“มีเรื่องอะไรกันเหรอคะป้าพิม เสียงเอะอะโวยวายดังไปถึงข้างบนเลย”
เสียงหวานใสเอ่ยถาม ขณะที่พาร่างบางระหงเดินมาที่หน้าบ้านหลังจากที่ได้ยินเสียงดังจนต้องปิดหนังสือที่กำลังอ่าน เพื่อมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แล้วก็ต้องชะงักเท้ายืนอยู่กับที่เมื่อดวงตาคู่สวยปะทะเข้ากับร่างสูงใหญ่ของชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีดำแบบเดียวกัน กำลังยืนเรียงหน้ากระดานอยู่ตรงหน้าไม่ต่ำกว่าห้าคน
“ก็ไอ้พวกนี้นะสิคะ บอกว่าจะมาขนของคุณหนูย้ายไปที่อื่น ใครก็ไม่รู้ป้าให้เข้าบ้านไม่ได้หรอกค่ะ”
พิมพาหันมาฟ้องนายสาวพร้อมกับประกาศปกป้องเธออย่างสุดความสามารถ เข้าใจว่าจะเป็นคนของวศินที่เคยมาข่มขู่เมื่อครั้งก่อน แต่หญิงสาวกลับไม่คิดแบบนั้น เพราะเธอมั่นใจว่าคนตรงหน้าเป็นคนของมาเฟียหนุ่มที่เธอเข้าไปพัวพัน เนื่องจากหนึ่งในชายฉกรรจ์นั้นเป็นคนที่เคยพาเธอไปหาไรอันนั่นเอง
“ไม่เป็นไรค่ะป้า เดี๋ยวจันทร์คุยกับพวกเขาเอง”
จันทร์เจ้าบอกกับแม่บ้านวัยกลางคนด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ได้ตื่นตระหนกตกใจอะไร เพราะเตรียมตัวเตรียมใจมาบ้างแล้วว่าจะต้องมีวันนี้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ติด
“คุณหนูระวังตัวนะคะ หน้าตาน่ากลัวทั้งนั้นเลย”
พิมพาฉุดแขนเล็กเขาไว้เมื่อเธอทำท่าจะเดินเข้าไปให้ชายหน้าเหี้ยทั้งหลาย ทำให้จันทร์เจ้าต้องหันมาบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ป้าไม่ต้องห่วงนะคะ พวกเขาไม่ทำร้ายจันทร์หรอก”
หญิงสาวบีบมือแม่บ้านเบาๆ เป็นการปลอบโยน ก่อนจะหันหน้าเดินไปมาหยุดอยู่ตรงหน้าชายฉกรรจ์คนที่เธอคาดว่าน่าจะเป็นหัวหน้าของทุกคน
ทุกคนโค้งศีรษะอย่างพร้อมเพรียงกัน เพื่อเป็นการทำความเคารพเธอราวกับนัดหมาย ก่อนที่ชายคนหนึ่งที่แต่งตัวแตกต่างจากทุกคนเล็กน้อยและเป็นคนที่เธอเคยเห็นหน้ามาก่อนจะก้าวออกจากแถวหนึ่งก้าวแล้วเอ่ยกับเธอด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเดียวกับบุคลิก ท่าทาง
“สวัสดีครับคุณจันทร์เจ้า ผมเจมส์เป็นเลขาคุณไรอัน เราได้รับคำสั่งจากท่านให้มาขนของและพาตัวคุณจันทร์เจ้าไปที่เพนท์เฮ้าส์ครับ”
“ตอนนี้เลยเหรอคะ”
หญิงสาวย้อนถามเพื่อความมั่นใจ และก็ได้รับคำยืนยันกลับมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเช่นกัน
“ครับ”
‘ก็แน่ละสิ เสียตั้งเป็นพันล้านจะไม่คิดต้นคิดดอกได้ยังไง’
หญิงสาวแอบเหน็บอีกฝ่ายในใจ เนื่องจากไม่สามารถปฏิเสธเขาได้ เพราะเขาไม่ได้ทำผิดข้อตกลงใดใด
“ค่ะ ขอฉันไปเก็บของสักครู่นะคะ เชิญพวกคุณเข้ามานั่งรอในบ้านตามสบายค่ะ”
จันทร์เจ้าบอกกับชายฉกรรจ์ทุกคน ก่อนที่จะหมุนตัวพาร่างระหงเดินกลับเข้าไปในบ้าน โดยมีแม่บ้านวัยกลางคนเดินตามมาติดๆ
“ท่านนี่ใครกันคะคุณหนู”
พิมพาตัดสินใจเอ่ยถามหญิงสาวทันทีที่เดินเข้ามาในห้องนอนเพื่อช่วยเธอเก็บข้าวของใส่กระเป๋าเดินทาง น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความสงสัยและกังวล ทว่าหญิงสาวกลับตอบมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบปกติ ไม่ได้มีพิรุธอะไร
“เป็นคนที่จะปกป้องและช่วยเหลือจันทร์ไงละคะ”
“คุณหนูทำอะไรอยู่คะ”
คราวนี้พิมพาจับมือเล็กไว้แน่น พร้อมกับสบตาคู่สวยนิ่งถามด้วยนำเสียงเข้มขึ้นมาเล็กน้อย เพราะรู้สึกว่าเจ้านายสาวที่นางรักและเอ็นดูเหมือนลูกหลานแท้ๆ กำลังมีเรื่องปิดบังอยู่
จันทร์เจ้าที่พยายามฝืนยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างสุดความสามารถ แต่ในที่สุดความอดทนขอเธอก็สิ้นสุดลง รอยยิ้มอ่อนหวานที่พยายามเก็บซ่อนความกลัว ความอ่อนแอ และความทุกข์ไว้มากมาย ค่อยๆ จางหายพร้อมกับหยดน้ำตาที่ร่วงหล่นออกมาอย่างสุดจะกลั้น เมื่อสัมผัสได้ถึงความรักความห่วงใยจากคนรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ตรงหน้าที่เธอไม่เคยได้รับจากญาติๆ คนไหนมาก่อน
หญิงสาวโผเข้ากอดร่างผอมบางของพิมพาพร้อมกับปล่อยโฮออกมาราวกับเด็กน้อยที่หมดหนทาง ก่อนที่จะยอมเล่าทุกอย่างที่เธอกำลังทำอย่างไม่คิดปิดบัง
“จันทร์ขายศักดิ์ศรีเพื่อแลกกับทุกอย่างค่ะป้าพิม ตอนนี้ถึงเวลาที่จันทร์จะต้องไปอยู่กับเขาเพื่อชดใช้หนี้ จันทร์ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้แล้ว ขอโทษที่ทำให้ป้าผิดหวัง แต่อย่าดุด่าจันทร์เลยนะคะ”
เมื่อได้ยินคำสารภาพที่หมดเปลือกพร้อมกับคำอ้อนวอนในตอนท้ายของผู้เป็นนาย พิมพาที่รักและเอ็นดูสาวน้อยมาตั้งแต่เด็กก็ไม่อาจโกรธเธอได้ลง ตรงกันข้ามนางกลับเข้าใจภาระหน้าที่ของอีกฝ่าย และยังรู้สึกสงสารจับใจโดยที่ไม่สามารถช่วยอะไรนายสาวได้เลย
“โถ่…คุณหนู ใครจะดุด่าคุณหนูได้ลงกันละคะ ป้ารู้นะว่าที่คุณทำทุกอย่างก็เพื่อไม่ให้ทุกคนต้องลำบาก” มือที่เริ่มเหี่ยวย่นค่อยๆ ยกขึ้นมาสวมกอดร่างระหง พร้อมกับลูบหลังปลอบโยนเบาๆ
จันทร์เจ้าร้องให้สะอื้นอยู่นาน กระทั่งเวลาล่วงเลยผ่านหลายนาที ก่อนจะปรับอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติได้ แล้วผละออกจากแม่บ้านเพื่อเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายอีกครั้ง
“ขอบคุณนะคะที่เข้าใจจันทร์”
หญิงสาวกล่าวขอบคุณจากใจจริง พิมพาพยักหน้าเบาๆ ราวกับจะต้องยอมรับความจริงให้ได้ แต่กระนั้นก็อดกังวลไม่ได้อยู่ดี
“คุณหนูต้องไปอยู่กับเขาจริงๆ เหรอคะ เขาจะทำร้ายคุณหนูหรือเปล่า แล้วจะไปอยู่นานไหมคะ”
“จริงค่ะป้า แต่ป้าไม่ต้องห่วงนะ จันทร์ไปไม่นานก็จะกลับมา จันทร์มั่นใจว่าเขาเป็นคนดีไม่ทำร้ายจันทร์แน่ๆ ป้าสบายใจเถอะ”
“ได้ยินแบบนี้แล้วป้าก็คลายกังวลลงได้บ้าง ยังไงคุณหนูต้องสัญญากับป้านะคะว่าจะโทรมาหาบ่อยๆ”
“จันทร์สัญญาค่ะว่าจะโทรหาทุกวัน”
สองสาวสวมกอดกันอีกครั้ง จากนั้นก็ช่วยกันเก็บข้าวของที่จำเป็นใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ โดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่พูดอะไรอีกเลย
……………………………..………..
“คุณไรอันอยู่ไหนคะ ฉันต้องการพบเขาค่ะ”
ทันทีที่มาถึงเพนท์เฮ้าส์สุดหรู สองชั้น ที่กินอาณาเขตหลายสิบไร่ ของมาเฟียหนุ่มจันทร์เจ้าก็ถามถึงเจ้าของสถานที่ทันที และคนที่ตอบคำถามเธอก็คือเจมส์อีกตามเคย
“ท่านกำลังประชุมอยู่ครับ ตอนนี้ยังไม่สะดวกพบคุณจันทร์เจ้า ยังไงผมจะให้เด็กนำข้าวของไปเก็บไว้ในห้องของท่านแล้วกันนะครับ ส่วนคุณก็พักผ่อนตามสบาย หากต้องการอะไรเพิ่มเติมก็บอกผมได้ตลอดเวลา”
“ย้ายของไปอยู่ห้องท่านหมายความว่ายังไงคะ นี่ฉันต้องใช้ห้องนอนร่วมกับคุณไรอันด้วยเหรอ”
‘เพนท์เฮ้าส์ออกจะกินเนื้อที่กว้างใหญ่ไพรศาล จะไม่มีห้องว่างสักห้องให้เราอยู่เลยเหรอ’ จันทร์เจ้าคิดอย่างหงุดหงิดใจ
“เป็นคำสั่งของท่านครับ พวกเรามีหน้าที่แค่ทำตาม”
“รวมทั้งฉันด้วยสินะ”
หญิงสาวพึมพำกับตัวเองเบาๆ เมื่อตระหนักรู้ถึงภาระหน้าที่ของทุกคนที่นี่รวมทั้งเธอด้วย จะว่าไปแล้วทุกคนที่ทำงานอยู่ที่นี่ล้วนแต่ถูกจ้างมาด้วยเงินไม่เว้นแม้กระทั่งเธอ เพราะฉะนั้นเธอก็ไม่ต่างจากลูกน้องของเขาอีกคน เพียงแต่อาจจะทำหน้าที่ต่างออกไป
“เอ่อ…คุณเจมส์คะ”
“ครับ”
“ฉันขอถามอะไรคุณอย่างได้ไหมคะ”
“ครับ” เจมส์พยักหน้าให้ พร้อมรับฟังคำถาม
“เอ่อ…” จันทร์เจ้าอึกอักเล็กน้อย เมื่อคิดว่าเรื่องที่กำลังจะถามนั้นอาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวเกินไป และที่สำคัญเธออาจจะไม่ได้อยู่ในฐานะที่ไม่ควรจุกจิกเรื่องส่วนตัวของเขามาก แต่หากไม่รู้เรื่องสำคัญนี้เธอก็ทำงานไม่ได้เช่นกัน
“ว่าไงครับคุณจันทร์เจ้า ผมรอฟังอยู่ครับ” เจมส์ที่รอฟังอยู่ต้องเอ่ยถามอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเธอยังคงอ้ำอึ้งไม่ยอมพูดออกมาสักที
จันทร์เจ้าที่รู้ตัวว่ากำลังทำอีกฝ่ายเสียเวลาเพราะรอคำถามจากเธอ ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยถามขึ้น
“เจ้านายของคุณเขายังไม่มีเจ้าของจริงๆ ใช่ไหมคะ”
เจมส์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามจากหญิงสาว เขาเข้าใจว่าคนดังระดับเจ้านายและออกข่าวบ่อยยิ่งกว่าดาราบางคนโดยเฉพาะเรื่องของหัวใจจะเป็นที่รับรู้กันแล้วเสียอีก แต่ก็ดูเหมือนว่าเธอคงนี้จะยังไม่เชื่อสนิทใจ
“ถ้าหมายถึงภรรยาท่านยังไม่มีครับ”
คำตอบหนักแน่นของเจมส์ ทำให้หญิงสาวต้องลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างน้อยในระหว่างที่เธออยู่กับเขาก็ไม่ต้องคอยกังวลว่าผู้หญิงคนไหนจะมาจิกหัวหรือตบตีเพราะบังอาจไปยุ่งกับสามีของใครเข้า แต่กระนั้นเธอก็ยังไม่หมดข้อสงสัย
“ข้อถามอีกข้อนะคะ ปกติแล้วคุณไรอันเขาทุ่มเงินมหาศาลเพื่อที่จะได้ครอบครองผู้หญิงเพียงชั่วคราวแบบนี้เหรอคะ”
“เป็นปกติครับ แต่ผมก็ไม่เคยเห็นว่าผู้หญิงคนไหนจะได้มากเท่าคุณจันทร์เจ้าเลยสักคน” เจมส์ตอบอย่างไม่คิดจะปิดบัง เรื่องนี้เป็นที่รู้กันอยู่แล้วในวงการดารานางแบบ หรือแม้กระทั่งไฮโซ
ด้วยรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาไร้ที่ติ อีกทั้งยังมีอำนาจเงินทองมากมายมหาศาล เป็นเหตุผลหนึ่งที่สาวสวยที่ใฝ่สูงทั้งหลายอยากจะเสนอตัวมาให้ท่านได้เชยชม แต่ตั้งแต่ท่านเลิกกับแฟนเก่าก็ไม่มีใครได้ครอบครองหัวใจที่แกร่งดังภูผาของมาเฟียหนุ่มเลยสักคน
‘แล้วแบบนี้เราจะต้องทำงานหนักกว่าผู้หญิงทุกคนด้วยหรือเปล่านะ’
จันทร์เจ้าเกิดคำถามในใจ เนื่องจากเงินที่เขาต้องเสียให้กับเธอนั้นมีมูลค่ามหาศาล ที่ชาตินี้ไม่รู้ว่าเธอจะสามารถหามาคืนเขาได้หมดหรือเปล่า
“มีอะไรจะถามผมอีกไหมครับ” เมื่อเห็นว่าเธอนั้นเงียบไป เจมส์ก็เอ่ยถามอีกครั้ง
“ไม่มีแล้วค่ะ ยังไงฉันขอตัวก่อนนะคะ”
“เชิญตามสบายครับ”
……………………………………..