“น้ำใสอยู่ไหน” เอ็ดเวิร์ดถามในสิ่งที่ตัวเองต้องการทันที เขาอยากรู้ว่าตอนนี้เธอยังชีวิตอยู่มั้ย
“น่าจะถามออกมาตรงๆเลยว่า พวกเรา...ฉันฆ่าหล่อนไปเหรอยัง...งั้นตอบให้สบายใจเลยแล้วกันว่า...ยังอยู่ดีครบสามสิบสอง” เอ็ดเวิร์ดรู้ว่านั่นคือความจริง เพราะพวกมันไม่มีความจำเป็นต้องหลอกเขา และอีกอย่างเขารู้สึกว่าเธอคนนี้ชอบให้เขากังวลใจมากกว่า ดูจากแววตาของเธอที่ดูกระจ่างขึ้นทันทีเมื่อไม่เห็นแววโล่งใจบนใบหน้าเขา
“เท่าที่จำได้ ผมไม่เคยรู้จักคุณมาก่อน...ความแค้นส่วนตัวก็ไม่น่าจะมี ใครคือผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เหรอ” น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปเหมือนเป็นการพูดคุยเรื่องสัพเพเหระ
ฮาฮาฮา เสียงหัวเราะดังลั่นแม้ตัวหล่อนจะเล็กนิดเดียว “คุณคิดว่าฉันอายุเจ็ดขวบเหรอไง...คุณนี่ตลกดีนะ!!!” เอ็ดเวิร์ดมองร่างเล็กที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่น่าจะถูกสั่งทำเป็นพิเศษเพื่อหล่อน เพราะขามันสูงคล้ายๆบันได นึกภาพง่ายๆก็เหมือนของกรรมการที่นั่งอยู่ที่คอร์ทเทนนิสเลย
“แล้วต้องการอะไร...ก็พูดมาเถอะ และไม่ต้องเอาอะไรมาขู่กันให้เสียเวลา คนอย่างผมไม่กลัวตายรวมถึงเธอคนที่พวกคุณจับมาด้วย”
“พวกคุณนี่ช่างบูชาความรักกันเสียเหลือเกิน...เอาละๆ ฉันไม่อ้อมค้อมให้คุณต้องเสียเวลา...สิ่งที่พวกฉันต้องการคือ...คุณ!”
!!! เอ็ดเวิร์ดรู้สึกผิดไปจากที่คาดไว้ เขาคือคนที่พวกมันต้องการเหรอ
“ผมไม่รู้ว่าผมจะมีอะไรในตัวที่พวกคุณต้องการ”
“ตั้งใจฟังให้ดี...พวกเราต้องการผู้นำคนใหม่แทนคนเก่าที่กำลังลาโลกไปอีกไม่นาน และคุณคือคนที่เขาเลือกไว้...”
“องค์กรดาร์กมูน องค์กรประหลาดแบบนี้เนี่ยนะ...ผมไม่เอาหรอก ถ้าพวกคุณเกิดอยู่ยากขึ้นเมื่อไม่มีผู้นำ ก็ล้มองค์กรและแยกย้ายไปทำมาหากินอย่างอื่นกันเสียซะสิ!...” ปัง!!! เสียงเคาะเก้าอี้อย่างไม่พอใจของหล่อน ยายนี่น่าจะบูชาองค์กรยังกับมันเป็นของล้ำค่าละมั้ง องค์กรป่าเถื่อนชัดๆ
“คุณไม่รู้หรอกว่าฉันทำอะไรได้มั้ง ตอนนี้คุณไม่รับไม่อยากเอาก็เรื่องของคุณ แต่หลังจากนี้สามวันคุณจะเป็นของพวกเราแน่นอน...” เอ็ดเวิร์ดนิ่งงัน รอยยิ้มนั้นไม่ล้อเล่นแน่ๆ จากการแต่งตัวของเธอ เสื้อกราวด์แบบนี้ยังกับพวก
หมอหรือนักวิทยาศาสตร์แต่อย่างเธอน่าจะเป็นพวกไร้จรรยาบรรแน่ๆ
“นี่มันสิบแปดชั่วโมงแล้ว ทุกอย่างข้างในยังเงียบมาก” อาร์เชอร์เคร่งเครียด ตอนนี้เจเนตมาสมทบแล้ว แต่พวกเขาใช้รหัสที่ได้มาแล้ว มันไม่ทำงานอย่างที่สายข่าวบอกไว้ พวกมันคงล้างรหัสนี้ไปแล้วแน่ๆ
“เงียบก่อน!” อาร์เชอร์ร้องบอกเมื่อจู่ๆเขาก็จับความเคลื่อนไหวบางอย่างได้ที่ไม่ใช่ของคนปกติทั่วไป “ฮานน่า”
“อาร์เชอร์!...ทำไมพวกคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้” อาร์เชอร์จนปัญญาจะเข้าไปจึงบอกรายละเอียดทั้งหมดให้ฮานน่าฟัง
“ฉันนัดกับโรสไว้...ถ้าเป็นแบบที่คุณบอกมาตอนนี้สองคนนั้นก็ติดอยู่ข้างใน...แย่แล้ว! นอกจากดักซุ่มพวกเราทำอะไรไม่ได้เลยเหรอ ฉันคิดว่าพวกมันก็ต้องรู้ว่าเราใช้วืธีนี้ ไม่ได้การแล้ว สิบแปดชั่วโมงผ่านมาแล้ว พวกเขายังออกมาไม่ได้ แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ...” ทั้งสามเคร่งเครียดครุ่นคิดหาวิธี เพราะการซุ่มไม่ได้ช่วยอะไรจริงๆ แต่แล้ว...
“เดี๋ยว! ดูชายแก่คนนั้นสิ!” เจเนตร้องบอกทั้งสอง ดวงตาสามคู่ เบิกกว้าง การปลอมตัวห่วยมากตบตาคนทั่วไปได้แต่ไม่ใช่พวกเขา แต่งหน้าท่าทางเสื้อผ้าไม้เท้ามีครบสูตรขาดเพียงอย่างเดียวคือแว่นตา ถ้าจะทำให้แก่ขนาดนี้ถึงขั้นต้องพึ่งไม้เท้า สายตาก็ไม่น่าจะปกติได้ คนแก่วัยนี้ตามธรรมชาติร้อยละเก้าสิบควรต้องมีแว่นสายตา ยิ่งต้องออกมานอกบ้านด้วยแล้ว ซึ่งน้อยนักจะออกมาเพียงลำพังด้วยซ้ำ
“รวบตัวมันเลย!!!” ควับ! ทั้งสามออกจากที่ซุ่มและแค่เพียงไม่ถึงนาที สามรุมหนึ่ง ชั่วพริบตาชายแกล้งแก่ก็สลบและถูกลากออกมาให้พ้นทางสายตาของคนทั่วไปทันที “ไม่ต้องห่วง จุดนี้เจเนตจัดการกับกล้องวงจรปิดของห้างฯแล้ว” ฮานน่าพยักหน้ารับทันที
“ปลุกให้มันตื่น...จะได้พาพวกเราเข้าไป” แต่แล้วเมื่อเจเนตจะทำให้มันตื่นก็ถูกฮานน่าห้ามไว้
“ทันทีที่มันรู้สึกตัว มันจะฆ่าตัวตาย ต้องหาฟันซี่ที่พวกมันฝังยาพิษไว้ก่อน เราต้องเอามันออกมาและแทนที่ด้วยยากล่อมประสาท แบบนี้เท่านั้น” ฮานน่าเอ่ยบอกในสิ่งที่สองคนนี้ยังไม่รู้
“พวกเราไม่มีของพวกนั้นหรอก...” เจเนตบอกทันที และเริ่มจริงจังมากขึ้นเมื่อคิดว่าองค์กรนี้น่ากลัวหนักขึ้นเท่าทวีกว่าที่รู้มา
“เราต้องถอยและเอาเจ้านี้กลับไปจัดการให้เรียบร้อยก่อน” ทางออกเดียวที่อาร์เชอร์และเจเนตต้องตอบรับอย่างจำยอม เพราะสิบแปดชั่วโมงที่ผ่านมาพวกเขายังทำอะไรไม่ได้เลย เหลือแต่วิธีนี้แล้ว
ซึ่งทั้งสามก็ไม่อยากจะเชื่อว่าการเอายาพิษที่ฝังอยู่ในซี่ฟันของตัวประกันที่พวกเขาได้มานั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด มันไม่ใช่แค่ทำกันได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ทั้งสามคนจึงฝังร่างอยู่ที่คลินิกทันตกรรมย่างเข้าวันที่สามเข้าไปแล้ว
“โถ่เว้ยยยย!!!” น้ำใสหงุดหงิดจนเกือบจะเป็นบ้า ให้เธอได้เตะต่อยหรือถูกเตะถูกต่อยเสียยังดีกว่าถูกขังอยู่ในห้องสีขาวที่รอบด้านบุนวมไว้ นี่มันห้องสำหรับคนป่วยโรคจิตที่ชอบทำร้ายตัวเองชัดๆ เธอแตกต่างก็ตรงที่ไม่มีชุดรัดแขนไว้ก็เท่านั้น อาหารครบสามมื้อโดยที่ไม่มีช้อนส้อม ชักโครกสำหรับขับถ่ายพร้อมในห้องที่มีเพียงพาร์ทิชั่นกั้นเป็นสัดส่วนเท่านั้น เธอไม่เห็นใครเลย อาหารถูกส่งผ่านมาทางช่องเล็กๆที่มีเพียงถาดอาหารเท่านั้นที่ผ่านได้
สามวันก่อนที่เธอเข้ามาในนี้ ทันทีที่ลิฟท์เปิดความพิศวงในสถานที่ ทำให้เธออดแปลกใจไม่ได้เพราะมีหลายอย่างเปลี่ยนไป ห้างสรรพสินค้าพึ่งสร้างขึ้นหลังจากที่เธอจากไปแล้ว พวกมันสร้างห้างฯ คร่อมส่วนเขตหวงห้าม และด้านในตกแต่งใหม่ ตอนสมัยเธอเน้นความลึกลับแบบดำมืดแต่ตอนนี้กลับ
สว่างไสวแต่แฝงความน่าสะพรึงเสียวสันหลังไว้ กลไกถูกนำมาใช้มากขึ้น
ตอนนั้นเธอโดนกลไกกำแพงเคลื่อนที่ที่เปลี่ยนจากทางเดินเป็นกรงขัง และพวกมันก็พ่นควันที่เป็นยาสลบกับเธอ แต่ก่อนจะหมดสติไปเสียสิ้นเธอก็ทิ้งสารสีเหลืองไว้เพื่อเขา ไม่รู้สินะ! ทำไมเธอถึงคิดว่าเขาจะต้องตามเธอมา แน่นอนเขามาแน่ๆเธอมั่นใจ เอ็ดเวิร์ด...เอ็ดเวิร์ด สมองเธอร้องหากแต่เขา ใจเธอร้องหาแต่เขา แม้ภาพเธอตอนนี้ที่แสดงออกไปไม่ต่างกับคนสิ้นหวังต่อกล้องวงจรปิดที่คอยสอดส่อง เธอนั่งกอดเข่าตัวเองใบหน้าซุกอยู่ระหว่างเข่าแบบนั้นนานนับหลายชั่วโมงต่อวันตั้งแต่เธอฟื้นขึ้นมา
เอ็ดเวิร์ด เอ็ดเวิร์ด เอ็ดเวิร์ด สมองและใจเธอร้องเรียกหาเขาเท่านั้น เอี๊ยดดดด พรึ่บ! ประตูถูกเลื่อนอัตโนมัติเป็นครั้งแรกในรอบสามวันที่ผ่านมา
“เอ็ดเวิร์ด!” พรึ่บ! น้ำใสรุกขึ้นยืนทัน เอี๊ยดดดดดด ประตูถูกเลื่อนปิดลงเมื่อเขาก้าวเข้ามาด้านใน “เอ็ดเวิร์ด” น้ำใสเรียกอีกครั้ง
เขายิ้มให้กับเธอ แววตาเขาช่างเย้ายวน เรียกร้องบางอย่างจากเธอ แต่ร่างกายเขายังนิ่งสงบ “เอ็ดเวิร์ด...คุณได้ยินฉันมั้ย” น้ำใสแม้จะใกล้ประสาทเต็มที เพราะเธอไม่ได้พูดคุยกับใครมานานสามวันแล้ว แน่นอนว่าภาษาที่เธอเอ่ยไปยังเป็นภาษามนุษย์อยู่ แต่ทำไมดูเหมือนเขาจะไม่เข้าใจว่าเธอเอ่ยเรียกเขา จะว่าไปเขาก็ดูเปลี่ยนไปจากที่เจอกันล่าสุด เคราหนวดของเขาเบาบางลงมันไม่ได้รกครึ้มน่ากลัวอย่างที่ผ่านมาสองสามเดือนนี้
น้ำใสหลี่ตาทันทีเมื่อเห็นความช้ำที่ข้อมือทั้งสองข้างของเขา เกิดอะไรกับเขา! เอ็ดเวิร์ดสวมเสื้อยืดเนื้อนิ่มเข้ารูปเผยให้เขาดูเซ็กส์ซี่น่ามองมาก แต่ที่ข้อพับมีรอยช้ำเช่นกัน โอ้วววว!!! พวกมันต้องทำอะไรกับเขาแน่นอน