“แม่หญิงการะเกดที่แกพูดถึงคือนางเอกนิยายอีกละสิ”
กรองขวัญถามพลางส่ายหน้าไปมาอย่างหน่ายๆ เพราะรู้ว่าผู้เป็นเพื่อนเป็นคนชอบอ่านหนังสือนิยายเป็นชีวิตจิตใจ แต่จะว่าไปแล้วเพื่อนของเธอก็ใช่ว่าจะชอบอ่านแต่นิยายอย่างเดียว เรียกว่าอ่านหนังสือแทบจะทุกชนิดเลยก็ว่าได้ สมกับตำแหน่งครีเอทีฟมือฉมังของบริษัท
“ถูกต้องแล้วย่ะ การะเกดเป็นนางเอกนิยายเรื่องล่าสุดที่ฉันเพิ่งอ่านจบและกำลังฟินมากถึงมากที่สุด”
“แล้วท่านชายก้องที่แกบอกว่ากำลังตามหาคือใครกัน”
คำถามของเพื่อนทำเอารสิกานึกก่นด่าตัวเอง นี่เธอเผลอหลุดพูดชื่อนี้ออกไปได้อย่างไร แต่มีหรือคนอย่างเธอจะจนด้วยคำถาม
“ท่านชายก้องที่ฉันพูดถึงก็เป็นพระเอกในนิยายเรื่องเดียวกันนั่นแหละ”
“แกนี่มันบ้าเข้าขั้นเลยนะยายโรส แต่ไม่แน่นะท่านชายก้องที่แกพูดถึงอาจจะไปเจอกันในงานแต่งงานพี่กันต์ก็ได้ใครจะรู้” กรองขวัญพูดเสียงกลั้วหัวเราะ
รสิกายังไม่ทันได้พูดตอบโต้อะไรออกมาอีก คุณรสรินก็พูดโพล่งขึ้นมาเสียก่อนด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“โรสรู้หรือเปล่าว่าทำไมหน้าตาของลูกถึงไม่เหมือนพ่อกับแม่”
“จู่ๆ ทำไมแม่ถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะคะ” รสิกาถามพลางมองหน้ามารดา เพราะมีหลายคนเคยสงสัยเรื่องนี้เหมือนกัน แต่เธอไม่เคยสนใจซักถามเพราะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร คนเราหน้าตาไม่เหมือนพ่อเหมือนแม่มีถมไป
“นั่นสิคะ ทำไมยายโรสหน้าไม่เหมือนคุณพ่อกับคุณแม่ หนูจะถามหลายครั้งแล้วแต่ไม่กล้า”
กรองขวัญพูดอ้อมแอ้ม เพราะเธอเองก็สงสัยเรื่องนี้มานานแล้ว แต่ไม่กล้าเอ่ยถามกลัวจะเป็นการเสียมารยาท
“ตกลงโรสเป็นเด็กถูกขอมาเลี้ยงหรือเก็บได้จากถังขยะคะแม่” คนถามยิ้มระรื่นไม่ได้ตีสีหน้าเศร้าสลดไปกับคำถามของตัวเองแต่อย่างใด
“ขวัญคิดว่ายายโรสต้องถูกเก็บมาจากถังขยะแน่ๆ เลยค่ะคุณแม่” กรองขวัญออกความเห็นน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“โรสหน้าไม่เหมือนพ่อเหมือนแม่ก็จริง แต่เหมือนคุณยายทวดจ้ะ” คุณรสรินเฉลยความนัย
“คุณยายทวด!” รสิกาอุทานเสียงสูง หุบยิ้มในฉับพลัน “แม่ไม่เห็นเคยเล่าเรื่องนี้ให้โรสฟังเลย แล้วคุณยายทวดที่ว่าหมายถึงของแม่หรือของโรสคะ”
“ของแม่จ้ะ แล้วที่แม่ไม่เคยเล่าให้โรสฟังเพราะเรื่องมันเยอะ เดี๋ยววันหน้าจะเล่าให้ฟัง”
คนเป็นแม่บอกด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปนิดหนึ่งก่อนจะรีบเกลื่อนให้เป็นปกติ แต่ก็ไม่พ้นการจับสังเกตของรสิกาแต่ก็เก็บความอยากรู้เอาไว้ เพราะมีเรื่องอื่นสำคัญกว่า
“เรื่องวันหน้าวันหลังนั่นเอาไว้ก่อนก็ได้ค่ะ ถ้าเป็นคุณยายทวดของแม่อย่างนี้แม่ก็เกิดไม่ทันสิคะ โรสอยากรู้จังว่าจะเหมือนมากขนาดไหน แล้วแม่ยังมีรูปอยู่หรือเปล่า”
น้ำเสียงกระตือรือร้นของบุตรสาวเรียกรอยยิ้มจากคนเป็นแม่ “ไม่แน่ใจว่ามีหรือเปล่า เอาไว้ว่างๆ แม่จะลองหาให้”
“หรือยายโรสจะเป็นคุณยายทวดของคุณแม่กลับชาติมาเกิดจริงๆ คะ” กรองขวัญที่ฟังสองแม่ลูกคุยกันพูดโพล่งขึ้น แต่ก็ทำให้คุณรสรินนึกอะไรขึ้นมาได้
“หนูขวัญพูดทำให้แม่เพิ่งนึกออกว่าคุณยายทวดน่ะ มีชื่อเดียวกับนางเอกนิยายที่พูดถึงกันอยู่เมื่อกี้แหละจ้ะ”
“นางเอกนิยาย! แม่หมายความว่าคุณยายทวดของแม่ชื่อการะเกดหรือคะ” รสิกาถามเสียงสูง
“ใช่จ้ะ”
คำตอบของมารดาทำให้คนเป็นบุตรสาวถึงกับเบิกตาโตราวกับไข่ห่าน เพราะที่เธอยกเอาชื่อนางเอกนิยายเรื่องที่เพิ่งอ่านจบมาพูด เพื่อแกล้งล้อเพื่อนเล่นเท่านั้น ไม่นึกเลยว่านอกจากเรื่องที่เพิ่งรับรู้ว่าตัวเองมีใบหน้าเหมือนคุณยายทวดของมารดาแล้ว แม้แต่ชื่อของท่านก็ยังบังเอิญไปเหมือนกับนางเอกนิยายเรื่องนั้นอีกต่างหาก
นี่ตกลงเธอจะหนีนิยายเรื่องนี้ไม่พ้นเชียวหรือ!
ช่างเป็นความบังเอิญที่ไม่นึกว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเองเลยจริงๆ
“ขวัญก็ไม่นึกเหมือนกันนะคะ ว่าชื่อการะเกดที่พูดกันเล่นๆ กับยายโรสเมื่อกี้ จะบังเอิญกลายเป็นชื่อคุณยายทวดของคุณแม่จริงๆ”
“แม่เองก็เกือบลืมไปแล้วว่าคุณยายทวดชื่อการะเกด”
“การะเกด ชื่อเพราะจัง อย่างกับชื่อดอกไม้” กรองขวัญรำพันออกมา
“ใช่จ้ะหนูขวัญ การะเกดเป็นชื่อดอกไม้ชนิดหนึ่ง สีเหลือง มักจะขึ้นตามที่ชื้นๆ ริมน้ำ” คุณรสรินอธิบายให้ฟัง
“ตามที่ฉันอ่านหนังสือมานะยายขวัญ ชื่อของคนสมัยก่อนส่วนใหญ่เอามาจากชื่อของดอกไม้ และที่บังเอิญไปเหมือนชื่อของนางเอกนิยายฉันว่าคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะนิยายที่ฉันพูดถึงเป็นนิยายย้อนยุค แต่ฉันไม่แน่ใจว่าเคยอ่านจากในหนังสืออะไรสักอย่าง ชื่อการะเกดความจริงเป็นชื่อของผู้ชายนะไม่ใช่ผู้หญิง” คนรอบรู้เรื่องราวสมัยอดีตบอกเพื่อน “แต่คนที่มีชื่อหลายพยางค์ส่วนใหญ่เป็นพวกผู้ลากมากดี แสดงว่าคุณยายทวดของแม่ต้องเป็นลูกสาวเจ้าพระยาสิคะ” รสิกาถามมารดาด้วยสีหน้ายิ้มๆ ไม่ได้คิดจริงจังแต่อย่างใด
“ใช่จ้ะ คุณยายทวดเป็นลูกสาวเจ้าพระยา”
“หา! ลูกเจ้าพระยา”
คนฟังอุทานเสียงสูงอย่างนึกไม่ถึงและกำลังจะหลุดคำถามออกไปอีก ทว่าถูกผู้เป็นเพื่อนพูดขัดขึ้นเสียก่อน
“ฉันว่าแกเลิกเป็นมนุษย์เจ้าปัญหาก่อนเถอะยายโรส ลืมไปหรือเปล่าว่าผมของแกยังไม่ได้ทำเลยนะ”
“แม่เห็นด้วยกับหนูขวัญนะโรส แต่งชุดไทยแต่ปล่อยผมยาวแบบนี้มันดูไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่” คุณรสรินบอก “เดี๋ยวแม่เกล้ามวยให้เอาไหม”
รสิกาส่ายหน้าหวือทันที