บทที่ 9 ในห้วงฝัน

1710 Words
บทที่ 9 ในห้วงฝัน ในห้วงฝันราชนาวีไม่ได้ฝันถึงเรื่องราวเพ้อฝันแต่ฝันถึงวันหนึ่งเมื่อครั้งยังเด็ก สมัยที่เขาไปที่บ้านเพื่อนของพ่อเพื่อที่จะไปติวการบ้านกับรติภัทรเพื่อนสนิทในวัยสิบสองขวบ วันนั้นเขาก็ลอบมองน้องสาวของเพื่อนอย่างเอ็นดูเหมือนทุกครั้งแต่ต่างไปจากทุก ๆ ทีเพราะเขากับรติภัทรได้เล่นสนุกจนเกินไปจนเด็กน้อยวัยหกขวบงอนตุ๊บป่องเกลียดพี่รักไปเลย “รุ้งเกียดพี่รัก โป้ง ม่ายชอบรักแล้ว” นั่นคือถ้อยคำที่จำติดหู จากพี่รักกลายเป็นรักเฉย ๆ นานวันไปไม่เรียกแม้แต่ชื่อ ไม่เคยนับถือเป็นพี่ เจอกันครั้งไหนก็ขัดนั้นขัดนี่ชวนทะเลาะ จนในที่สุดก็กลายเป็นคู่กัดกัน ราชนาวีทบทวนในฝัน ในความทรงจำว่าในวันนั้นเขาทำอะไรให้น้องรุ้งโกรธ แล้วก็ได้พบว่าวันนั้นเขาและรติภัทรทำให้เธอหน้าทิ่มโคลนอย่างจังจนชุดตัวโปรดและตุ๊กตาที่พี่สาวเจียดเงินออมซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดเปื้อนไม่เหลือชิ้นดี แล้วครั้งนั้นเธอก็เข้าใจว่าเขาทำคนเดียวเสียด้วยสิ นั่นเองสาเหตุที่ทำให้เขาและเธอห่างเหินทั้งที่ก่อนอายุสิบสามเขาเอาแต่เฝ้ามองน้องสาวของเพื่อน เด็กวัยนั้นแค้นฝังใจเสียด้วย และปัจจุบันนี้ก็ยังฝังจิตฝังใจ เห็นทีจะทำให้รัมภาภัสร์รักมันจะยากกว่ารักคุณเธอเสียแล้ว ราชนาวีลืมตาตื่นแล้วก็ครุ่นคิดหนัก ให้ตายชักเขาจะทำเล่น ๆ กับเรื่องนี้ไม่ได้แล้ว เธอไม่รักเขาเธอก็มีสิทธิ์รักคนอื่น เขาจะทำตัวเป็นคนง้อใครไม่เป็นแบบนี้ต่อไม่ได้แล้ว ต้องทำอะไรสักอย่าง ราชนาวีใช้เวลาทั้งคืนหมดไปกับการครุ่นคิด จนกระทั่งเผลอหลับไปในช่วงตีห้าและตื่นมาอีกทีในตอนหกโมงเช้า ชายหนุ่มเดินง่วง ๆ เข้าไปในครัวเป็นอันดับแรก หลังจากที่คิดมาทั้งคืนเขาจึงได้มาไอเดียหนึ่ง นั่นคือการเอาใจใส่ ผู้หญิงชอบผู้ชายอบอุ่น อ่อนโยนไม่ใช่แข็งกระด้างพูดจากวนประสาท เช้านี้เขาจึงตั้งใจว่านอกจากจะเลิกพูดจาแข็งกระด้างใส่เธอแล้วจะลงมือทำมื้อเช้าให้ทั้งลูกทั้งเมียได้ลิ้มรสสักครั้ง บางทีเสน่ห์ปลายจวักอาจจะไม่ใช้ได้แค่กับผู้ชาย เสน่ห์ปลายจวักอาจจะทำให้เมียรักเมียหลงได้เช่นกัน ไม่นานข้าวต้มทรงเครื่องร้อน ๆ กับน้ำส้มคั่นสด ๆ ก็ถูกวางเสิร์ฟที่โต๊ะ รติภัทรในชุดเสื้อยืดแขนยาวกับกางเกงวอร์มเดินออกจากห้องตรงมายังห้องครัวตามกลิ่นหอมฟุ้งทันที “คุณพระ ฟ้าจะผ่าไหมเนี่ย นายลุกขึ้นมาทำกับข้าวเนี่ย” “พูดมากเดี๋ยวก็ไม่ให้กินหรอก” ราชนาวีบอก “แหม่ ๆ ไอ้ฉันมันผลพลอยได้ รู้หรอก” “ว่าแต่จะแต่งตัวแบบนี้ไปทำงาน?” “เปล่า พอดีฉันต้องไปหาลูกค้าที่พัทยาเลยกะว่าเสร็จจากนัดลูกค้าแล้วจะแวะไปหาพ่อครามกับแม่เพียง ก็เลยแต่งกระฉับกระเฉงหน่อย” หญิงสาวบอก “พอดีเลย แวะไปเอาชุดให้อีกสักสองสามชุดสิ ฉันเอามาแค่สองชุดเอง” “ได้ทีใช้ตลอด” เธอว่าให้เพื่อนหนุ่มก่อนที่เสียงประตูห้องของสองแม่ลูกจะเปิดออก หนูน้อยรัมภาวีร์ในชุดนักเรียนเรียบร้อยวิ่งมาสวัสดีครีมจ๋าก่อนที่จะตาโตเมื่อเห็นข้าวต้มของโปรด “โอ้โห วันนี้ครีมจ๋าทำข้าวต้มให้หนูเล็กเหรอ ดีจังเลย วันนี้แม่รุ้งตื่นสายคิดว่าจะไม่ได้กินข้าวเช้าเสียแล้ว” หนูน้อยพูดจ้อก่อนที่จะปีนขึ้นนั่งบนเก้าอี้ “ใครบอกว่าครีมจ๋าทำ พ่อรักต่างหากล่ะ” ชายหนุ่มเสนอหน้าบอกทำเอาสองแม่ลูกที่กำลังจะตักข้าวต้มเข้าปากต้องหันมองหน้ากัน “จะกินได้ไหมคะแม่รุ้ง หนูเล็กจะท้องเสียไหม?” “โธ่ลูก กินได้สิครับ ลองชิมดูก่อนก็ได้อร่อยไหม ถ้ารสชาติแปลก ๆ หนูไม่กินก็ได้” คนเป็นพ่อเอ่ยบอกทั้งที่เจ็บปวดกับคำสบประมาทเหลือประดา ลูกหนอลูก ดูถูกพ่อเกินไปแล้วคนดี พ่อคนนี้ก็มีเสน่ห์ปลายจวักนะ “ลองดูก่อนหนูเล็ก รุ้ง ครีมจ๋าเอาตัวเป็นประกันว่ากินได้” เธอบอกพร้อมกับตักข้าวต้มป้อนให้หลานสาว หนูน้อยทำท่าลังเลก่อนที่อ้าปากรับ หนูน้อยเคี้ยวตุบ ๆ ก่อนจะตาเบิกโต “โอ้โห” “อร่อยไหมคะ?” ทั้งพ่อและคุณป้ายังสาวถามพร้อมกัน “พอกินได้ค่ะ” หนูน้อยเลี่ยงใช้คำว่าอร่อยเหาะเพราะไม่อยากให้คนเป็นพ่อได้ใจแต่ก็ไม่โกหกตัวเองว่าพ่อรักของเธอทำข้าวต้มได้สุดยอด รัมภาภัสร์ปล่อยหน้าที่ตอบให้หนูน้อยส่วนตนเองนั้นตักข้าวต้มกินคำแล้วคำเล่าด้วยใบหน้านิ่งจนหมดชาม “ไม่อิ่มอะขอเพิ่มค่ะ แม่รุ้งกินต่อเป็นเพื่อนหนูเล็กหน่อย” หนูน้อยบอกแล้วก็ยื่นทั้งชามของตัวเองและมารดาให้คนเป็นพ่อ หนูน้อยอยากจะกินเพิ่มและรู้ใจมารดาเช่นกันว่าไม่ต่างกันจึงแก้ปัญหาด้วยคำพูดนี้เพื่อที่เธอและแม่จะได้ไม่ต้องเสียฟอร์ม “เออรุ้ง พี่ไม่ได้ไปส่งนะต้องรีบไปหาลูกค้า ทางไปพัทยาไม่ผ่านบริษัทอะ ให้รักไปส่งนะ ส่วนหนูเล็กโรงเรียนหนูเป็นทางผ่านพอดีครีมจ๋าจะไปส่ง แล้วเดี๋ยวขากลับจากบ้านคุณตาครีมจ๋าจะรับหนูเล็กมาด้วยเลย” รติภัทรบอกก่อนที่จะยื่นชามให้เพื่อนหนุ่ม “เอาอีกดิ” “พอเถอะ แกอวบระยะสุดท้ายแล้ว” ราชนาวีบอกก่อนที่จะยิ้มขันเมื่อถูกมองเหวี่ยง ๆ “ล้อเล่นน๊า ทำขึงขังไปได้” รติภัทรอยากจะตบกบาลเพื่อนตัวดีนัก ถึงจะบอกว่าล้อเล่นแต่เขาก็พูดเรื่องจริง เธออวบระยะสุดท้ายแล้วจริง ๆ เธอมาไกลขนาดนี้ได้ยังไงกัน “ปากเสีย มาพูดเรื่องน้ำหนักกับผู้หญิงแบบนี้ระวังศพไม่สวยไอ้รัก” “ไอ้สายตาแบบนี้ไปใช่กับไอ้ปรัชเถอะ ฉันไม่กลัวหรอก” ราชนาวีบอกแล้วก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ “เออ ถ้าเจอน้ำบอกน้ำแวะไปดูพวกนายเขตให้ด้วยนะ” “ใครอะ?” “ผู้เคราะห์ร้ายจากการโดนโจรสลัดปล้นเรือประมงที่บังเอิญเจอขากลับจากราชการ พอดีเขาอยากได้งานทำฉันเลยให้เขาไปดูแลบ้านสวนก่อน ไว้กลับไปค่อยหางานให้น่ะ แล้วก็เดี๋ยวฝากเงินเดือนงวดแรกไปให้เขาด้วยเดี๋ยวโอนให้” “เพิ่งเห็นแกยอมควักเงินจ้างคน” รติภัทรบอก “ทีแรกเขาจะขอมาทำงานที่บ้านฉัน แต่ฉันไม่อยากให้คนอื่นมองไม่ดีก็เลยต้องจ้างไปดูแลบ้านสวน จะได้ไกลตาหน่อยแล้วค่อยหางานใหม่ให้” “หือ ไม่อยากให้คนมองไม่ดี แสดงว่ามีผู้หญิงอยู่ด้วย” “อือ เขาจะฆ่าตัวตายสองสามครั้งหลังจากช่วยมาได้ แต่ฉันเข้าไปห้ามไว้ หลังจากนั้นล่ะคอยหาโอกาสคุยกับฉันอยู่เรื่อยเลย ไม่ช่วยก็เห็นใจ ช่วยก็กลัวจะคิดไปไกลก็เลยเอาไปไว้ที่บ้านสวนดีกว่า ยังไงปีนี้ก็คงไม่ได้ไปที่นั่นหรอก เจ้าของบ้านงอนตุ๊บป่องหนีมาอยู่เมืองกรุงเสียแล้ว” เขาอธิบาย ราชนาวีมักจะพูดตรง ๆ เสมอกับเพื่อน ที่สำหรับคนอื่นจะคิดอย่างไรไม่รู้แต่สำหรับเขาเธอคือเพื่อนจริง ๆ เพื่อนที่ตายแทนกันได้ เพื่อนที่สัญญาจะไม่ทิ้งกันและจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป พลางมองไปยังเจ้าของบ้านตัวน้อยที่ยังคงเคี้ยวข้าวต้มไม่ได้สนใจเลยว่าคนเป็นพ่อกำลังถูกผู้หญิงหมายตาสานสัมพันธ์ “อิ่มแล้วค่ะ หนูเล็กพร้อมไปโรงเรียนแล้ว จะได้เจอไอซ์ไว ๆ ” เด็กหญิงรัมภาวีร์เอ่ยหลังจากเคี้ยวข้าวคำสุดท้ายหมดและดื่มน้ำตามเรียบร้อย “ไอซ์ไหนหนูเล็ก” ทั้งแม่และป้าถามพร้อมกันแต่หนูน้อยกลับส่ายหน้า “หนูเล็กไม่บอกหรอก” “หึย” คนไม่ได้ร่วมอยู่ในวงสนทนาร้องขึ้นเบา ๆ เขาหงุดหงิดขึ้นมาทันทีเลยที่ได้ยินชื่อไอ้เด็กแก่แดดแฟนหนุ่มละอ่อนของลูกสาว นึกถึงคำขอเป็นแฟนของเด็กน้อยแล้วอยากจะหักช้อน ไอ้เด็กนั่นมันขอลูกสาวเขาเป็นแฟนคิดฝันถึงการคบกันจนโตและจบด้วยการแต่งงาน ข้ามศพเขาไปก่อนเถอะ “อะ ๆ ไม่บอกก็ไม่เป็นไร งั้นเราไปกันดีกว่าเนาะ” รติภัทรเอ่ยขึ้นก่อนที่หนูน้อยจะพยักหน้าแล้วหันไปหอมแก้มคนเป็นแม่ก่อนจะเดินตามคุณป้ายังสาวไป แต่ยังไม่ทันถึงไหนก็ถูกคนเป็นพ่อฉวยอุ้มขึ้นมาหอมทั้งแก้มขวาและแก้มซ้าย “โกรธพ่อรัก พ่อรักไม่ว่าแต่นอกจากพ่อรักแล้วห้ามให้ผู้ชายคนไหนหอมแก้ม หรือโดนตัว โดยเฉพาะไอ้เด็กแก่แดดไอซ์ ห้ามเด็ดขาด โอเคไหม” “ถ้าหนูเล็กตอบว่าไม่ล่ะ” “พ่อรักก็จะหอมหนูเล็กให้แก้มช้ำเลย” ไม่ว่าเปล่าคนเป็นพ่อยังทำให้ดูเป็นตัวอย่างด้วย “งือ มีหนวดด้วย หนวดทิ่มแก้ม ยอมแล้ว ยอมแล้ว” หนูน้อยบอกเมื่อโดนตอหนวดของพ่อทิ่มหน้าเอาอย่างจัง ไม่ยอมก็บ้าแล้ว “ลูกหลานทหารอย่าผิดคำพูด” “อือ” หนูน้อยรับคำก่อนที่ราชนาวีจะยอมปล่อยลง เด็กหญิงรัมภาวีร์วิ่งไปหารติภัทรทันที “อย่าลืมนะ โดยเฉพาะไอ้เด็กไอซ์” “รู้แล้ว” หนูน้อยส่งเสียงกลับมาไล่หลังก่อนที่สองป้าหลานจะหายออกจากห้องไปเหลือแต่รัมภาภัสร์ที่ยังคงนั่งมองอยู่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD