บทที่๑๑/๑

1535 Words
อัญมณีขอร้องให้ปกปิดเรื่องทั้งหมดเป็นความลับเพราะไม่อยากให้พ่อแม่ตกใจไปมากกว่านี้ แค่ทั้งคู่รู้ว่าเกิดอุบัติเหตุจนซี่โครงร้าว มีแผลถลอกเล็กน้อยก็พร่ำบ่นพึมพำ สวดมนต์อ้อนวอนดังอยู่ข้างเตียง หากรู้ว่าหล่อนประสบพบเจอวิบากกรรมอะไรมาบ้างคงไม่ใช่แค่สวดมนต์ แต่คงเอาเรื่องกับทุกคนที่เกี่ยวข้องถึงที่สุดและคนที่จะโดนหนักที่สุดคงหนีไม่พ้นชลทิศที่ไล่หล่อนลงจากรถกลางทางจนเกิดเรื่องราวตามมาเนื่องจากแม่ไม่ชอบเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และอีกอย่างหล่อนไม่อยากตอบคำถามเรื่องดวงสมรและความสัมพันธ์กับสวิชแต่สิ่งหนึ่งที่หล่อนต้องทบทวนคือการแต่งงาน “มานี่เป็นยังไงบ้าง” คนที่กำลังนึกถึงปรี่เข้ามาถึงเตียง แต่อัญมณีอดมองคนที่เดินตามมาไม่ได้ ชลทิศกับตั้มทำความเคารพผู้ใหญ่ในห้องซึ่งมีทั้งพ่อแม่หล่อนและพ่อแม่สวิช “ทำไมโชคร้ายอย่างนี้ รู้ไหมพี่อยากฆ่าหมอชลทันทีที่รู้ว่าเขาไล่มานี่ลงกลางทาง” “อะไรนะ” คำพูดของสวิชทำให้หลายเสียงดังประสาน ต่างหันไปมองชลทิศแล้วหันมาคาดคั้นหล่อนด้วยสายตา แต่แม่หล่อนกลับตรงไปที่ชลทิศถามเขาตรงๆ “คุณไล่มานี่ลงกลางทางจนถูกรถชนหรือ แกมันลูกผู้ชายหรือเปล่า” อังกาบไม่ได้ถามเปล่า แต่ตบหน้าชายหนุ่มเต็มแรงจนหน้าหัน รอยนิ้วมือนูนขึ้นบนแก้มของชลทิศท่ามกลางเสียงตกใจของหลายคน “ไม่ใช่อย่างนั้นแม่ นี่ลงมาเองหมอไม่ได้ไล่” “แต่หมอบอกพี่เองว่าเขาไล่มานี่ลง” สวิชยืนยัน อัญมณีตวัดสายตามองเขาอย่างตำหนิ ก่อนรีบพูดกับมารดา “เปล่าค่ะ เราเถียงกันเรื่องงานนิดหน่อย นี่เลยขอลงจากรถ เบื่อขี้หน้า” ท้ายประโยคหล่อนสบตาชลทิศแล้วตวัดสายตามองสวิช จนเจ้าตัวออกอาการแปลกใจ “แต่มันก็ไม่สมควรปล่อยผู้หญิงไว้กลางทางกลางป่าเขาแบบนั้น ถ้าเกิดเหตุร้ายมากกว่านี้คุณจะรับผิดชอบยังไง” อังกาบยังไม่หยุดตำหนิ และไม่รู้สึกผิดที่ตบหน้าชลทิศ “ขอโทษครับ ผมผิดเอง ขอโทษจริงๆ” เขายกมือไหว้อังกาบแต่สบตาอัญมณี “ผมขอตัวครับ” เขาบอกแล้วเดินออกไปทันทีท่ามกลางความแปลกใจของทุกคน แต่ต่างคิดว่าคนทำผิดไม่อาจอยู่สู้หน้าได้ ตั้มส่ายหน้าลำบากใจแล้วบอกเมื่อเดินมาใกล้เตียงคนป่วย “ตอนนั้นหมอชลขับรถวกกลับไปแล้วแต่ไม่เห็นมานี่ แล้วทางบ้านเขาก็เกิดเรื่องร้ายแรง เลยไม่ได้ตามหา” สีหน้าตอนพูดเศร้า “เรื่องอะไรคะ” “บ้านหลังที่พี่สาวเขาตายไฟไหม้ มีศพด้านในด้วย ตอนนี้รอผลตรวจดีเอ็นเอว่าใช่ดวงดาราหรือเปล่า” “อะไรนะคะ หลานหมอชลนะหรือ” “อือ มอเตอร์ไซค์ของดาราอยู่ที่บ้านนั่นด้วย แล้วติดต่อดวงดาราก็ไม่ได้ ทำให้คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย” “หวังว่าคงไม่โชคร้ายขนาดนั้นนะคะ ฝากแสดงความเสียใจกับหมอชลด้วยนะตั้ม” “ครับ ผมกลับนะ ขอให้หายไวๆ” ตั้มแตะหลังมือคนบนเตียง แล้วหันไปไหว้ลาผู้สูงอายุในห้องแล้วรีบเดินตามชลทิศไป “โชคร้ายจริงลูกเอ๊ย แล้วจะหายทันวันแต่งงานไหมนี่” อังกาบวิตกจริต “อีกตั้งเป็นเดือนๆ หายทันสิแม่” มงคลท้วง แล้วเดินเข้ามาลูบศีรษะลูกสาว “ถือว่าฟาดเคราะห์นะลูก ต่อไปขอให้เจอแต่เรื่องดีๆ คนดีๆ” “จะเจอคนดีได้ยังไง ก็ทำงานร่วมกับคนเลวๆ ต้องพบปะหมอคนนั้นอีก แม่ว่าลาออกเถอะลูก เงินทองไม่สำคัญสำหรับพวกเราเท่าชีวิตของมานี่ อย่าทำงานที่ต้องเสี่ยงแบบนี้ต่อเลยนะ” “ใช่ลาออกมาเถอะ ป้าไม่ชอบเพื่อนร่วมงานมานี่สักคน” วิมลเสริม “แม่คะ คุณป้าคะ นี่เป็นช่างภาพแค่ไปถ่ายรูป ไม่ได้ไปรบทัพจับศึก ไม่ต้องผจญภัย งานของนี่ไม่เสี่ยงภัยใดๆ ทั้งนั้นนะคะ” “ไม่เสี่ยงแล้วที่นอนซี่โครงร้าวอยู่นี่ละ” อังกาบเสียงเข้ม หน้าตึง ตาเขียว จนมงคลต้องปราม “ไม่เอาน่าคุณ นี่มันอุบัติเหตุ ไม่เกี่ยวกับงานของลูก มานั่งนี่ให้ลูกพักผ่อน” มงคลดึงอังกาบห่างเตียง “ทุกคนกลับไปพักผ่อนเถอะครับ ผมเฝ้ามานี่เอง” สวิชบอก “ไม่เป็นไรหรอก น้าเฝ้ากันเอง” มงคลปฏิเสธแต่อังกาบกลับเห็นดีเห็นงามไปกับสวิช “ให้พ่อวิชเฝ้าก็ดี คนหนุ่มไม่ต้องพักผ่อนแบบคนแก่ๆ อย่างเรา” “ไม่เหมาะนะแม่” มงคลปรามเสียงค่อย แต่คนบนเตียงกลับตัดสินใจเอง “ให้พี่วิชเฝ้านี่ พ่อแม่กับคุณลุงคุณป้ากลับไปพักเถอะค่ะ ค่อยมาตอนเช้า นี่ขอโจ๊กไก่ใส่ไข่เยี่ยวม้านะแม่” “ได้ๆ ลูก พรุ่งนี้แม่ทำมาให้จ้ะ ไปค่ะกลับกันเถอะ เด็กๆ จะได้พักผ่อน” อังกาบเดินเข้าไปหอมหน้าผากลูก แล้วฝากฝังให้สวิชดูแล ก่อนจะเดินไปลากมือสามีที่ทำท่าเหมือนไม่ยอมไป มงคลหันไปมองอัญมณีบนเตียงที่กำลังพยักหน้าช้าๆ แล้วยกมือไหว้ทุกคน สวิชเดินไปส่งทุกคนที่ประตูแล้วเดินกลับมาพบกับคำพูดที่ชะงักฝีเท้าเขาได้ชะงัด “นี่ขอยกเลิกงานแต่งงานนะคะ” “มานี่” หลังชะงักเท้า เขาก็สาวยาวๆ เข้าถึงเตียง “พูดใหม่ซิ” “นี่ไม่แต่งงาน เราเลิกกันนะคะ”หล่อนพูดช้าๆ เน้นๆ “ทำไม เกิดอะไรขึ้นถึงมาเปลี่ยนใจเอาตอนนี้” สวิชถามเสียงเรียบแต่หน้าตาเคร่งเครียดจนอัญมณีคิดว่าหากตนไม่ได้นอนเจ็บอยู่บนเตียงผู้ป่วย เขาคงจับตัวหล่อนเขย่าพร้อมคำถามไปแล้ว “ไปถามคุณดวงสมรบอกอของพี่วิชดูนะคะว่าทำไม” หล่อนบอกแล้วดึงผ้าขึ้นคลุมหน้า ไม่อยากพูดหรือตอบคำถามใดๆ แต่เขากลับรั้งมันออก แล้วก้มลงมาจ้องตาคาดคั้น สายตาสวิชในตอนนี้ไร้ความเชื่อมหวานยามมองหล่อน แต่เป็นแค่ช่วงเวลาไม่นานเท่านั้น สายตาเขาก็กลับมาเหมือนเดิมอย่างที่เคยมอง “คุณดวงสมรมาเกี่ยวอะไรด้วย บอกพี่ตรงๆ มานี่” “พี่วิชน่าจะรู้ดี ว่าพี่กับเค้าเป็นอะไรกัน เค้าถึงโกรธแค้นจนเกือบจะฆ่านี่” “อะไรนะ ดวงสมรทำอะไรมานี่ นี่ไม่ได้ถูกรถชนกระเด็นไปข้างทางอย่างที่บอกใครหรือ บอกความจริงพี่มาเดี๋ยวนี้” “สนิทกันแค่ไหนคะ” หล่อนไม่ตอบแต่ถามกลับ จ้องตาเขาเพื่อให้ได้ความจริงแต่เขาหลุบตาหนีทันที ก่อนจะเงยขึ้นมาสบตาเมื่อหล่อนถามย้ำ “คงมากกว่านักเขียนกับบอกอใช่มั้ย” “ก็แค่นั้นเราติดต่อกันเพราะงาน ถ้ามากกว่านั้นก็ที่พี่หมอนช่วยพิมพ์นิยายตอนพี่มือเจ็บไง พี่เคยบอกมานี่แล้ว” หล่อนคิดว่านอกจากเขาจะเป็นนักเขียนคนเก่งแล้ว ยังเป็นผู้ร้ายปากแข็งด้วยและหล่อนก็คงต้องทำให้เขาจำนนให้ได้ “ถ้าแค่นั้นจริง คุณดวงสมรคงไม่หึงพี่วิชถึงขนาดคิดจะฆ่านี่หรอกค่ะ ไปถามเขาเองเถอะว่าคิดจะทำไรนี่ แล้วฝากบอกเขาด้วยว่านี่ไม่เอาเรื่องแต่ขอให้จบ แล้วบอกเค้าไปด้วยว่าเราจะไม่แต่งงานกันแล้ว ไม่ต้องมาหึงมาหวงอีก” “ไม่ เราจะแต่งงานกันเหมือนเดิม ส่วนเรื่องดวงสมรพี่จัดการเอง” “พี่วิชยอมรับว่ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับดวงสมรใช่ไหม” “เปล่า แค่พี่จะจัดการเค้าเอง ไม่ให้มายุ่งกับเราอีก พี่ยอมรับว่าคุณดวงสมรเค้าชอบพี่ แต่พี่ไม่เล่นด้วย พี่ติดต่อกับเขาเรื่องงานเท่านั้นและจะไม่มีวันมากกว่าเรื่องงานแน่นอน” เขาบีบไหล่สองข้างของหล่อนก่อนพูดต่อ “เชื่อใจพี่เหมือนที่ผ่านมานะครับ พี่รักมานี่คนเดียวไม่ว่าใครก็มาแทนที่มานี่ของพี่ไม่ได้ เจ้าสาวของพี่ต้องเป็นมานี่คนเดียวเท่านั้น” “แต่” สวิชก้มลงมาใช้ปากประกบปาก หล่อนรีบเม้มริมฝีปากแน่นพลางบ่ายหน้าหนี มันไม่ใช่นิยายหรือละครที่จะมาใช้การจูบหยุดคำพูดของอีกฝ่าย และถึงแม้เขาจะหยุดคำพูดหล่อนได้แต่ไม่อาจหยุดความคิดและเปลี่ยนความตั้งใจได้ อย่างไรเสียหล่อนก็จะไม่แต่งงานกับเขาจนกว่าจะแน่ใจตัวเอง สวิชถอนริมฝีปากไปหลังพยายามจูบหล่อนอย่างลึกซึ้งแต่ไม่สามารถแทรกผ่านริมฝีปากที่เม้มสนิทได้เขาแก้เก้อด้วยการบอกราตรีสวัสดิ์แล้วเดินไปทิ้งตัวลงนอนที่เก้าอี้ยาว และหล่อนก็ไม่คิดจะลุกขึ้นตามไปอาละวาด ได้แต่มองเขาอย่างระแวงจนไม่รู้ว่าใครหลับก่อนใคร
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD