เขาชอบกลิ่นนี้ กลิ่นของ ออสติน สเวน...

1250 Words
พูดไป สายตาคมก็จ้องมองเด็กหนุ่มที่นั่งตัวลีบไปด้วย กรอบหน้าของกานต์มีเม็ดเหงื่อเล็กๆ ผุดพราย เป็นครั้งแรกเลยที่เขาถูกพ่อเลี้ยงดุ มันรู้สึกไม่ดีเลย ถึงมันจะเหมาะสมแล้วก็เถอะ แต่ออสตินจะรู้บ้างหรือเปล่าว่าแค่ตอนเวลาปกติ เขาก็ทำให้เด็กหนุ่มคนนี้หวาดเกรงได้มากพออยู่แล้ว ทว่าพอเอ่ยปากดุออกมาพร้อมกับปรายตามองอย่างตำหนิ ก็ยิ่งทำให้กานต์ทำอะไรต่อไม่ถูกจนได้แต่กำมือแน่นแล้วก้มหน้านิ่ง “เป็นอะไร” ออสตินถามเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเอาแต่เงียบ และดูท่าทางจะปิดปากเงียบอีกนานแน่ เพราะตอนนี้กานต์เม้มปากแล้ว “ฉันถามว่าเป็นอะไร” คำถามที่หลุดออกจากริมฝีปากหนาอีกครั้งนั้นยังคงเรียบนิ่งเช่นเดิม แต่เมื่อกานต์สบตากับดวงตาสีฟ้าคู่สวยนั่น เขาก็ต้องหวาดหวั่นในใจขึ้นมา ออสตินไม่เคยดุเขาด้วยคำพูดเลย แต่มักจะใช้สายตาข่มขู่ ซึ่ง...มันก็ไม่ใช่สายตาดุดันเช่นกัน เป็นการมองนิ่งๆ แต่กลับมีพลังอำนาจมหาศาลที่ทำให้เด็กหนุ่มต้องยอมศิโรราบ “ว่ายังไง จะตอบคำถามฉันได้หรือยัง” ออสตินประสานมือลงบนตัก ท่าทางนั้นคาดคั้นให้กานต์ต้องเปิดปากพูด “ผมไม่ชอบ...” “หืม?” “ไม่ชอบครับ” “ไม่ชอบอะไร” “ไม่ชอบให้คุณดุผม” กานต์ยอมรับออกไปตามตรงว่าสาเหตุที่เงียบคืออะไร “แล้วทำอะไรผิดมาล่ะ” “ผมเกเร” “เกเรอะไรมา” “ดื้อกับคุณ” “ใช่ ขนาดตอนนี้ก็ยังดื้อ” ออสตินว่า กานต์ครุ่นคิดเป็นพัลวันทันทีว่าทำอะไรผิดนอกเหนือจากการที่ดื้อไปก่อนหน้านั้น “ฉันบอกอะไรไว้ทำไมถึงไม่รู้จักฝึกให้ชิน” ตอนนี้เข้าใจชัดแจ้งเลยว่าออสตินหมายถึงเขาดื้อเรื่องอะไร “ผมขอโทษครับแด๊ดดี้” รอยยิ้มประดับพรายที่มุมปากของชายหนุ่มทันที “ใช่ เธอต้องฝึกเรียกฉันว่าแด๊ดดี้ให้ชิน ไม่ใช่เรียกคุณอย่างนั้นอย่างนี้” “ครับ” “แล้วเมื่อเช้าทำอะไรผิดมา” วกกลับเข้าเรื่องเดิมจนได้ กานต์เม้มริมฝีปากแน่นไปครู่ จากนั้นก็เปิดปากพูดก่อนที่จะถูกถามย้ำอีกครั้ง “ผมไม่ยอมพูดภาษาอังกฤษกับมาเรีย” “นั่นสินะ” ออสตินครางรับ “ไม่ยอมพูด มาเรียถามก็อึกๆ อักๆ เดินหนี เป็นอย่างนี้แล้วฉันจะให้เธอไปเรียนปรับพื้นฐานก่อนมาที่นี่ทำไม” เดาได้ไม่ยากเลยว่าแม่บ้านคนนั้นไปฟ้องพ่อเลี้ยงของเขา อันที่จริงอาจจะเป็นออสตินนี่แหละที่สั่งให้มาเรียคอยสอดส่องแล้วไปรายงาน “ฉันไม่ได้ให้มาเรียมาทำความสะอาดบ้านอย่างเดียวหรอกนะรู้ไหม” ชายหนุ่มว่าขึ้นมาอีก “แต่ให้หล่อนมาคอยเป็นเพื่อนฝึกภาษาให้เธอก่อนที่เธอจะไปโรงเรียนด้วย เข้าใจหรือยังว่าทำไมฉันถึงได้หัวเสียที่เธอเดินหนีหล่อน” กานต์พยักหน้า เหลือบตามองอย่างสำนึกผิด ผู้ชายคนนั้นหวังดีกับเขา ถึงจะดุไปบ้าง ทำเขาอึดอัดเป็นบางครั้ง แต่ทุกอย่างที่ทำให้คือความหวังดีจากใจจริง กานต์จึงเอ่ยออกมาเสียงแผ่ว “ขอโทษครับแด๊ดดี้” “อืม” “แด๊ดดี้...ไม่โกรธผมนะครับ” สิ่งนี้คือสิ่งที่กานต์กลัวมากที่สุด เพราะถ้าออสตินโกรธแล้ว นอกจากโดนดุ อาจจะถูกทำร้ายด้วยก็ได้เพราะเขาเองก็เรียกว่ายังไม่รู้จักกับออสตินดีพอ จึงไม่รู้ว่าเวลาที่เขาโกรธขึ้นมาจะปะทุอารมณ์ออกมาแบบไหน ทว่าพอสิ้นประโยคนั้น ออสตินกลับไม่แสดงท่าทีโกรธเกรี้ยวอะไร นอกจากยิ้มออกมาหน่อยๆ ด้วยความเอ็นดู “ถ้าเธอเป็นเด็กดี ฉันก็ไม่โกรธหรอก” กานต์โล่งใจขึ้นมาในวินาทีนั้น “แต่วันนี้เธอดื้อใช่ไหม” “ครับ” สลดลงไปอีกแล้ว ขณะที่ออสตินว่าเนิบๆ “เด็กดื้อต้องถูกทำโทษ รู้ใช่ไหม” คนฟังกลืนน้ำลาย ทำโทษ...