อัญมณีรู้สึกเจ็บจุกกับแรงกระแทกกลางลำตัว หล่อนรู้ว่าถูกเตะเข้าอย่างจังแต่ไม่รู้ว่าใครเตะ หล่อนเห็นปลายเท้าที่เดินข้ามไปอย่างหยามเกียรติ และสิ่งที่หล่อนได้ยินคือผู้หญิงคนนี้เป็นเมียของสวิช หล่อนได้ยินไม่ผิดแน่ว่าผู้หญิงคนนั้นเอ่ยถึงคุณอัน ซึ่งหมายถึงอัญมณีนามปากกาของสวิชนั่นเอง
‘ใครกันนะ แล้วเรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง’ อัญมณีได้แต่คิดไม่กล้าพูดเพราะไม่อาจรู้ได้ว่ามีคนอยู่แถวนี้ไหม พลางทบทวนเหตุการณ์ที่พอจำได้ หล่อนถูกชิงมือถือแล้วผู้ร้ายยังขับรถเหยียบมาบนตัวจนวูบไป แล้วได้ยินเสียงผู้หญิงเรียก จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้เลย
แสดงว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ตั้งใจช่วย และคำว่าโชคดีได้ต่อลมหายใจ นั่นบ่งบอกว่าผู้หญิงคนนั้นคิดจะฆ่าหล่อน
ช่วยด้วย
อัญมณีตะโกนแต่ไม่มีเสียงจึงรู้ว่าปากตนเองถูกปิดด้วยอะไรสักอย่าง มือ เท้า ก็ขยับไม่ได้ ส่วนตาไม่ต้องพูดถึง มีถุงดำคลุมทั้งศีรษะ อัญมณีพยายามส่ายหน้า ขยับตัวพลิกไปมาอย่างทุลักทุเลและเจ็บปวดไปทั้งตัว แต่ก็พยายามขยับเพื่อให้ถุงที่คลุมอยู่หลุดออกให้ได้ เมื่อถุงขยับร่นขึ้นไป หล่อนก็มองเห็นอะไรมากขึ้น และรู้ทันทีว่าในห้องนี้ไม่มีคนอื่น เพราะไม่เช่นนั้นคงไม่ปล่อยให้หล่อนพยายามช่วยเหลือตัวเองเช่นนี้
ช่วยด้วย ช่วยด้วย อัญมณีตะโกนในใจ พยายามพาตนเองไปใกล้ประตูเพื่อจะทำให้เกิดเสียง แต่ทุกครั้งที่พยายามขยับตัวต้องแลกกับความเจ็บปวดไปทั่วสรรพางค์กายแต่ก็ต้องทำเพื่อให้คนมาช่วยหล่อนออกไปจากที่นี่ก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะกลับมา จะว่าไปหล่อนรู้สึกเหมือนเคยได้ยินเสียงนี้มาก่อน ใครกัน แต่ก็ไม่แปลกหากผู้หญิงคนนั้นเป็นคนรู้จักสวิชก็คงรู้จักหรือเคยเห็นกันมาบ้าง แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าสวิชคืออัญมณี
พลันคำพูดของสวิชก็รื้นขึ้นเหมือนเขามาพูดอยู่ข้างหู คนที่รู้ว่าเขาคืออัญมณีมีหล่อนกับดวงสมรบรรณาธิการที่ทำงานกันมาตั้งแต่เขาเริ่มมีงานชิ้นแรก
ดวงสมรกำลังหึงเรา!บ้าไปแล้วทำไมคนเราถึงลงมือทำร้ายคนอื่นได้ง่ายๆ เพราะคำว่าหึงหวง ช่วยไม่ได้ที่หล่อนจะนึกถึงการตายของดวงดาวเพราะความหึงหวงของสามี เมื่อคิดถึงดวงดาวก็อดนึกถึงน้องชายไม่ได้ หากชลทิศไม่ไล่หล่อนลงจากรถหล่อนก็คงไม่ต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้
อัญมณีหยุดความคิดเคืองชลทิศเอาไว้เร่งรีบขยับกายไม่ว่าวิธีใดๆ เพื่อทำให้เกิดเสียงและไปให้ถึงประตูที่เห็นรำไร
ล่วงดึกมากแล้วเมื่อสวิชกลับเข้าบ้าน แต่พบว่าทั้งพ่อแม่ตนเองและว่าที่พ่อตาแม่ยายรอเขาอยู่ ท่าทางกระวนกระวาย อังกาบรีบเดินมาหาเขา
“พ่อวิช น้องละลูก มานี่ไม่ได้กลับมาพร้อมกันหรือ”
“เปล่านี่ครับ มานี่ไม่ได้ไปกับผม เราโทรคุยกันตอนเที่ยงๆ น้องทำงานอยู่ครับ จากนั้นก็ไม่ได้เจอไม่ได้คุยกันอีก เกิดอะไรขึ้นครับ” สวิชมองผู้ใหญ่ทุกคนที่เหมือนรอคำตอบจากเขาแล้วถามกลับ พลางโทร.หาอัญมณีไปด้วย
“แล้วมานี่ไปไหน ติดต่อไม่ได้ โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณ โทรไปถามตั้ม ตั้มบอกว่าไม่ได้เข้าสถานีตั้งแต่เที่ยงแล้ว เขาคิดว่าน้องไปกับพ่อวิชนะ” อังกาบบอกเสียงสั่น หัวอกคนเป็นแม่ร้อนรนยืนไม่ติดที่ ร้อนถึงสามีต้องเข้ามารั้งให้หยุดเดิน
“มานี่อาจกลับบ้านแล้วก็ได้ เราไปรอลูกที่บ้านเถอะ”
“ถ้ากลับบ้านแล้วมีหรือลูกจะไม่มาตามหาเรา”
“ก็อาจพึ่งกลับ ไปดูก่อนอย่าเพิ่งโวยวาย”
“ติดต่อมานี่ไม่ได้ โทรถามตั้มก็บอกว่าไม่ได้กลับไปสถานีแล้วก็ติดต่อไม่ได้เช่นกัน ผมออกไปพบตั้มก่อนนะครับ ตั้มมีเพื่อนเยอะรู้จักตำรวจหลายคน จะให้ช่วยตามหา ทุกคนพักผ่อนเถอะครับ มานี่คงไม่เป็นอะไรหรอก” เขาบอก ทั้งที่ไม่แน่ใจ ก่อนจะออกจากบ้านไม่รอฟังว่าผู้ใหญ่จะว่าอย่างไร เพราะกลัวจะมีคนทัดทาน
ในขณะที่ตั้มวางสายจากสวิชก็รีบเดินไปหาชลทิศ แม้นั่งหมดอาลัยแต่ก็ยังหันมามองเมื่อเห็นตั้มเร่งรีบเดิน
“หมอชล มานี่ยังไม่กลับบ้านเลย”
“แล้วแฟนเค้าละ”
“คุณสวิชเพิ่งโทรมาถามนี่ละครับ เขาไม่ได้เจอมานี่ตั้งแต่เช้าแล้วละ โทรศัพท์ก็ไม่มีสัญญาณ คุณสวิชกำลังมาหาผม ต้องให้ตำรวจช่วยหาแล้วละครับ”
ชลทิศกุมขมับนี่เขากำลังเป็นต้นเหตุให้เกิดเหตุร้ายกับผู้หญิงคนนี้อีกคนแล้วหรือ ดวงดาราก็ยังติดต่อไม่ได้ ศพไหม้ดำก็ต้องรอผลตรวจดีเอ็นเอ ศพพุดจีบก็ยังไม่ได้เผา นี่มันอะไรกัน