ่มขึ้นมาทีละน้อยจนแทบจะระเบิด อันที่จริงเขาควรจะรีบกำจัดความรู้สึกนั้นออกไปด้วยการไม่มองภาพของผู้ชายตรงหน้า ทว่าออสตินไม่ใช่ผู้ชายที่จะละสายตาได้ง่ายๆ ยิ่งมองก็ยิ่งลุ่มหลง มองมากเท่าไรก็ยิ่งใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ
ผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์เหลือร้าย...
สายตาไล่มองไปตามฝ่ามือหนาของออสตินที่ลูบคลำลำคอ ก่อนที่กานต์จะรู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียง
“ชงน้ำผึ้งใส่มะนาวให้ฉันสักแก้วได้ไหม” ตอนนี้ออสตินลืมตาขึ้นมาแล้ว พลางมองจ้องมายังลูกเลี้ยงนิ่ง
“อะ...”
“ฉันถามว่าชงให้ฉันได้ไหม”
พอถูกอีกฝ่ายถามอีกครั้ง กานต์ก็รีบพยักหน้ารับ “ดะ...ได้ครับ”
พลันก้าวไวๆ ออกไปจากบริเวณนั้นด้วยใจที่เต้นระส่ำ ขณะที่ตรงเข้าไปในครัว เขาก็พยายามควบคุมอารมณ์ที่ฟุ้งซ่านของตัวเองอย่างสุดความสามารถไปพร้อมๆ กัน หากแต่ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะพอหยิบจับอุปกรณ์สำหรับชงน้ำผึ้งมะนาว การกระทำของเขาก็เป็นไปอย่างลุกลี้ลุกลนจนข้าวของหล่นหลุดมือไปหมด
เพล้ง!
“ฉิบ...”
เด็กหนุ่มสบถเมื่อทำแก้วมักที่หยิบมาจากชั้นวางหล่นแตกบนพื้น เขาทิ้งตัวลงนั่งยอง ตั้งใจว่าจะเก็บเศษแก้วไปทิ้ง แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นว่าบริเวณกลางลำตัวของตนเองมีร่องรอยเป็นเนินนูนปรากฏให้เห็นรางๆ
เวรแล้ว!
ถึงกับเบิกตาโพลง เสียวสันหลังวาบไปทั้งตัว
มะ...เมื่อกี้แด๊ดดี้เห็นหรือเปล่า? เห็นใช่ไหม!?
มะ...ไม่หรอกกานต์... ไม่น่าจะเห็น
เด็กหนุ่มคิดเข้าข้างตนเองไปอย่างนั้น กางเกงวอร์มที่เขาใส่อยู่ค่อนข้างตัวใหญ่และเนื้อผ้าหนา มันก็น่าจะพอปกปิดอะไรต่อมิอะไรที่ออสตินไม่สมควรเห็นได้ แต่ถึงอย่างนั้น กานต์ก็ไม่อาจวางใจ
แล้วถ้าแด๊ดดี้เห็นล่ะ?
คิดมาแค่นี้ สันหลังก็เสียววาบ เขากลัวเหลือเกินว่าออสตินจะเห็น ก่อนที่จะรีบเก็บกวาดเศษแก้วอย่างร้อนรน จากนั้นก็รีบชงน้ำผึ้งมะนาวตามสั่งด้วยคิดว่าการทำตัวให้วุ่นวายน่าจะทำให้อารมณ์ฟุ้งซ่านของเขาสงบได้โดยไว แต่เพราะรีบร้อนเกินไปหน่อย น้ำร้อนที่กดออกมาจากกาต้มน้ำจึงลวกเข้าที่มือ
“โอ๊ย” เด็กหนุ่มร้องออกมา รีบวางแก้วลง พลันตรงไปที่ซิงค์ล้างมือ เปิดน้ำเย็นให้ไหลผ่านผิวเนื้อบริเวณที่ถูกน้ำร้อนลวก
ความเจ็บแสบเริ่มทุเลาลงแล้ว แต่ก็ทิ้งร่องรอยแดงเป็นปื้นเอาไว้ กานต์มองไปยังรอยนั้นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเต็มแรง
ถึงมันจะเจ็บ แต่ก็ทำให้ความกำหนัดที่ถูกปลุกโดยสัญชาตญาณดิบสงบลงอย่างได้ผลชะงัด
หวังว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก...
กานต์วิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า ขอให้เขาไม่ลุ่มหลงจนเผลอไผลไปกับบาปราคะนี้อีก พลันเดินกลับมาคว้าแก้วที่ชงน้ำผึ้งมะนาวเสร็จแล้วกลับออกไปยังห้องนั่งเล่น
“นี่ครับแด๊ดดี้”
มือวางแก้วมักลงบนโต๊ะกระจก ออสตินขยับมาคว้าแก้วไปถือ ก่อนจะต้องชะงักเมื่อเห็นว่ามือของลูกเลี้ยงมีรอยเป็นปื้นแดง
“มือไปโดนอะไรมา”
กานต์เหลือบมองมือของตัวเอง ก่อนจะตอบไปตามตรง “โดนน้ำร้อนลวกครับ”
คนฟังชำเลืองมองหน้า “เมื่อกี้เหรอ”
“ครับ”
“ทำไมไม่ระวัง”
เด็กหนุ่มเม้มปากเมื่อได้ยินคำถามนั้น... เขาจะถูกดุอีกหรือเปล่านะ?
“คือ...”
“มานั่งตรงนี้”