1
พิมพ์ณดา ผู้หญิงเดินดินกินข้าวแกงข้างทางสวมเสื้อผ้าตลาดนัดธรรมดา ไม่มีความพิเศษอะไรทั้งรูปร่างและหน้าตาทำให้สาวสวยหลายคนละเลยที่จะตั้งตนเป็นปรปักษ์คอยเข้ามาสร้างมิตรภาพเอาขนมนมเนยมาฝากเป็นประจำเพื่อแลกกับข้อมูลข่าวสารเล็กๆ น้อยๆ ของ ‘ภวัต ภูตะวัน’ หนุ่มโสดเนื้อหอมประจำจังหวัดเจ้าของเพียงหนึ่งเดียวของไร่ภูตะวัน ทุกข้อมูลพิมพ์ณดารายงานตรงไปตรงมาว่าวันนี้เขาทำอะไรหรือไปที่ไหนมาบ้าง ยิ้มเป็นมิตรให้สาวสวยที่คลั่งไคล้เขาทุกคน พอถึงเวลาเลิกงานก็โบกมือลา
“ได้เวลาเลิกงานแล้วไว้วันหลังพี่ๆ ค่อยมาใหม่นะคะ”
เจ้าของร่างเล็กลุกจากเก้าอี้ใช้มือโกยเอกสารใส่กระเป๋าผ้า เบียดเสียดสาวทั้งสองออกจากออฟฟิศอย่างยากเย็น หันมองซ้ายขวาไม่เห็นใครคาดว่าคงกลับบ้านไปหมดแล้ว ด้านหลังเสียงวี้ดว้ายแหลมปรี๊ดยังดังต่อเนื่อง กระแทกส้นสูงวิ่งกระหืดกระหอบแข่งกันตามออกมาแต่ช้ากว่าคนร่างเพรียวสวมกางเกงยีนทะมัดทะแมงอยู่ดี
“เดี๋ยวก่อนค่ะคุณน้องขา คุณพี่ยังมีคำถามอีกนะคะ”
“พี่ก็มีค่ะคุณน้องณดา”
“หมดเวลาแล้วเจ้าค่ะ ต่อไปถ้าใครอยากรู้ข่าวก่อนก็อย่าลืมซื้อหูฉลามอร่อยๆ มาฝากณดานะคะ ขอตัวก่อน บายยยย”
พิมพ์ณดากระโดดขึ้นคร่อมเอทีวีคันสีแดงดำโบกมือลาแล้วขับออกไปจากหน้าออฟฟิศ สองสาวมองไปยังต้นเสียงนั้นรู้สึกขัดใจมาก
“เพราะเธอคนเดียวมัวแต่ถามอะไรไร้สาระน้องณดาถึงรำคาญแล้วรีบหนีกลับบ้าน”
“อย่างกับคำถามของเธอมีสาระตายแหละ”
“พอย่ะ แยกย้าย!”
ว่าจบสองสาวสวยก็สะบัดสะโพกใส่กันเดินไปคนละทาง
เจ้านายหล่อนฮอตอย่างนี้มาตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่มจนตอนนี้ปาไปสามสิบสามแล้วก็ยิ่งฮอตไปกันใหญ่ มีสาวๆ เรียงแถวมาให้เลือกมากมายก็ไม่ยอมสนใจ ไปสนใจใครก็ไม่รู้ ยัยคุณครูมัธยมหน้าใสลูกสาวของกำนันมีโชค เทียวไล้เทียวขื่อกันมาเป็นปีสาวคนนั้นก็ไม่มีทีท่าจะเซย์เยสหรือเซย์โนมัวแต่เหนียมอายอยู่ได้ รู้สึกตัวอีกทีตอนเขาขี้เกียจตามจีบหล่อนก็ไม่รู้ด้วยหรอกนะและจะไม่ช่วยเป็นแม่สื่ออะไรทั้งนั้น
พิมพ์ณดาขับเอทีวีไปกลับระหว่างบ้านพักกับออฟฟิศเป็นประจำเกือบทุกวัน ตามถนนมีคนงานร้องทักทายทุกคันเพราะอยู่มานานเป็นที่รู้จักของคนงานทุกคน
ช่วงเวลาแบบนี้ลมเย็นสบายถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ทางกลับบ้านไกลสักห้ากิโลจะได้รับลมสบายๆ แต่ความจริงก็คือแค่ไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงแล้ว ไต่เนินเขาขึ้นมานิดเดียวเท่านั้นบ้านไม้หลังใหญ่ก็ปรากฏ
ป้านงค์รถน้ำต้นไม้ตรงหน้าบ้านพอดีเข้ามาช่วยถือกระเป๋าผ้าบรรจุเอกสารงานกับสารพัดขนม
“วันนี้คุณณดาจะลงครัวเองไหมคะป้าจัดวัตถุดิบไว้เรียบร้อยแล้ว”
“วันนี้ณดาเหนื่อยมากค่ะขอผ่านแล้วกันนะคะ ทำงานหนักมาทั้งวันก่อนกลับบ้านก็ยังต้องรบกับแฟนคลับของเจ้านายป้านงค์ตั้งสองคน ไม่รู้พวกคุณเธอจะติ่งอะไรขนาดนั้น”
“แต่ก็ดีนะคะ ได้ขนมอร่อยๆ มาตั้งหลายกล่อง” หนูนิด หลานสาวของป้านงค์เข้ามาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ถือวิสาสะเปิดดูข้างในถุงผ้า ยิ้มกว้างอวดฟันหลอเห็นขนมแล้วน้ำลายไหล
พิมพ์ณดาหัวเราะสดใสเอื้อมมือไปขยี้ผมหนูนิดเอ็นดูเหมือนน้องตนเอง “ทำหน้าแบบนี้อยากกินใช่ไหม พี่ณดายกให้หมดเลย หนูนิดเอาไปแบ่งกินกับคนอื่นๆ นะจ๊ะ”
“ไชโย! พี่ณดาใจดีจังเลยค่ะขอบคุณนะคะ”
“หนูนิดรอก่อน อย่าถือไปทั้งถุงแบบนั้นสิงานคุณณดาข้างในก็มี เอากลับมาก่อน” ป้านงค์ร้องตามหลานสาวก็ไม่ทันหนูนิดวิ่งถือถุงผ้าไปทางในครัวซะแล้ว “หลานสาวคนนี้นี่ เดี๋ยวป้าไปเอาคืนมาให้นะคะ”
“ค่ะ” พิมพ์ณดาไม่รู้จะหัวเราะหรือจะเอ็นดูก่อนดี ยกมือขึ้นสูงบิดร่างกายไล่ความปวดเมื่อยเดินขึ้นห้องไปผลัดผ้าอาบน้ำเรียกความสดชื่น กลับลงมาอีกทีป้านงค์ก็ทำอาหารเย็นเรียบร้อยกลิ่นหอมเย้ายวนโชยไปทั้งบ้านท้องร้องขึ้นมาทันที
หญิงสาวเดินตัวปลิวมาทางห้องครัวทำจมูกฟุตฟิตยืนมองอาหารบนโต๊ะกะพริบตาออดอ้อน “น่ากินจังเลยค่ะ ช่วยตักราดข้าวให้ณดาสักจานหน่อยสิคะป้า”
“ไม่ได้นะคะคุณณดา”
ตีมือเล็กไม่ให้ใช้นิ้วหยิบไก่ชุบแป้งทอดชิ้นใหญ่ “ต้องรอนายภูก่อนค่อยกินพร้อมกันค่ะ ไปนั่งรอข้างในเลยป้าจะให้เด็กยกขนมไปให้กินรองท้องก่อน”
“ป้าอ่า นิดหน่อยก็ไม่ได้เหรอวันนี้ณดางานยุ่งเเทบไม่มีเวลากินข้าว นายภูของป้าก็กลับบ้านไม่เคยตรงเวลาไม่รู้ตอนนี้ไปจีบคุณครูแสนสวยถึงไหน ถ้าเขากลับมาห้าทุ่มณดาไม่ไส้ขาดตายเหรอคะ”
สรรหาคำมาโน้มน้าวจิตใจเห็นของกินแล้วท้องร้องเหมือนฟ้าจะถล่มแต่ป้านงค์ก็ไม่ใจอ่อน หล่อนมองค้อนยกใหญ่เดินไปเปิดตู้เย็นหาของกินหอบขนมออกไปนั่งกินหน้าทีวี ใช้ปลายนิ้วคีบทิชชู่มาซับปากเลอะช็อกโกเเลตส่งเสียงหัวเราะมุกในรายการตลก แฉลบสายตาลงต่ำหยิบเอาองุ่นพวงโตมาเคี้ยวตุ้ยๆ เต็มปากไปหมดไม่รักษาภาพพจน์อะไรทั้งนั้น
โซฟาข้างกายอ่อนยวบลงหญิงสาวละสายตาจากรายการตลกหันกลับมามองก็ตกใจที่เห็นภวัต