ทำอย่างไร? ทำอะไร? ในหัวคิดวุ่นวายไปหมด แต่แล้วก็ต้องโล่งใจอีกครั้งเมื่อได้ยินออสตินพูดขึ้น “ห้ามใช้อินเทอร์เน็ตหนึ่งอาทิตย์” “แค่นี้เหรอครับ?” “อืม ตอนแรกว่าจะกักบริเวณเธอด้วย แต่เธอไม่ค่อยได้ออกนอกบ้าน ฉันเลยคิดว่าวิธีนั้นคงจะไม่ได้ทำให้เธอสำนึกสักเท่าไร เธอดูไม่ได้เดือดร้อนถ้าจะต้องอยู่แต่ในบ้านทั้งอาทิตย์ งดเล่นอินเทอร์เน็ตแล้วกัน เธอจะได้มีเวลาปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์จริงๆ มากขึ้น” กานต์ก็พอจะได้ยินมาอยู่บ้างว่าครอบครัวของชาวอเมริกันไม่นิยมตีลูกหลานเป็นการลงโทษหรือสั่งสอนเพราะมันเกี่ยวเนื่องกับกฎหมายการทารุณกรรมเด็ก ดังนั้นวิธีการทำโทษจึงเป็นไปในลักษณะของการจำกัดอิสระแทน “อย่าให้จับได้ว่าแอบเล่นเชียว” ออสตินว่าสั้นๆ แค่นี้ก็ทำให้กานต์พยักหน้าหงึกหงักแล้ว “ผมไม่เล่นครับ สาบาน” ออสตินพยักหน้ารับเล็กน้อย ลุกขึ้นจากเก้าอี้ คว้าเสื้อสูทที่วางพาดอยู่บนพนักขึ้นมาถือ “ไปกินมื้อเย็นกัน มาเรียทำอาหารเตรียมไว้ให้แล้ว” พูดจบก็ก้าวเข้ามาใกล้กับลูกเลี้ยง กานต์อยากจะเอาใจให้อีกฝ่ายหายหัวเสียเรื่องเขาเลยรีบยื่นมือไปคว้าเสื้อสูทเอาไว้ พอออสตินหันไปมอง ก็ว่าออกมา “ผมเอาไปเก็บให้ครับ” ออสตินมองอย่างชั่งใจ “จะเอาใจฉันชดเชยความผิดเหรอ” ถูกจับได้ กานต์ก็มีท่าทีอึกๆ อักๆ ขึ้นมา “คือ...” “ไม่ได้ผลหรอกนะ ความผิดก็ส่วนความผิด ไม่ได้ทำให้ฉันลดโทษเธอได้หรอก” ชายหนุ่มว่า “แต่ถ้าอยากจะเอาไปเก็บให้ก็ตามใจ เอาไปแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้าในห้องฉัน พรุ่งนี้ฉันจะใส่มันอีก” กานต์พยักหน้ารับ มือรับเอาเสื้อสูทมาแล้วก้าวไวๆ ขึ้นไปบนบ้าน ปล่อยให้คนเป็นพ่อเลี้ยงมองตามหลังครู่หนึ่งก่อนเดินเข้าไปในครัว เด็กหนุ่มเข้ามาในห้องนอนของออสตินแล้ว เห็นสภาพห้องนอนแล้วก็ได้แต่ครางออกมา “เนี้ยบมาก...” ทุกส่วนถูกจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบ บ่งบอกชัดเจนถึงลักษณะนิสัยโดดเด่นของออสติน แต่กานต์ก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไร พอจะรู้อยู่แล้วว่าพ่อเลี้ยงเขาเป็นคนแบบนี้ ขาก้าวไปหยุดยังตู้เสื้อผ้า เปิดประตูแล้วตั้งใจว่าจะเอาเสื้อสูทแขวนเข้ากับไม้แขวนเก็บให้ ทว่าในจังหวะที่จัดเสื้อสูทให้เข้าที่ กลิ่นหอมบางอย่างก็ลอยมาเตะจมูกเขาเข้าอย่างจัง มันเป็นกลิ่นน้ำหอม... กลิ่นหอมแบบนุ่มนวล จะว่าเป็นกลิ่นดอกไม้ก็ไม่แน่ใจนัก เพราะในกลิ่นนุ่มนวลนั้นก็มีกลิ่นของไม้แห้งอบอวลอยู่ด้วย แต่จะเป็นกลิ่นของส่วนประกอบใดบ้าง กานต์ก็ไม่สนใจแล้ว เขารู้แต่เพียงอย่างเดียวว่ามันหอมเสียจนอดไม่ได้ที่จะเอาเสื้อสูทตัวนั้นขึ้นมาสูดดม เปลือกตาหลับพริ้ม... หอมมาก... ขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด ...เขาชอบกลิ่นนี้ กลิ่นของ ออสติน สเวน...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD