บทที่๑๑

1321 Words
บทที่๑๑ ชลทิศยอมรับหมัดตรงที่สวิชส่งเข้ามาเต็มหน้าโดยไม่หลบทั้งที่มีโอกาสและทำได้ แต่เขายอมนิ่งรับแรงกระแทกจนหน้าหงาย เพราะรู้ว่าเหตุใดสวิชจึงทำเช่นนี้ หากเป็นเขาก็คงทำและอาจมากกว่าด้วยซ้ำ แต่ตั้มคงทนดูไม่ได้จึงรีบเข้ามาขวางด้วยการดึงสวิชออกห่างเมื่อทำท่าจะส่งเข้าหาเขาอีกหมัด “พอเถอะคุณ มันไม่ใช่เวลามาทะเลาะกันนะครับ ช่วยคิดดีกว่าว่ามานี่จะไปไหนหรือควรไปหาที่ไหน” “จะหาที่ไหน ค่ำมืดขนาดนี้ กลางป่ากลางเขายังกล้าไล่ผู้หญิงลงจากรถ คุณเป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า” สวิชยังดิ้น หวังเข้าไปทำร้ายชลทิศอีก แต่ตั้มก็ไม่ยอมเช่นกัน “ตอนนั้นมันไม่ได้มืดนี่ครับ แล้วตรงนี้ก็ไม่ใช่กลางป่ากลางเขา แค่มีต้นไม้ร่มรื่นเท่านั้น อีกอย่างหมอก็สำนึกผิดกลับมารับแล้วแต่ไม่เห็นมานี่ เราก็คิดว่าคุณมารับไปแล้วนะสิ” “ไม่ต้องแก้ตัวให้ผมหรอกตั้ม ผมผิดจริงๆ ผมสัญญาถ้าหากมานี่เป็นอะไรไป ผมยินดีชดใช้ด้วยชีวิตเช่นกัน” เขาบอก ไม่ได้แสดงความรับผิดชอบ แต่รู้สึกเบื่อชีวิตเพราะเรื่องร้ายๆ ที่กระหน่ำเข้ามาเป็นระยะและถี่เสียจนตั้งรับแทบไมไหว “อย่าพูดแบบนั้นสิครับหมอชล เข้มแข็งหน่อยครับ” ตั้มปราม แล้วบอกสวิช “คุณไม่รู้หรอกว่าหมอชลเจออะไรมาทำให้เขาลืมนึกถึงมานี่ไปเลย บ้านพี่สาวเขาไฟไหม้ หลานสาวก็หายตัวไป ตอนนี้รอผลตรวจดีเอ็นเอว่าศพที่เจอในบ้านใช่ดวงดาราหรือเปล่า” สวิชหันมาสบตาตั้ม แล้วหันไปมองชลทิศ ไม่อยากเชื่อว่าชลทิศจะถูกเรื่องร้ายรุมกระหน่ำขนาดนี้ ไม่นานมานี้ญาติผู้ใหญ่เขาก็เพิ่งเสียชีวิต ตอนกลางวันอัญมณียังบอกเขาเลยว่าชลทิศมีหลักฐานและกำลังสงสัยอะไรบางอย่างเกี่ยวกับการตายของพุดจีบ “ดวงดาราหรือครับ” สวิชถามย้ำ “ครับหลานหมอชล ที่เราเจอในงานศพน้าพุดนั่นแหละครับ ตอนนี้หมอชลก็ทุกข์ร้อนใจอาจจะมากกว่าคุณเสียด้วยซ้ำ” ตั้มบอก “ของแบบนี้มันเทียบกันไม่ได้หรอก” สวิชค้าน “อย่าเถียงกันเลยครับ ช่วยตามหามานี่ดีกว่า ผมไล่เธอลงจากรถตรงนี้ เห็นเธอเดินไปพลางโทรศัพท์พลาง” ชลทิศชี้ทิศทางแล้วออกเดิน เวลานี้นอกจากเขาสามคนแล้วยังมีเพื่อนตำรวจและเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิตามมาช่วย และกระจายกันหาทั้งบนถนนและข้างทางซึ่งเป็นป่ารก ส่วนหนึ่งข้ามไปอีกฝั่งถนนและทำเหมือนกัน ก่อนจะมีเสียงเรียก “ทางนี้ครับ” บนผิวถนนมีรอยเลือดแห้งกรัง มีปากกาลูกลื่นที่ถูกรถเหยียบแตกละเอียด “มานี่ชอบใช้ปากกาถูกๆ แบบนี้แหละ ด้ามนี้ผมให้เขาเอง” ตั้มหยิบซากปากกาขึ้นมาแล้วพลิกให้ดูแถมกระดาษสีชมพูเขียนชื่ออัญมณีเอาไว้ “ไอ้พวกที่สถานีชอบแกล้ง ยืมปากกาแล้วทำเนียนไม่คืน ผมเลยแปะชื่อซื้อแจกมันเสียทุกคน” เสียงเขาหายไปทั้งที่อยากพูดมากกว่านี้ แล้วเงยหน้ามองบนฟ้ามืดๆ เพื่อกักกั้นน้ำตาเอาไว้ ชลทิศมาดึงซากปากกาไปดูชื่ออัญมณีแล้วกำแน่น ก่อนบอกตั้ม “โทรถามตามโรงพยาบาลว่ามีคนเจ็บจากอุบัติเหตุเข้ารักษาตัวไหม” แล้วเขาก็เดินไปบนถนนเพื่อหาร่องรอย เจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งลงไปหาข้างถนนซึ่งเป็นป่ารก “เจอมานี่แล้วครับ เจอแล้ว” สวิชตะโกนบอกยินดียิ่ง แล้วชูโทรศัพท์เคลื่อนที่ราคาแพงให้ทุกคนเห็นเป็นสัญญาณว่าได้รับข่าวดี ทุกคนต่างวิ่งกรูเข้ามาอยากได้ความชัดเจน “พ่อโทรมาบอกว่ามานี่กำลังไปโรงพยาบาลครับ ขอบคุณทุกคนนะครับ ขอตัวก่อนนะครับ” สวิชบอกแล้วรีบวิ่งไปที่รถ ตั้มมองชลทิศเหมือนจะถามว่าจะไปไหม เขาพยักหน้าช้าๆ เอ่ยขอบคุณคนอื่น ก่อนแยกย้ายกันกลับ อัญมณีรู้สึกเหมือนพระมาโปรดเมื่อคืบคลานมาจนชนประตู หล่อนใช้ศีรษะโขกประตูเพื่อให้เกิดเสียง แม้รู้ว่าเป็นการกระทำที่โง่สิ้นดี แต่เมื่อไม่มีทางเลือก มือ เท้า ถูกพันธนาการ และปวดเนื้อตัวไปหมด ศีรษะจึงเป็นส่วนที่ขยับง่ายที่สุดแม้จะเจ็บปวดจากการกระแทกถนนอยู่ก็ตาม หล่อนโขกประตูไม่กี่ครั้งก็มีเสียงเคาะและร้องถามจากด้านนอก “มีอะไรครับ มีคนไหมครับ” เมื่อได้ยินเสียงถามหล่อนยิ่งโขกหัวแรงขึ้นเร็วขึ้นจนคนด้านนอกมั่นใจว่าเป็นการตอบรับ “รอสักครู่นะครับ เดี๋ยวไปตามพนักงานมาเปิดให้” อัญมณีหยุดเอาหัวโขกประตู รูดลงนอนซบพื้นน้ำตาริน ภาวนาให้เขากลับมาเร็วๆ และหวังว่าคงไม่ใช่พวกเดียวกับดวงสมร ไม่นานนักก็มีเสียงคนดังใกล้เข้ามา ก่อนจะมีเสียงเคาะดังๆ “จะเปิดประตูเข้าไปนะครับ ขยับห่างประตูหน่อยครับ” อัญมณีเปล่งเสียงอือออแล้วรีบกระเถิบออกห่างประตู สายตาที่พอมองรอดช่องว่างระหว่างถุงดำที่ร่นขึ้นจดจ่อรอคอย จนประตูขยับเปิดเข้ามาเห็นรองเท้าผ้าใบสีขาวกับปลายขากางเกงสีเดียวกันก้าวมาใกล้ เมื่อเขาดึงถุงออกจากศีรษะให้หล่อนจึงเห็นหน้าเขาชัดเจน “ใครทำคุณแบบนี้นี่” เขารีบดึงเทปกาวปิดปากออกให้ แต่หารู้ไม่ว่ามันเจ็บปวดเหลือเกินเมื่อดึงขนเส้นสั้นๆของหล่อนติดไปด้วย “ขอบคุณค่ะ ช่วยพาฉันออกไปทีเจ้าของห้องนี้จะฆ่าฉัน” อัญมณีบอกชายคนนั้นกับแม่บ้านอีกคนที่เข้ามาช่วยแก้มัด “ไม่ต้องกลัวนะคะ ตอนนี้ไม่มีใครทำอะไรคุณแล้ว สมพงศ์แจ้งตำรวจด้วย” หญิงในชุดกรมท่าเหมือนชุดแม่บ้านหันไปสั่งผู้ชายชุดขาวที่ถอยห่างไปเมื่อช่วยแก้มัดแล้ว ก่อนหันมาถามหล่อนอีกครั้ง “เจ็บตรงไหนบ้างคะหน้าตาคุณช้ำๆ” แม่บ้านถาม มองปราดทั้งตัว “เจ็บทั้งตัวเลยค่ะ ช่วยเรียกรถพยาบาลให้หน่อยได้มั้ยคะ” หล่อนบอกพลางกลัดกระดุมเสื้อ “ได้ๆ ค่ะ สมพงศ์เรียกรถพยาบาลด้วยนะ นอนรอแบบนี้ดีกว่านะคะพี่กลัวว่าถ้าขยับตัวคุณผิดท่าผิดทางจะบาดเจ็บไปกันใหญ่ คนสมัยนี้รู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ ตอนผู้หญิงที่พักห้องนี้ประคองคุณมา พี่ก็สงสัยแล้วว่าน่าจะบาดเจ็บ พี่ถามว่าเป็นอะไรให้เรียกหมอมั้ย เค้าก็บอกว่าน้องเมาแล้วล้มลงเองไม่เป็นอะไรมาก ตอนนั้นถ้าพี่เอะใจสักนิดว่าไม่ได้กลิ่นเหล้าตามที่เค้าบอกเลย น้องคงไม่ต้องเป็นแบบนี้ ขอโทษนะคะ” แม่บ้านค้อมศีรษะให้เล็กน้อย “ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ใช่ความผิดของพี่หรือของใครหรอกค่ะ ผิดที่ผู้หญิงคนนั้นกับ” หล่อนชะงักไม่อยากเอ่ยถึงสวิช หล่อนโทษว่าเขาเป็นต้นเหตุให้ดวงสมรหึงหวงและคิดฆ่า จากคำพูดและการกระทำของดวงสมร “กับใครหรือคะ” “กับความซวยของหนูเองค่ะ ว่าแต่พี่เห็นผู้หญิงคนนั้นอยู่แถวนี้หรือออกไปไหนคะ” “พี่ไม่รู้ค่ะ แต่เห็นขับรถออกไปแล้ว เค้าเช่ารถโรงแรมไว้ใช้ คงตรวจสอบได้ไม่ยากหรอกค่ะ” แม่บ้านยังนั่งพูดเจื้อยแจ้วเป็นเพื่อนจนรถพยาบาลและตำรวจมาถึง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD