ตอนที่6

1786 Words
รถตู้สำหรับครอบครัวแล่นเข้ามาจอดในบริเวณคฤหาสน์หลังใหญ่บริเวณโดยรอบตกแต่งได้อย่างหน้าอยู่และลงตัวกลมกลืนกับตัวคฤหาสน์หลังสีขาวสะอาดตา "ถึงแล้วลูก"นี่คือเสียงของผู้เป็นพ่อที่ดังขึ้นก่อนที่ประตูรถจะเปิดออก "ไม่ต้องกังวลอะไรนะลูก แม่จะคอยอยู่ข้าง ๆ หนูเอง"ปิ่นมุกได้แต่ส่งยิ้มบาง ๆ ไปให้พูดเป็นแม่ก่อนที่เธอจะก้าวขาลงจากรถ ร่างบางของปิ่นมุกในวันนี้อยู่ในชุดเดรสสีขาวมุกซึ่งชุดนี้เป็นชุดแบรนด์ที่เธอออกแบบขึ้น ซึ่งชุดนี้สามารถทำยอดขายได้อย่างถล่มทลายเรียกได้ว่าเพียงแค่สามวันเท่านั้นชุดที่เธอใส่อยู่ในตอนนี้ถูกขายจนหมดเรียบ นี่เป็นอีกหนึ่งอย่างที่เธอภาคภูมิใจไม่เสียแรงที่อุตส่าห์เรียนด้านนี้มา "มากันแล้วเหรอวะ"ชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าคมเข้มเดินออกมาต้อนรับ ซึ่งนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เจ้าสัวรังสิมันต์นั้นเองที่เดินออกมาต้อนรับเพื่อนสนิท "ถ้ากูไม่มามึงก็คงไม่เห็น" "มึงนี่ยังกวนตีนกูไม่เคยเปลี่ยน"สองเพื่อนรักโผเข้ากอดกัน มิตรภาพของทั้งสองยาวนานมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย "นี่น่ะเหรอ หนูปิ่นมุกตัวสวยได้คุณหญิงจริง ๆ เลยนะครับ" "คุณรังสิมันต์ก็ชมเกินไปนะคะ"เพียงเพ็ญถึงกับดีใจที่ใคร ๆ ก็ชมว่าลูกสาวสวยเหมือนเธอ "สวัสดีค่ะคุณลุง" "คุณลงคุณลุงอะไรกัน เรียกพ่อเถอะอีกไม่นานหนูก็จะมาเป็นลูกสะใภ้ของบ้านนี้แล้ว"เจ้าสัวรังสิมันต์มองว่าที่ลูกสะใภ้ของตัวเองนั้นด้วยความชอบใจ ผู้หญิงอย่างลูกสาวเพื่อนคนนี้สิ ถึงเหมาะที่จะมาเป็นลูกสะใภ้ ทั้งสวย เพียบพร้อมทั้งชาติตระกูลดี เรียนเก่งจบปริญญามาตั้งแต่เมืองนอก แถมยังขยันทำงานมีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเองแถมยังเป็นรองประธานบริษัทอีก แบบนี้ไม่อยากให้เขาได้มาเป็นลูกสะใภ้ได้ยังไงล่ะ "แล้วนี่เจ้าลูกชายตัวร้ายของมึงรู้หรือยังว่ะ ว่าต้องจดทะเบียนสมรสกับลูกสาวของกูวันนี้" "หึ"เพียงแค่มองเข้าไปนัยน์สายตาของเพื่อนรัก เจ้าสัวธนินท์ก็รู้ได้โดยทันที "เข้าไปในบ้านกันเถอะ ทนายของกูกับเจ้าหน้าที่จากเขตมาถึงได้สักพักแล้ว"สองเพื่อนรักกอดคอกันเดินเข้าไปโดยที่มีปิ่นมุกและผู้เป็นแม่เดินตามหลังเข้าไปติด ๆ ชายหนุ่มที่อยู่ในชุดสูทสีดำเรียบง่ายสาวเท้าเดินฮำเพลงลงบันไดมาอย่างอารมณ์ดี โดยที่เขาไม่รู้เลยว่า อิสรภาพของชายโสดกำลังจะหมดไปภายในอีกไม่ช้า สองเท้าเดินก้าวเข้าไปในห้องรับแขก ดวงตาคู่คมเบิกโพลงเมื่อเห็นพ่อและแม่ของเขากำลังนั่งคุยอยู่กับครอบครัวของเจ้าสัวธนินท์เพื่อนรักเพื่อนตายของผู้เป็นพ่อ แถมการมาเยือนของเจ้าสัวธนินท์ในครั้งนี้ มีว่าที่เจ้าสาวของเขานั่งอยู่ด้านข้างด้วย "นี่มันอะไรกันครับคุณพ่อ คุณแม่" "แกอย่ามาเสียมารยาทต่อหน้าแขกของพ่อนะขุนเขา"นัยน์ตาเรียบนิ่งและดุดันทำเอาขุนเขานั้นถึงกับเสียวสันหลังวาบ เมื่อเขาได้เจอโหมดนิ่งของผู้เป็นพ่อ "มานั่งข้าง ๆ แม่สิขุน"ฝ่ามือเรียวบางของผู้เป็นแม่ตบลงบนโซฟาด้านข้างอย่างแผ่วเบา แต่แววตาคมกริบของผู้เป็นแม่นั้นทำเอาขุนเขาต้องรีบเดินเข้าไปนั่ง "สวัสดีคุณน้าทั้งสองสิขุน"ผู้เป็นแม่กัดฟันกระซิบบอกพร้อมกับเล็บแหลมที่จิกลงที่เอว ความเจ็บแปลบทำให้ขุนเขาถึงกับนั่งตัวตรง มือทั้งสองข้างยกขึ้นมาพนมอย่างอัตโนมัติ "สวัสดีครับคุณน้า"ทั้งสองเพียงแค่พยักหน้าพร้อมกับส่งยิ้มให้ เจ้าสัวธนินท์มองว่าที่ลูกเขยที่นั่งตัวเกร็งด้วยแววตาที่สงสัย ก่อนที่มุมปากจะระบายยิ้มออกมาเมื่อเขาได้เห็นว่าอะไรที่ทำให้คนอย่างขุนเขานั่งตัวเกร็งขนาดนี้ "สวัสดีพี่เขาสิลูก"แววตาเย็นชาหันไปมองใบหน้าของคนที่เธอจะต้องร่วมใช้ชีวิตด้วย ซึ่งแววตาของขุนเขาก็กำลังจ้องมองมาที่เธออยู่เหมือนกัน "สวัสดีค่ะ"น้ำเสียงติดเย็นชาเอ่ยกล่าวสวัสดี กิริยาวาจาตามฉบับคนที่ถูกครอบครัวอบรมสั่งสอนมาดียิ่งทำให้ เจ้าสัวรังสิมันต์และคุณหญิงกิ่งกาญจน์ชอบใจในตัวของลูกสะใภ้คนนี้มากขึ้นไปอีก "สวัสดี" "เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนมากันพร้อมแล้ว เชิญเจ้าหน้าที่เลยครับ"เจ้าหน้าที่จากเขตล้วงเอาเอกสารสำหรับการจดทะเบียนสมรสที่เตรียมไว้ออกมาจากกระเป๋าวางลงบนโต๊ะที่วางอยู่ตรงกลาง ขุนเขาแทบจะตกลงจากโซฟาเมื่อได้เห็นเอกสารที่วางอยู่ สีหน้าตกตะลึงหันไปหาพ่อและแม่ของตัวเองเพื่อต้องการคำอธิบาย "นี่มันอะไรกันครับคุณพ่อ คุณแม่" "ก็เอกสารสำหรับการจดทะเบียนสมรสยังไงล่ะ เซ็นซะสิ เดี๋ยวหนูปิ่นมุกจะได้เซ็นต่อ" "นี่พ่อกับแม่กำลังเล่นตลกอะไรอยู่กันครับ ไม่มีทางผมไม่เซ็นเด็ดขาด"คนที่ไม่เต็มใจปฏิเสธหัวชนฝา เขาไม่มีทางแต่งงานหรือจดทะเบียนสมรสบ้า ๆ นี่กับผู้หญิงที่เขาไม่ได้รักอย่างแน่นอน "ถ้าแกไม่เซ็น แกก็อย่าหวังว่าจะได้ทรัพย์สมบัติไปจากฉันแม้แต่แดงเดียวไอ้ขุน เพราะมรดกทั้งหมดฉันจะยกให้หนูปิ่นมุก" "คุณพ่อ"ไม่ใช่แค่ขุนเขาที่ตกใจ ปิ่นมุกเองก็เช่นที่จู่ ๆ เจ้าสัวรังสิมันต์นั้นก็จะยกมรดกให้กับเธอ "ฉันพูดจริงถ้าแกไม่เชื่อก็ถามคุณโชคดู ถ้าแกไม่ยอมจดทะเบียนสมรสฉันจะยกทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันสร้างมากับมือให้หนูปิ่นมุก แต่ถ้าแกยอมเซ็นทั้งแกและหนูปิ่นมุกจะได้ครองตำแหน่งประธานบริษัทร่วมกัน" "จริงเหรอคุณโชค" "จริงครับคุณขุนเขา นี่ครับเอกสารที่เจ้าสัวให้ผมไปเขียนมา"เลขาคนสนิทวางเอกสารสำคัญลงบนโต๊ะ ความร้อนใจของขุนเขารีบคว้าเอกสารแผ่นนั้นขึ้นมาอ่านโดยทันที ข้อความที่อยู่ด้านในระบุเอาไว้ตามที่พ่อของเขาพูดมาตั้งแต่ข้างต้นทุกอย่าง ถ้าเขาไม่แต่งงานกับปิ่นมุกทรัพย์สินทุกอย่างหรือแม้แต่ตำแหน่งประธานบริษัทพ่อของเขาก็จะยกทุกอย่างให้กับเธอ กระดาษแผ่นนั้นถูกขยำจนเป็นก้อนกลม ๆ ก่อนที่จะถูกปาทิ้งอย่างไม่ไยดี สร้างความโกรธและความตกใจให้คนที่นั่งดูอยู่ "พ่อ ผมเป็นลูกพ่อนะ พ่อจะยกทุกสิ่งทุกอย่างให้คนอื่นได้ยังไง" "ทำไมฉันจะยกให้หนูปิ่นไม่ได้ ในเมื่อแกมันไม่เอาไหนเลยตาขุน วัน ๆ แกเอาแต่เที่ยวเคยสนใจงานในบริษัทบ้างไหม แต่แกดูหนูปิ่นมุกสิก้าวหน้ากว่าแกเป็นไหน ๆ ทั้งมีกิจการเป็นของตัวเองแถมยังต้องช่วยครอบครัวทำงานอีก แล้วดูแกสิวัน ๆ แกทำอะไรบ้างนอกจากเที่ยวและมัวแต่ไปอยู่กับแม่นางแบบนั้น"คำพูดของคนเป็นพ่อเหมือนกับคมมีดนับพันเล่มทิ่มแทงไปทั่วทั้งร่างกาย และคำพูดเหล่านั้นมันบาดลึกลงไปในใจทำให้เขานึกโกรธแค้นหญิงสาวอยู่ในใจที่ผู้เป็นพ่อกล้าเอาเขาไปเปรียบเทียบกับเธอ "คุณลุงคะ"เสียงหวานชวนฟังของปิ่นมุกดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องนี้หันไปมองที่เธอเป็นตาเดียว "หนูมีข้อเสนอ แต่หนูไม่รู้ว่าคุณลุงจะเห็นด้วยเหมือนกับหนูหรือเปล่า" "ไหนหนูปิ่นลองว่าข้อเสนอของหนูมา"คำตอบของเจ้าสัวรังสิมันต์ทำให้มุมปากเล็กกระตุกยิ้ม สายตาไร้ความรู้สึกมองไปยังผู้ชายที่กำลังขมวดคิ้วอยู่ตรงหน้าของเธอ "การแต่งงานในครั้งนี้ของหนูกับคุณขุนเขามันไม่ได้เกิดจากความรักตั้งแต่แรก แต่เมื่อทุกอย่างมันล้มเลิกไม่ได้ หลังจากที่แต่งงานครบหนึ่งปีถ้าหนูกับคุณขุนเขา เราไม่ได้รักกัน หนูขอให้เราทั้งสองคนจดทะเบียนหย่ากันได้ไหมคะ"คำพูดที่ออกมาจากปากของปิ่นมุกทำให้ทุกคนตกตะลึงไปตาม ๆ กัน ไม่เว้นแม้แต่ขุนเขาที่แทบจะไม่เชื่อหูของตัวเองในสิ่งที่ได้ยิน "ปิ่นลูก"พ่อของเธอถึงกับส่ายหน้าไปมาเพื่อต้องการให้เธอหยุดพูดในสิ่งต่อจากนี้ ส่วนผู้เป็นแม่ได้แต่มองลูกสาวด้วยความสงสารความรู้สึกของลูกเธอย่อมรู้ดีเป็นที่สุด "หนูพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า" "หนูรู้ตัวดีค่ะ แต่ถ้าแต่งงานกันไปแล้วอยู่ด้วยกันอย่างไม่มีความสุข ไม่มีความรักให้แก่กันและกันแล้วจะอยู่ด้วยกันไปทำไมจริงไหมคะ สู้เลิกกันไปเสียดีกว่าอย่างน้อยเราทั้งสองอาจจะยังเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันได้" "และอีกอย่างหนูคิดว่า การที่คุณขุนเขาจะได้อยู่กับคนที่เขารักมันก็อาจจะทำให้เขามีความสุขมากกว่าการที่จะต้องทนอยู่กับคนที่เขาไม่ได้รักตลอดไปมันคงไม่ได้หรอกค่ะ"ขุนเขาจ้องเข้าไปนัยน์ตาของปิ่นมุกเพื่อค้นหาความรู้สึกของเธอในตอนนี้แต่ทุกอย่างมันกลับว่างเปล่า "ก็ได้ ถ้าหนูต้องการแบบนั้นลุงก็ตกลง" "ขอบคุณค่ะ" "แล้วแกล่ะ ไอ้ขุนแกจะเอายังไงว่ามา"แววตาคมกริบจ้องหน้าของปิ่นมุกอีกครั้ง แววตาของเขาในตอนนี้นั้นแทบจะเผาไหม้ร่างกายของเธอให้แหลกเป็นจุณ "ก็ได้ครับ ผมจะยอมแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ แต่ถ้าภายในหนึ่งปีผมกับเธอเราทั้งคู่ไม่ได้รักกัน ผมต้องการที่จะเซ็นใบหย่ากับเธอ"เขาคิดว่าความรักที่เขามีให้กับม่านรุ้งเข้มแข็งพอที่จะไม่ให้ผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าเข้ามาแทรก แต่ขุนเขาคงลืมนึกไปว่าหัวใจของคนเราไม่ได้แกร่งเหมือนกับหินผา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD