เช้านี้อากาศค่อนข้างเย็นเนื่องจากเมื่อคืนฝนตกหนัก
พิมพ์ณดาตื่นนอนตามเสียงนาฬิกาปลุกอาบน้ำแต่งกายด้วยชุดทำงานแบบลุยๆ เดินลงมาข้างล่างหากระถางดอกไม้ของตัวเองแต่มันหายไปไหนแล้วไม่รู้ บังเอิญป้านงค์กวาดบ้านอยู่แถวนี้พอดีจึงถาม
“ป้านงค์เห็นกระถางดอกไม้ของณดาไหมคะ”
“เอ... ป้าก็ไม่ได้สังเกตด้วยสิคะ”
“มันหายไปไหนในเมื่อณดาเอามาวางไว้ตรงนี้กับมือ”
หนูนิดในชุดนักเรียนซุกซนวิ่งเล่นในบ้านยิ้มฟันหลอให้เจ้านาย
“อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ณดา เปิดเทอมวันแรกหนูนิดขึ้นป.1 แล้วนะคะ”
“เก่งมากจ้ะ อืม... เช้านี้หนูนิดเห็นกระถางดอกไม้ของพี่ณดาไหม พี่ณดาวางไว้ข้างประตูตั้งแต่เมื่อคืน” ลูบผมเปียของเด็กหญิง
“หนูนิดเพิ่งมาจากบ้านไม่เห็นหรอกค่ะคุณณดา” ป้านงค์ตอบแทนหลานสาวตัวน้อย จับหัวไหล่เล็กมาไว้ใกล้ตัวไม่ให้ซนเข้าใกล้พิมพ์ณดา “ลองถามนายภูไหมคะ ป้าเห็นหลังไวๆ เดินไปทางหลังบ้าน”
“ก็ดีเหมือนกันค่ะณดาขอตัวก่อนนะคะ ตั้งใจเรียนล่ะหนูนิด” เขย่าศีรษะเล็กเอ็นดู ตรงดิ่งไปทางหลังบ้านพยายามมองหาภวัตในสวนดอกไม้ก็ไม่เห็นเขานอกจากคนสวนหนึ่งคน
“ดำเกิง เห็นคุณภูไหม”
“เมื่อกี้ผมเห็นนายอยู่แถวถังขยะด้านนั้นครับ”
“ขอบใจจ้ะ” พิมพ์ณดายิ้มให้ดำเกิงรีบเดินตามไปยังทิศทางดังกล่าวบังเอิญภวัตเดินกลับมาพอดีก็เลยทักทาย
“อิ่มแล้วเหรอคะ”
“อิ่มอะไร ยังไม่ได้กินอะไรเลยสักคำ” ภวัตทำหน้าดุ
“ก็ได้ยินดำเกิงบอกว่าคุณภูไปป้วนเปี้ยนแถวถังขยะณดาก็นึกว่าไปหาอะไรกินตอนเช้า อุ๊ยย มันเจ็บนะ” ประท้วงเสียงหวานยกมือขึ้นลูบหน้าผากปอยๆ หลังถูกชายหนุ่มใช้ปลายนิ้วดีดไม่มีออมแรง
คนบ้า คนเถื่อน คนซาดิสม์ พูดอะไรนิดๆ หน่อยๆ ไม่ได้เป็นต้องทำร้ายร่างกายกันตลอด พิมพ์ณดาก่นด่าชายหนุ่มในใจ
“สมน้ำหน้า ใครใช้ให้กวนประสาท” คนหล่อยังทำหน้าดุเอื้อมมือมากำรอบข้อมือบอบบางฉุดเข้าบ้าน
“เดี๋ยวก่อนค่ะอย่าเพิ่งไป คุณภูเห็นกระถางดอกไม้ของณดาไหมคะ คุณนุซื้อให้เมื่อคืนณดาว่าจะเอาไปปลูกในสวนหลังบ้าน”
“ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่สนใจ” ตอบแล้วก็ออกแรงฉุดคนตัวเล็กกลับเข้ามาในบ้านไม่ยอมปล่อยให้ย้อนกลับไปตามหา ปล่อยมันให้นอนแอ้งแม้งในถังขยะนั่นแหละเดี๋ยวตอนเย็นคนของเขาก็เอาไปทิ้ง
ไอ้หมอนั่นมันเข้าถูกทางซะด้วย ยัยนี่ชอบธรรมชาติปลูกต้นไม้ดอกไม้ไม่ชอบความหวือหวาวุ่นวายมันก็ดูทางออกขยันเอาผักปลอดสารพิษมาส่งแถมยังพาไปเดินตลาดเกษตรซื้อดอกไม้ให้ ร้ายกาจไม่เบา ขืนปล่อยให้เจอกันบ่อยๆ ได้หลงรักมันเต็มใจแน่ ทีแรกเขาประมาทไปหน่อยแอบดูถูกว่ามันเอาผักมาจีบสาว บ้าหรือเปล่า ผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบดอกไม้กับความโรแมนติกจีบให้ตายยังไงก็ไม่ติดแต่เขาคิดผิด
ภวัตหน้านิ่วคิ้วขมวดคิดหาทางสกัดไม่ให้ทั้งสองได้เจอกันอีก
“เย็นนี้เราไปกินข้าวนอกบ้านกันไหม”
“ไม่ไปค่ะ ฝีมือป้านงค์อร่อยกว่าร้านอาหารบางร้านอีก”
“ให้โอกาสตอบใหม่” ว่าจบก็กดหัวไหล่บอบบางนั่งลงเก้าอี้ริมระเบียงบนโต๊ะไม้มีข้าวต้มกุ้งร้อนๆ สองถ้วยตั้งไว้ให้รับประทาน
พิมพ์ณดาย่นลำคอเอนกายไปข้างหลังสุดชิดพนักพิงเก้าอี้หลบการโน้มกายเข้าหาของภวัต อยากต่อว่าเขาเหลือเกินถ้าจะมาอีหรอบนี้ไม่ต้องถามหรอกถึงเวลามาฉุดหล่อนไปเลยยังจะเข้าท่ากว่า
“ไปก็ได้แต่ขอณดาเลือกร้านเองนะ”
“ดีมาก” ภวัตยิ้มจนตาหยีหยัดกายขึ้นตรงเดินอ้อมกลับไปนั่งประจำเก้าอี้ตัวเองรับประทานข้าวต้มเงียบๆ ไม่ได้ชวนอีกฝ่ายคุย
เป็นครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่ทั้งสองเข้าออฟฟิศพร้อมกันโดยปกติภวัตจะติดงานข้างนอกตลอดเข้ามาเคลียร์งานบ้างในช่วงกลางวันส่วนตอนเช้ากับตอนเย็นก็เข้าไร่ไปดูแลงาน ไร่ภูตะวันมีอาณาเขตหลายร้อยไร่แต่ละส่วนก็มีความสำคัญประกอบด้วยไร่ชา ไร่องุ่น ไร่สตรอว์เบอร์รีและป่าสัก
ทั้งหมดภวัตเป็นคนดูแลคนเดียวไม่มีพี่น้องช่วยแบ่งเบางาน เพราะแบบนี้เขาถึงค่อนข้างเป็นคนขี้เหงาต้องหาคนมานอนด้วยตลอดติดนิสัยจนคุณยุพาย่าของเขาต้องยื่นประกาศิตห้ามทำตัวมั่วไม่เลือกและให้พิมพ์ณดาเข้ามาดูแลหรือภาษาบ้านๆ ก็คือหล่อนขายตัวให้เขานั่นแหละ ฟังดูเหมือนเป็นผู้หญิงไร้ยางอาย ยอมรับ… หล่อนเองก็ไม่ได้ภูมิใจนักหรอกที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
เกือบสี่ปีที่อยู่ด้วยกันต่างฝ่ายต่างยังไม่มีใครความสัมพันธ์นี้ก็เลยยืดเยื้อ เป็นฝ่ายพิมพ์ณดาที่คิดไม่ซื่อเผลอเปิดใจให้เขามานานแสนนานแต่ต้องเก็บความรู้สึกไว้เพราะรู้เต็มอกว่าเรื่องนี้มันไม่มีวันเป็นไปได้ ภวัตไม่มีวันมองหล่อนเป็นอื่นนอกจากคู่นอน
ใช่สิ… หล่อนเป็นของเขาหมดแล้วไม่เหลือความท้าทายอะไรให้เขาสนใจสักอย่าง หน้าตาก็บ้านๆ ไม่สวยเหมือนผู้หญิงคนอื่น หุ่นก็ไม้กระดานเขาคงไม่ได้อยากมีหล่อนไปตลอด คิดไปแล้วก็อดน้อยใจในวาสนาตัวเองไม่ได้ เวลาเห็นเขาไปกับผู้หญิงคนอื่นหล่อนไม่เคยชินสักครั้ง ต้องยิ้มกว้างมากขึ้นหัวเราะเสียงดังขึ้นกินเยอะขึ้นเพื่อกลบความเจ็บที่ต้องเผชิญทุกวัน
พิมพ์ณดาสะบัดศีรษะเบาๆ หยุดคิดเรื่องบ้าบอพวกนี้
“ฉันเปิดเพลงของพี่ป้างไม่ได้เปิดอีดีเอ็ม” เห็นคนข้างกายสะบัดผมเหมือนกำลังโยกใส่จังหวะเพลงก็อดแขวะไม่ได้
“ไม่ต้องยุ่งกับณดาคุณภูตั้งใจขับรถไปเถอะค่ะ”
“ไม่ต้องยุ่งกับณดา” ดัดเสียงเล็กล้อเลียนพิมพ์ณดาจนถูกหล่อนแยกเขี้ยวใส่ ภวัตหัวเราะหึหึในลำคอตลกสีหน้านางมารฝึกหัด
วันนี้งานในไร่กับออฟฟิศยุ่งพอกันเนื่องจากฝนตกหนักเมื่อคืนไร่ชาจึงมีดินทรุดเป็นบางส่วน ภวัตเข้าไปดูแลงานเกือบจะทั้งวันกลับมาถึงออฟฟิศเนื้อตัวก็เปื้อนโคลนหมดหล่อแถมยังหมดแรงทำงานนอนหมดสภาพบนพื้นไม้หน้าโซฟา ไม่ได้ปีนขึ้นไปข้างบนเพราะเข็ดหลังเคยถูกหล่อนบ่นยาวต้องตามเช็ดตามล้างทุกครั้งที่เขาเอาตัวเปื้อนๆ ขึ้นมานอน ภวัตเคยคิดตลอดว่าเหนือกว่าไม่กลัวแต่เอาเข้าจริงๆ ก็ต้องตามใจหล่อน
พรุ่งนี้เป็นวันเงินเดือนออกพิมพ์ณดาต้องวุ่นวายกับการทำงาน เกือบชั่วโมงกว่าจะนึกขึ้นได้ว่าต้องเข้าไปดูเจ้านาย “ป่านนี้จะตื่นหรือยังนะ”
วางมือจากงานเข้ามาข้างในเห็นเขายังคงนอนหลับก็จัดเสื้อผ้าชุดใหม่กับผ้าเช็ดตัวมายัดใส่มือบังคับให้ไปอาบน้ำ
“คุณภูตื่นค่ะ อีกเดี๋ยวก็ต้องเข้าไร่ไปดูแปลงเกษตร”
“ขอนอนพักสักงีบนะณดา”
“ไม่ได้ค่ะ ตื่นเถอะนะคะณดาจะหาอะไรมาให้กินรองท้อง”
“โธ่…” หมดกันความฝันนอนกลางวันแสนสุขของเขา ภวัตพยายามต่อรองสุดชีวิตทั้งที่ยังหลับตาแม้จะรู้ว่าตัวเองไม่เคยต่อรองพิมพ์ณดาได้เลย นางมารชัดๆ สุดท้ายเขาต้องพาตัวเองเข้าไปในห้องน้ำจนได้ ใช้เวลาอาบน้ำสิบนาทีก็เสร็จสวมเพียงกางเกงส่วนเสื้อปล่อยไว้ไม่ติดกระดุมเอง นั่งบนโต๊ะทำงานกระดิกนิ้วเรียกพิมพ์ณดาเข้ามาช่วย
พิมพ์ณดากลอกตาแรง มุมปากบ่นอุบอิบทำตาคว่ำใส่แต่ก็ยอมเดินเข้ามาติดกระดุมให้ อยู่ใกล้หล่อนแค่คืบเดียวเท่านั้นเขาเข้าใจได้ทันทีว่าเพลง ‘คนมีเสน่ห์’ แต่งมาเพื่อผู้หญิงคนนี้ชัดๆ ไม่สวยสะดุดตาแต่ทำอะไรก็น่ามองไปหมด
“คิดไปคิดมาณดาชักจะสงสารคุณครูแสนหวานคนนั้นแล้วสิ”
“สงสารทำไม”
“ก็… ถ้าไม่มีณดาคุณพรีมต้องทำทุกอย่างให้คุณภูเหมือนที่ณดาทำ คอยรองมือรองเท้าไม่ต่างจากสาวใช้ประจำตัว”
“ฉันไม่นอนกับคนใช้หรอกนะ”
ชายหนุ่มยังมีอารมณ์หยอดมุกตลก เล่นเองหัวเราะเองโอบเอวคอดเล็กเข้ามาแนบลำตัวมองตาหล่อนหลายวินาที
“แล้วฉันก็ไม่นอนกับผู้หญิงคนอื่นนอกจากเธอด้วย”