“เดี๋ยวก่อน”
ไรอันตัดสินใจร้องทักคนตัวเล็กที่กำลังจะเดินออกจากประตูไป ทำให้เท้าเรียวยาวภายใต้รองเท้าส้นสูงต้องหยุดชะงักแล้วหันกลับมามองด้วยหัวใจที่เต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ภาวนาเป็นอย่างยิ่งว่าการลงทุนพลีกายถวายชีพของเธอครั้งนี้จะไม่สูญเปล่า
“คะ?”
“ผมมีข้อเสนอให้กับคุณ”
“ข้อเสนออะไรคะ”
จันทร์เจ้าเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เช่นเดียวกับใบหน้างดงามที่ไม่บ่งบอกถึงความรู้สึกใดใด ทั้งที่ในใจนั้นกำลังลุ้นอยู่ว่าเขาจะพูดอะไร
“ให้คุณมาเป็นผู้หญิงของผม แลกกับเงินเดือนและสิ่งของที่คุณต้องการ”
สิ้นประโยคนั้นดวงตาคู่สวยก็ประกายแสงวาบด้วยความยินดี แต่กระนั้นก็ทำเป็นนิ่งเฉยแล้วถามออกไปด้วยน้ำเสียงโทนเดิม
“นานเท่าไหร่คะ”
“หนึ่งเดือน หรืออาจจะมากกว่านั้น”
“ฉันขอคิดดูก่อนนะคะ”
ถึงแม้จะเตรียมตัวเตรียมใจมาแล้วก็ตาม แต่พอได้ในสิ่งที่ต้องการจันทร์เจ้ากลับรู้สึกคิดหนักอีกครั้ง เพราะถ้าหากเธอยอมตกลง ชีวิตของเธอต่อจากนี้ก็จะต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล ซึ่งแน่นอนว่ามันจะมีทั้งเรื่องดีและไม่ดีเกิดขึ้นโดยที่เธอก็ไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าจะสามารถรับมือกับทุกปัญหาได้หรือเปล่า
“ผมให้เวลาคุณคิดสองนาที”
“สองนาที?”
“ใช่! ไม่พอเหรอ?”
ไรอันยืนยันเสียงหนัก ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นสูงถามด้วยน้ำเสียงกวนเล็กน้อย ส่งผลให้คนถูกถามต้องแอบบ่นพึมพำในใจด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย
‘ถามมาได้ว่าไม่พอเหรอ? เรื่องใหญ่ขนาดนี้ให้เวลามากกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้’
“ฉันขอทราบรายละเอียดข้อตกลงคร่าวๆ ได้ไหมคะ”
“ข้อตกลงปากเปล่า ระหว่างที่คุณเป็นผู้หญิงของผมห้ามไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนอื่น ห้ามตกหลุมรักผม ห้ามแสดงความเป็นเจ้าของผม และข้อสำคัญห้ามขัดใจผม”
ข้อตกลงปากเปล่าที่ว่านั้นดูเหมือนหญิงสาวจะเตรียมตัวเตรียมใจมาบ้างแล้ว เลยไม่ได้รู้สึกตกใจหรือแปลกใจอะไร เพราะเธอตระหนักเสมอว่าที่เข้ามาใกล้ชิดกับเขาเพื่อจุดประสงค์อะไร
“ไม่มีปัญหาค่ะ ว่าแต่คุณจะให้ทุกสิ่งที่ฉันต้องการจริงๆ ใช่ไหมคะ”
“แล้วคุณต้องการอะไรล่ะ”
“ฉันต้องการบริษัทคืน คุณสามารถทวงคืนให้ฉันได้หรือเปล่าคะ”
นั่นเป็นเป้าหมายสูงสุดของเธอในเวลานี้ เพราะเชื่อว่ามีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่สามารถทวงความยุติธรรมคืนให้ได้ และที่สำคัญมาเฟียผู้ทรงอิทธิพลอย่างเขาสามารถให้ทุกสิ่งที่เธอต้องการได้ นี่เลยเป็นเหตุที่เธอต้องพลีกายถวายชีพ ทั้งที่อดีตคุณหนูผู้ร่ำรวยมหาศาลอย่างเธอไม่เคยคิดที่จะยอมทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อแลกกับอะไรมาก่อน
“ขอเวลาสองวัน”
เสียงทุ้มเอ่ยอย่างหนักแน่น บ่งบอกว่าเป็นการให้สัญญา ส่งผลให้ใบหน้างดงามที่ราบเรียบเมื่อครู่ต้องคลี่ยิ้มออกมาบางๆ ด้วยความพอใจ และไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณตามมารยาท
“ขอบคุณค่ะ คุณไรอัน”
“ถึงตาผมขอคุณบ้างแล้ว”
ไรอันบอกอย่างใจเย็น พร้อมกับจับมือเล็กจูงมาที่โซฟาขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่มุมห้อง จากนั้นก็รั้งเอวคอดลงมานั่งพร้อมกันโดยที่เขานั้นซ้อนทับอยู่ทางด้านหลัง ทำให้คนตัวเล็กต้องทรุดลงมากองอยู่บนตักกว้างแข็งแรงอย่างไม่อาจขัดขืนได้
“ขออะไรคะ”
หญิงสาวช้อนสายตาขึ้นมามองใบหน้าหล่อเหลาด้วยน้ำเสียงเรียบปกติ ทั้งที่ตอนนี้หัวใจดวงน้อยกำลังเต้นครึกโครมแทบจะกระเด็นออกจากอก จันทร์เจ้ายอมรับว่าเขาเป็นผู้ชายที่หล่อเหลา และมีเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้ามที่รุนแรง เป็นเรื่องยากสำหรับผู้หญิงที่ได้อยู่ใกล้แล้วจะหักห้ามใจไม่ให้ลุ่มหลงได้ ขนาดเธอที่ว่าเตรียมตัวเตรียมใจมาเป็นอย่างดีแล้วยังรู้สึกแทบจะไม่เป็นตัวของตัวเองเวลาที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับเขา แบบนี้สินะเขาถึงได้เป็นขวัญใจของสาวๆ ค่อนโลก
“ก่อนอื่นขอทราบชื่อของคุณก่อน”
“ฉันชื่อจันทร์เจ้าค่ะ”
“จันทร์เจ้า เพราะดีนี่” เสียงทุ้มเอ่ยชมจากใจจริง โดยไม่คิดจะแสแสร้งทั้งน้ำเสียงและแววตา
“ขอบคุณค่ะ”
เจ้าของชื่อกล่าวขอบคุณด้วยความรู้สึกเขินอายเล็กน้อย เพราะนัยน์ตาคมกริบสีทองนั้นจับจ้องอยู่ที่ดวงหน้าเธอตลอดเวลาราวกับอยากจะกลืนกินเธอไปทั้งตัวยังไงอย่างนั้น
“เราจะพบกันที่ไหนดี เดือนนี้ผมมาทำงานอยู่ไทยทั้งเดือน คุณจะย้ายมาอยู่กับผมที่นี่หรือจะให้ผมย้ายไปอยู่กับคุณดี”
“ฉันย้ายมาอยู่กับคุณที่นี่ดีกว่าค่ะ ที่บ้านฉันตอนนี้คงไม่สะดวกเท่าไหร่”
เมื่อนึกถึงปัญหาภายในบ้าน จันทร์เจ้าเลยเลือกที่จะขนข้าวของย้ายมาอยู่กับเขาที่เพนท์เฮ้าส์นี้แทน เพราะหากเขาย้ายไปอยู่กับเธอมีหวังต้องพบเจอกับปัญหาที่ยังแก้ไม่ตกตอนนี้อย่างแน่นอน ซึ่งเธอไม่อยากจะให้เขารับรู้อะไรเกี่ยวกับชีวิตของเธอมาก นอกจากเรื่องบางเรื่องเพียงเท่านั้น
“แล้วผมจะส่งคนไปขนข้าวของมาไว้ที่เพนท์เฮ้าส์นี่แล้วกัน ถ้าคุณสะดวกผมอยากจะขอให้ย้ายมาอยู่กับผมวันนี้เลย”
“วันนี้เลยเหรอคะ!”
เสียงหวานร้องถามด้วยความตกใจ เช่นเดียวกับดวงตาคู่สวยที่เบิกกว้างจ้องเขานิ่งอย่างลืมตัว
“ทำไม มีปัญหาอะไร?”
“ฉันอยากจะได้บริษัทคืนก่อน”
จันทร์เจ้าตอบไปตรงๆ อย่างไม่คิดปิดบัง เพราะถึงเขาจะให้สัญญากับเธอแล้วแต่ก็ใช่ว่าเธอจะยอมขนข้าวของมาอยู่กับเขาง่ายๆ หากสิ่งที่ตกลงกันไว้ยังไม่เกิดผลประจักษ์แก่สายตา
ไรอันไม่ได้โกรธที่เธอไม่ยอมตามใจ ตรงกันข้ามเขากลับมองว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาดมากเลยทีเดียว หากเป็นผู้หญิงคนอื่นคงต้องการที่จะใกล้ชิดกับเขาพร้อมๆ กับอ้อนขอโน้นนี่ ต่างจากเธอที่มีข้อแลกเปลี่ยนอย่างชัดเจน เธอแสดงออกให้เห็นว่าหากเธอไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการก็จะไม่ยอมพลีกายให้เขาได้เชยชมง่ายๆ เช่นกัน และนี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกท้าทายจนแทบจะอดใจรอวันที่เธอต้องมาอยู่ใต้ร่างอีกครั้งไม่ไหว
“ตามใจ แต่หวังว่าถ้าได้บริษัทคืนแล้วจะไม่ลืมสัญญา”
“ฉันไม่เคยผิดสัญญากับใครค่ะ”
หญิงสาวยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ส่งผลให้ใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่ค่อยจะปรากฏรอยยิ้มง่ายๆ คลี่ยิ้มออกมาบางๆ อย่างพอใจ
จันทร์เจ้าที่ไม่เคยเห็นรอยยิ้มของมาเฟียมาดครึมมาก่อน พอได้เห็นในระยะประชิดเช่นนี้ แม้จะเป็นเพียงรอยยิ้มบางๆ แต่ก็เล่นเอาหัวใจเธอแทบจะละลายกลายเป็นขี้ผึ้งลนไฟกันเลยทีเดียว จนอดถามตัวเองไม่ได้ว่า
‘รอยยิ้มแบบนี้หรือเปล่าที่เขาเรียกว่า ยิ้มพิฆาตนารี’
“งั้นก็ตามนั้น ผมจะให้เลขาไปส่งคุณที่บ้าน อีกสองวันเจอกัน”
“ค่ะ ฉันลานะค่ะ”
จันทร์เจ้าเอ่ยขอตัว เพราะเกรงว่าหากอยู่ใกล้เขานานกว่านี้ เธอจะตกเป็นทาสรัก โดนหลอมละลายให้เป็นหนึ่งเดียวกับเขาอีกครั้ง เพราะเสน่ห์ของเขานั้นรุนแรงจนเผลอจ้องใบหน้าหล่อเหลาตาไม่กระพริบอยู่หลายต่อหลายครั้ง และคราวนี้ไรอันก็ยอมปล่อยเธอไปแต่โดยดี