คนโลภมาก

2310 Words
พึ่งได้รู้ว่าการตื่นมาในตอนเช้าแล้วมีคนนอนอยู่เคียงข้างกันแบบนี้มันดีอย่างนี้นี่เอง ไม่น่าล่ะใคร ๆ เขาก็บอกว่าการมีรักมันช่างดีนักดีหนา และไออาการตื่นเช้าที่เขาไม่เคยชอบมันมาก่อนแต่ตอนนี้กลับชอบมันขึ้นมาเสียอย่างนั้นเพราะได้ตื่นมามองคนหน้าหมวยกำลังนอนหลับตาพริ้ม ใบหน้าไร้เครื่องสำอางยิ่งทำให้อีกคนดูน่ารักมากกว่าแต่งหน้าเสียอีก และไอมุมปากที่ยกยิ้มนั่นน่ะ...กำลังฝันดีอยู่แน่ ๆ แต่ในฝันจะมีเขาอยู่ในนั้นด้วยหรือเปล่านะ...  “อืม...” เสียงงัวเงียดังขึ้นเบา ๆ ในลำคอบอกให้รู้ว่าอีกคนคงกำลังจะตื่น เขาที่มัวแต่มองใบหน้าหวานของใครอีกคนอย่างหลงใหลไม่ทันได้สังเกตอาการงัวเงียนั้น ทำให้หนีไม่ทัน! “ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าให้ลงไปที่โซฟา ขึ้นมาทำอะไรบนเตียง!” ไม่ทันได้โรแมนติกเหมือนใครอื่นหรอก ญานินที่พอลืมตามาสิ่งแรกที่ทักทายกันในยามเช้าทำเอาไอคุณเชฟแทบอยากจะดีดตัวลงจากเตียงแทบจะทันที ลืมบอกไปน่ะสิว่าหลังจากที่เรามีโมเมนท์เล็ก ๆ กันเมื่อคืน เขาที่อาบน้ำต่อจากเธอเดินออกมาจากห้องน้ำอย่างอารมณ์ดีที่จะได้นอนร่วมเตียงเดียวกันกับผู้หญิงที่เขานั้นหลงรักมาร่วมหลายอาทิตย์ แต่กลับโดนตอกหน้าโดยการที่เธอไล่เขาไปนอนที่โซฟาริมหน้าต่างที่สุดแสนจะปล่าวเปลี่ยวและเหงาหัวใจ...  ส่วนมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะเหรอ ก็คงตั้งแต่ประมาณตีสามกว่า ๆ มั้ง เอาให้แน่ใจว่าเธอหลับแน่แล้วจริง ๆ ถึงค่อย ๆ ย่องขึ้นมาบนเตียงอย่างไรล่ะ!  “เอ่อ..คือเอ่อ” เชฟเลิกลั่กอย่างคนมีความผิดก่อนจะพยายามคิดหาข้อแก้ตัว “กำลังจะมาปลุกคุณไงคะ แหม...ตื่นสายเชียว” คนพูดดีดตัวขึ้นจากเตียงทันทีเมื่อรู้ว่าคำแก้ตัวนั้นมันใช้ไม่ได้เอาเสียเลย “เอ่อคือเอ่อ...ฉันไปทำอาหารให้คุณทานดีกว่า เสร็จแล้วตามออกมานะคะ” ว่าจบก็วิ่งแจ้นออกไปจากห้องให้อีกคนได้แต่มองตามอย่างคาดโทษ หลังจากที่ญานินอาบน้ำเสร็จเธอก็ได้กลิ่นหอมเฉพาะของอาหารมาทำให้เธอรู้สึกปั่นป่วนในท้อง ปรกติเป็นคนไม่ทานอาหารเช้านะ แต่พอทำไมมีอีกคนมาทำให้มันกลับอยากทานขึ้นมาเสียอย่างนั้น “หื้มหือออ...” ญานินที่พาร่างของตัวเองเดินไปทางโซนห้องครัว เธอก็ได้เห็นเชฟคนเก่งกำลังตั้งหน้าตั้งตาคนอะไรอยู่ในหม้อสักอย่าง การฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีในการทำอาหารของเขานั้น มันช่างมองดูน่ารักน่าชังเสียจนเธอเผลอยกยิ้มให้กับการกระทำของคนตรงหน้า “อ้าว! มานานหรือยังคะ? ใกล้เสร็จแล้วรออีกครู่นะคะ” คนตัวสูงที่กำลังจะหันมาหยิบผักใส่ลงไปในหม้อก็หันมาเห็นเจ้านายคนสวยของเขากำลังยืนยิ้มอะไรอยู่คนเดียวก็ไม่รู้ “ยืนยิ้มอะไรแบบนั้นคะ หลงรักเชฟคนนี้แล้วล่ะสิ” เขาแซวพร้อมกับฉีกยิ้มให้คนตรงหน้าอย่างอารมณ์ดี ทำให้ญาณินที่ยิ้มอยู่ต้องรีบหุบยิ้มลงในทันใดและความเขินอายก็แทรกเข้ามาแทนจนเธอต้องพาตัวเองออกมาจากตรงนั้น “คนบ้า ใครรักเธอกัน!” “มาแล้วคร้าบบบ ข้าวต้มกุ้งร้อน ๆ สูตรเชฟเจคนเก่ง” คนหลงตัวเองเดินถือถ้วยข้าวต้มวางลงตรงหน้าของเจ้านายคนสวย ข้าวต้มกุ้งควันโขมง กลิ่นหอมเฉพาะของอะไรบางอย่างทำให้เธอเผลอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ กุ้งสามตัวถูกวางเรียงกันอย่างสวยงาม ผักชีโรยหน้าเล็กน้อยช่วยเพิ่มให้อาหารมีหน้าตาที่น่าทานมากขึ้น “แล้วคุณไม่ทานเหรอ?” เธอถามเพราะไม่เห็นเขาจะตักของตัวเองมา “ปรกติฉันไม่ทานข้าวเช้าค่ะ” คำตอบของเขาทำเธอหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไรชอบกล “ไม่ได้สิ! ไม่ทานข้าวเช้ามันไม่ดีเลยนะ ไปตักมาทานเดี๋ยวนี้เลย” เธอแอบเห็นใบหน้าของเขางอลงเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นฉีกยิ้มหวานให้หัวใจเธอได้ทำงานหนักอีกครั้ง “เป็นห่วงเหรอคะ?” แววตาเป็นประกายกับคำถามแบบนั้นทำให้อารมณ์ขุ่นมัวของเธอนั้นแทบจะมลายหายไปจนสิ้น ตึกตัก ตึกตัก ปรกติเธอก็ไม่ทานนิ จะไปโมโหเขาทำไมกัน แล้วไอยิ้มแบบนั้นหยุดเสียทีได้ไหมล่ะ! “นี่! ละ...หลงตัวเองไปหน่อยมั้ง เห็นว่าเป็นเชฟนึกว่าจะชอบทานฝีมือตัวเองอะไรทำนองนั้น ไม่ทานก็ตามใจเธอ” เธอว่าอย่างหงุดหงิดก่อนจะเริ่มตักข้าวต้มเข้าปาก “อ้ะ!” แต่เพราะอารมณ์ขุ่นมัวทำให้เธอลืมไปว่าข้าวต้มมันร้อน... “น้ำค่ะ! มันร้อนนะคะ ทำไมไม่เป่าก่อน” คนตัวสูงที่เห็นท่าทางของเธอก็รีบลุกพรวดไปรินน้ำใส่แก้วให้เธอแทบจะทันที ญานินรับน้ำจากแก้วมาก่อนจะยกดื่มจนเกือบหมด “ทำไมไม่บอกกันล่ะ!” ญานินตวัดสายตาไปหาคนตัวสูงอย่างคาดโทษ “เอ้า! ควันโขมงขนาดนี้คุณก็น่าจะรู้นี่คะ” ญานินตวัดสายตากลับมาที่ถ้วยข้าวต้มตามเดิม แล้วเธอจะไปหงุดหงิดอะไรเชฟเขานักหนาไม่เข้าใจตัวเอง! เปมิศามองคนหน้างอก่อนจะเผลอหัวเราะเบา ๆ ออกมา เธอจะรู้ไหมว่าเธอโคตรของโคตรจะน่ารัก เขาตัดสินใจเดินกลับเข้าไปในครัว ไม่นานก็เดินกลับออกมาพร้อมกับถ้วยข้าวต้มอีกหนึ่งถ้วยให้คนที่ก้มหน้าก้มตาทานข้าวต้มด้วยคิ้วที่ขมวดกันเป็นปมต้องเงยหน้ามองอย่างแปลกใจ “ถ้ามีคุณนั่งทานข้าวเช้าแบบนี้ด้วยกันทุกวัน ฉันสัญญาเลยค่ะว่าจะทานข้าวเช้าทุกวันเลย” เขาว่าจบก็ยกยิ้มให้เธออีกครั้งและเริ่มตักข้าวต้มเข้าปาก ส่วนญานินที่ได้ยินประโยคหวาน ๆ ที่ออกมาจากปากของคนตรงข้ามนั้น เธอก็แทบจะไม่มีสมาธิทานข้าวต้มตรงหน้าอีกเลย เพราะไอหัวใจบ้านี่มันเต้นแรงจนเธอบังคับมันไว้ไม่อยู่แล้ว เป็นการทานข้าวเช้าที่เธอรู้สึกใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยให้ตายเถอะ... หลังจากที่เราทานข้าวเช้าและทำธุระกันจนเสร็จเรียบร้อย ก็มาถึงเวลาที่เราจะต้องทำงานกันแล้ว เราเดินทางมาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่มีการนัดกับเชฟคนอื่น ๆ อีกประมาณ 4-5 ท่านเพื่อมาร่วมงานในครั้งนี้ ภายในร้านตกแต่งสไตล์คอตเทจ มีทั้งกลิ่นอายของคันทรีออกวินเทจนิด ๆ แต่ไม่ถึงกับย้อนยุคไปซะทีเดียว เฟอร์นิเจอร์เป็นไม้และของเก่าที่ตกแต่งเข้ากันได้อย่างลงตัวสุด ๆ เชฟเจที่อยู่ในชุดเชฟเต็มสูตรยืนชื่นชมการตกแต่งร้านก่อนจะมีเสียงหนาของชายวัยกลางคนดังขึ้นดึงความสนใจให้ต้องหันกลับไปสบมอง “ในวันนี้เป็นการแข่งขันกันระหว่างเชฟที่มีความสามารถในด้านการทำอาหารยุโรป ซึ่งเราได้แขกรับเชิญจากเชฟผู้มีฝีมือในด้านนี้มาทั่วโลก อาทิเช่น เชฟโรเบิร์ด เชฟวินนี่ เชฟแม็กกี้ เชฟเจ และเชฟทิฟฟานี่ เพื่อค้นหาเชฟที่ดีที่สุดเพียงหนึ่งเดียว เราถึงได้รับเชิญพวกท่านมาในงานครั้งนี้” เสียงชายวัยกลางคนบอกรายละเอียดคร่าว ๆ เป็นภาษาอังกฤษให้เขาที่ยืนฟังอยู่ต้องขมวดคิ้วมุ่น ไม่เห็นรู้ว่าจะมีการแข่งขัน! “ไม่เคยรู้ว่ามีการแข่งขัน” เขากระซิบถามเจ้านายสาวที่ยืนฟังอย่างตั้งใจ “อ้าว! น้ำมนต์บอกว่าส่งรายละเอียดให้คุณแล้ว” สงสัยจะมัวแต่ไปโฟกัสกับห้องสวีทและการนอนกับคุณเจ้านายคนสวยเป็นแน่! “แต่รายการนี้มันไม่ง่ายขนาดนั้นครับ เราจะมีการจับฉลากให้ทุกท่านได้รู้ว่าตัวเองจะได้ทำอาหารประเภทไหน และจะมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่จะได้ทำอาหารยุโรป อาหารประเภทที่ตัวเองถนัด...” สิ้นคำเขาก็ยกยิ้มและเริ่มให้สตาฟเดินให้ทุกคนจับฉลาก ทุกคนได้รับฉลากและกำมันเอาไว้ในมือยังไม่มีการเปิดใด ๆ เขาเองก็ยืนลุ้นตัวโก่งไม่ต่างจากอีกสี่ชีวิตที่เหลือ ส่วนเจ้านายคนสวยถูกแยกออกไปนั่งรออยู่อีกที่แล้ว “เปิดฉลากได้ครับ” เปมิศาคลี่แผ่นกระดาษสี่เหลี่ยมเล็กในมือ ก่อนจะพบกับประเภทรายการอาหารที่ทำให้เขาต้องยกยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ ส่วนเชฟคนอื่น ๆ ต่างก็หน้าเสียกันไปตาม ๆ กัน “อาหารจีนเชิญด้านหน้าเลยครับ” เชฟคนแรกที่เดินออกไปคือเชฟวินนี่ สีหน้าเขาดูไม่จืดเลยที่ได้รับรายการอาหารประเภทนี้ “อาหารญี่ปุ่นเชิญทางนี้เลยครับ” และเชฟคนต่อไปคือเชฟทิฟฟานี่ สีหน้าหล่อนดูไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่นั่นอาจจะเป็นเพราะหล่อนอาจจะถนัดในด้านนี้ก็ได้ “อาหารไทยเชิญครับ” เชฟแม็กกี้คือคนต่อไป สีหน้าเขาดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ให้เขาได้แต่กลั้นขำไว้ในใจ จะมาหัวเราะแบบนี้ไม่ได้เสียมารยาทตายเลย!! “อาหารเวียดนามครับ” เชฟโรเบิร์ดคือคนสุดท้ายที่เดินออกไป ตอนนี้ก็เหลือเขาคนเดียวที่ยืนอยู่ตรงนั้น “แสดงความยินดีกับเชฟที่ได้อาหารที่ตัวเองถนัดด้วยนะครับ สำหรับคนที่ได้อาหารยุโรปเรามีโจทย์ให้คุณ พวกคุณจะต้องจัดเสิร์ฟเมนูอาหารทั้งหมดสองจานด้วยกัน นั่นคือโจทย์ที่ได้รับและจานอาหารที่พวกคุณถนัด เรามีเวลาสองชั่วโมงในการรังสรรค์อาหารทั้งสองเมนู และผู้ชนะจะมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น หากพร้อมแล้วเชิญไปเตรียมตัวได้เลยครับ” หลังจากที่ได้รับโจทย์มาจากสตาฟเขาเองก็ไม่ได้คิดว่ามันยากมากสักเท่าไหร่เพราะมันเป็นเมนูอาหารที่เขาทำมันอยู่ทุกวันอย่าง ‘สตูเนื้อแกะ’ สงสัยต้องงดทำบ้างสักวันเป็นแบบนี้ต่อไปคงจะไม่ดีแน่ เมื่อคืนก็ฝันเห็นแกะวิ่งไปวิ่งมาให้ได้หลอนกันอีกด้วย “เป็นไงบ้าง?” “ก็เหมือนเดิมค่ะ สตูเนื้อแกะ” ทันทีที่เห็นหน้าคนสวย เธอก็รีบถามเขาอย่างเป็นกังวล นี่เป็นครั้งแรกที่ร้านอาหารของเธอได้รับเชิญให้มาร่วมงานนี้ มันเป็นงานระดับโลกอีกงานเลยที่เธอฝันว่าอยากจะมา เพราะจะช่วยให้ร้านอาหารของเธอมีชื่อเสียงมากขึ้นและอาจจะได้รับมิชลินสตาร์เมื่อเธอชนะการแข่งขันในครั้งนี้...แม้ตัวเองจะไม่ได้ลงแข่งเองก็เถอะ “สู้ ๆ นะ ทำให้เต็มที่” ใบหน้าคนสวยนั้นจริงจังจนเขานึกหวั่นใจ เขาอยากทำให้ดีที่สุด ไม่อยากทำให้อีกคนผิดหวัง แต่เชฟแต่ละคนที่มาในการแข่งขันครั้งนี้ก็ไม่ใช่เชฟธรรมดาทั่วไป ต่างเป็นเชฟระดับโลกที่เขาเคยเห็นผ่านทีวีอยู่หลายครั้ง เขากลัวว่าถ้าหากแพ้ขึ้นมาจะทำให้คนตรงหน้าของเขานั้นต้องผิดหวัง “ค่ะ ฉันจะทำให้เต็มที่” ใบหน้าของเขาเศร้าลงจนเธอรู้สึกผิด เธออาจจะกดดันเขาจากทางสายตามากเกินไปหรือเปล่า...  จุ้บ! “ให้รางวัลแล้ว อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” เปมิศาเบิกตาโพลงอย่างตกใจเมื่ออยู่ ๆ ก็ถูกอีกคนจุ้บเข้ามาที่แก้ม ดีที่ไม่มีคนอยู่รอบข้างไม่งั้นคงได้เขินกันจนตัวบิดเป็นแน่ แต่ไออาการมุดหน้าหูแดงของคนตรงหน้ามันทำให้เขามองเธออย่างขบขันปนเขินอาย มีอย่างที่ไหนมาจุ้บเขาเองแท้ ๆ แล้วยังมาเขินจนมุดหน้าหนีกันอย่างนี้ น่ารักเป็นบ้าเลย... “อืม...กำลังใจยังไม่เต็มร้อยเลยค่ะ ขออีกทีได้ไหม?” คนโลภมากอย่างเขาโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้กับอีกคนมากขึ้น แต่ก็ถูกฝ่ามือพิฆาตกับการตวัดสายตาเป็นคำตอบแทน “เอาใหญ่เลยนะ ได้คืบจะเอาศอก” เธอต่อว่าเขาอย่างไม่จริงจังนัก แต่ไอหน้าบูดกับการลูบแขนตัวเองป้อย ๆ อย่างคนเจ็บหนักนั้นมันทำให้เธอหมั่นไส้เขาจนแทบอยากจะทุบหัวแบะให้รู้แล้วรู้รอดไป เรื่องโอเวอร์ เรื่องเล่นใหญ่ยกให้ที่หนึ่ง! “น่าน่ะ ขออีกนิดนะคะ จะทำให้เต็มที่สุด ๆ ไปเลย” เขายังไม่ยอมแพ้ โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ก่อนจะยกยิ้มโชว์ฟันสวยให้คนเป็นนายต้องรีบเบือนหน้าหนีสายตาออดอ้อนของอีกคน จุ้บ! และตามมาด้วยคนตัวเล็กกว่าวิ่งหนีออกไปจากตรงนั้น เชฟเจยืนมองอีกคนที่วิ่งหนีไปอย่างชอบใจ ก่อนจะยกมือแตะที่แก้มซ้ายของตัวเองที่อีกคนส่งมอบกำลังใจมาให้ก่อนหน้านี้ “จะทำให้ดีที่สุดเพื่อคุณเลยค่ะ...ที่รัก”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD