พิมพ์ณดาตื่นเช้ามาด้วยอาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัวโดยเฉพาะแผ่นหลังระบมไปหมด นึกเคืองภวัตที่รังแกตนเองในห้องน้ำนานสองนานบอกเจ็บหลังก็ยังจะเอาแต่ใจอยู่นั่น เเสงแดดสาดส่องทะลุผ้าม่านเข้ามารบกวนทำให้ต้องตื่นก่อนนาฬิกาปลุก ขมวดคิ้วไปมาเหมือนมีอะไรแปะตรงหน้าผากกลอกตาขึ้นมองก็เห็นเป็นกระดาษโพสต์อิท ตรงอื่นมีให้แปะตั้งเยอะมาแปะอะไรบนหน้าผาก หล่อนดึงออกมาถ่างตาอ่าน
‘วันนี้คุณพรีมจะมากินข้าวเย็นที่บ้าน’
“แล้วจะมาบอกทำไม” ว่าเสียงห้วน หมดอารมณ์นอนลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวออกไปทำงาน งานของหล่อนทำกับภวัตโดยตรงแต่ช่วงนี้เขาไม่ค่อยเข้าออฟฟิศนานนักติดนู้นนี่นั่นหลักๆ ก็ตามจีบสาว ท่าทางจะใกล้สำเร็จแล้วมั้งถึงได้นัดกันมากินข้าวเย็นที่บ้าน
ก็ดีเหมือนกันหล่อนจะได้หยุดความสัมพันธ์ลับๆ กับเขาสักที ถึงจะบอกตัวเองอย่างนั้นแต่พิมพ์ณดาก็อดเจ็บแปลบในใจไม่ได้
“คุณน้องขา หนุ่มหน้าตี๋คนดีคนเดิมมาขอพบค่ะ”
“อ๋อ ขอบคุณค่ะ”
บ้าจริง มัวแต่ใจลอยอยู่ได้นานสองนานงานการก็ไม่ทำ
หล่อนหยิบกระจกมาเช็คหน้าตัวเองว่าพร้อมพบใครหรือเปล่า มองแล้วก็เพลียไม่มีส่วนไหนที่เรียกว่าสวยเลย อีตาหน้าตี๋นั่นเลือกจีบหล่อนเเสดงว่าเขาต้องไม่ได้มองที่หน้าตาบ้านๆ ของหล่อนแน่นอน
ออฟฟิศด้านล่างมีโซฟาชุดใหญ่สำหรับต้อนรับเเขก หนุ่มหน้าตี๋เจ้าของสวนผักขนาดใหญ่นั่งเฝ้าตะกร้าผัก ทันทีที่หล่อนปรากฏกายเขาก็รีบเข้ามาทักทาย “สวัสดีครับคุณณดา”
“สวัสดีค่ะคุณนุ ขอโทษที่ลงมาช้านะคะพอดีณดางานยุ่ง”
ไม่ใช่หรอก ยุ่งกับการซับหน้าต่างหากเล่านานทีปีหนจะมีคนหลงเข้ามาจีบต้องสวยสู้ คนปากเสียบางคนจะได้เลิกดูถูกว่าหน้าตาหล่อนไม่ได้มาตรฐานสักที
“ไม่เป็นไรครับนานกว่านี้ผมก็รอได้ ผม… เอาผักสดๆ มาฝากคุณณดาครับ”
“ขอบคุณค่ะ” พิมพ์ณดารับไว้ด้วยความเต็มใจแอบคิดเมนูเด็ดเย็นนี้รอเรียบร้อย มาครั้งไหนก็เอาผักมาฝากตลอด เเบ่งพี่ๆ ที่ทำงานกลับไปกินแทบไม่หวาดไม่ไหว
“ผักของสวนผมปลอดสารเคมีกินแล้วดีมีประโยชน์ต่อร่างกายครับ”
ท่าทางเก้อเขินของหนุ่มชาวสวนทำให้พิมพ์ณดารู้สึกแปลกๆ แก้สถานการณ์ขัดเขินด้วยการเด็ดปลายยอดมาเคี้ยว “ผักสดจริงด้วยตอนเก็บท่าทางจะน่าสนุกนะคะ”
“สนุกมากครับ ผมชอบปลูกผักเป็นทุนเดิมอยู่ด้วยก็เลยสบายๆ คุณณดาอยากลองเก็บไหมครับ ไว้ถ้าว่าง… ผมจะมารับไปเที่ยวสวนผักของผม คุณพ่อคุณแม่ก็อยากเจอคุณ”
แม้จะพูดขณะเคี้ยวแต่หล่อนก็น่ารักเหลือเกินในสายตาของเขา ภานุพงศ์ยิ้มทีหน้าแดงไปหมดเริ่มมีความกล้าชวนหญิงสาวหลังแอบชอบมานาน
เคยเจอพ่อแม่เขาแค่ครั้งเดียวเอง สงสัยจะเป็นมุกจีบสาวตามประสาผู้ชายมั้ง
พิมพ์ณดาวางสีหน้าไม่ถูกไม่รู้จะตอบยังไงไม่ให้ชายหนุ่มมีความหวัง เขาน่ารัก ใสซื่อเสียจนหล่อนไม่กล้าแอ๊บใสให้เขาเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิงโสดธรรมดา
“แต่ถ้าคุณณดาไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะครับ”
“ณดาว่างค่ะ ขอพูดตรงๆ นะคะ ณดารู้ว่าคุณคิดอะไร”
“ดีจังเลยครับ ถ้างั้นเย็นนี้...”
“ณดาไม่ใช่ผู้หญิงดีอย่างที่เข้าใจคุณควรไปจีบคนอื่น”
“ไม่ไปครับผมจะจีบคุณ” หนุ่มชาวสวนตอบกลับด้วยใบหน้าซื่อๆ มั่นคงในความคิด
เจอประโยคเมื่อกี้เข้าไปถึงกับพูดไม่ออก มองไปรอบกายก็เห็นพี่ที่ออฟฟิศแอบดูกันเป็นแถวคอยเชียร์ให้ตกลงคบกับหนุ่มหน้าตี๋เพื่อจะได้มีเอี่ยวได้กินผักฟรี ตลกรับประทานจริงๆ พวกนี้
“นะครับคุณณดา ผมเองก็ไม่ใช่คนดีเคยผ่านการแต่งงานมาก่อน คุณยังไม่รังเกียจไม่ขับไล่ผมเลย ผมอยากลองคบกับคุณจริงๆ ให้โอกาสนะครับ” ภานุพงศ์รบเร้า
“ถือว่าณดาได้เตือนแล้ว อย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน”
“หมายความว่า…” หนุ่มหน้าตี๋ลุ้นระทึก
“ณดาจะยังไม่ไปบ้านคุณแต่ตอนเย็นเราไปหาอะไรกินด้วยกันก็ได้ ณดากำลังอยากไปเดินดูดอกไม้ที่ตลาดเกษตรในเมืองพอดี”
คำตอบนั้นสร้างเสียงเฮให้ทุกคนไม่เว้นภานุพงศ์ที่ร้องเสียงดังมากเป็นพิเศษยอมล่าถอยกลับสวนไปแต่งตัวหล่อๆ รอมารับสาวในดวงใจไปเดท
เมื่อได้อยู่คนเดียวบนโต๊ะทำงานพิมพ์ณดาก็ยกอุ้งมือตนเองขึ้นมาดู สัมผัสอบอุ่นจากภวัตยังเหลืออยู่พอเจือจางเท่านั้นไม่มีอะไรสามารถบอกได้เลยว่าวันพรุ่งนี้จะไม่มีน้ำตา
หล่อนก็แค่ผู้หญิงหน้าตาธรรมดาไม่มีความพิเศษอะไร กลางวันทำงานบนโต๊ะส่วนกลางคืนทำงานบนเตียง หน้าที่ของหล่อนคือเป็นคนคลายเหงาให้เขา ไม่มีสิทธิ์รัก ไม่มีสิทธิ์ได้ถูกเชิดหน้าชูตา อยู่ใต้เงื่อนไขของคุณนายยุพาที่ว่าต้องทนจนกว่าวันหนึ่งเขาจะรักใคร ซึ่งตอนนี้เขาเองก็ไปได้สวยกับคุณครูแสนหวาน อีกไม่นานก็คงได้คบกันอย่างเปิดเผย หล่อนเองก็ไม่ควรจมปรักอยู่กับเขาควรมองหาอะไรใหม่ๆ ให้ชีวิตตัวเองบ้าง
ภานุพงศ์เป็นคนดีคงไม่ยากเกินไปหากจะเปิดรับเขาเข้ามาศึกษาดูใจ เย็นนี้จะหายไปไหนก็ดูท่าว่าจะไม่มีใครสนใจ ก็เขามีนัดแล้วนี่ คงจะโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอกที่ไม่เห็นหล่อนอยู่ในบ้านตอนดินเนอร์กับคุณครูพรีมคนสวย ว่าจะไม่หึงไม่หวงแต่พิมพ์ณดาก็มีน้ำตาอยู่ดี