บทที่๑๒

1353 Words
บทที่๑๒ อาคารสูงทันสมัยป้ายด้านหน้าเขียนไว้ชัดเจนถึงชื่อบริษัท สถานที่ซึ่งเขามาเยือนครั้งแรกเพราะผู้บริหารขอพบสุทธิพงศ์หรือที่หลายคนเรียกติดปากว่าเฮียต่อสายตรงมาหาเขา ถามว่าจะสะดวกไหมหากให้มาพบที่บริษัทหรือเขายังคงต้องการปกปิดตัวตนเช่นเดิม หากเป็นเช่นนั้นก็ให้นัดเวลาและสถานที่ใหม่ แต่ในเมื่อดวงสมรบอกว่ามีแผนจะเปิดตัวอัญมณีพร้อมหนังสือนิยายแนวใหม่ของเขาในงานหนังสืออันใกล้นี้ เขาก็พร้อมจะเปิดตัวกับทีมงานและกองบรรณาธิการ เขาจึงมาพบเฮียที่บริษัทตามที่นัดไว้ สวิชเดินเข้าไปบอกพนักงานที่จดจ้องเมื่อเห็นเขาเข้ามาในอาคารว่าเป็นใครและมาพบใคร หญิงสาวดังกล่าวถึงกับอ้าปากค้าง แล้วจับแขนเขาแน่น “พี่อัญมณีจริงๆ หรือคะ แทบไม่เชื่อเลยว่าจะได้เห็นตัวเป็นๆ ทีแรกหนูคิดว่าพี่อันเป็นผู้หญิง” หล่อนยังเขย่าแขนเขา “ครับ ผมชื่อสวิชนามปากกาอัญมณี มาพบเฮียครับ”เขาย้ำ “ค่ะๆ เดี๋ยวพาไป แต่แปลกใจมากทำไมวันนี้พี่อันถึงยอมเปิดตัว หรือปกติพี่หมอนสั่งห้ามคะ แต่ก็พอเดาออกแล้วว่าทำไมพี่หมอนถึงห้ามเปิดตัว” หล่อนพูดแล้วปลายตามองเหมือนกลัวคนที่เอ่ยถึงจะมาได้ยิน สวิชยิ้มแทนคำตอบ แล้วยิ้มให้กับคนอื่นๆ ที่เริ่มมองและเข้ามาทักทายเมื่อรู้ว่าเขาเป็นใคร ต่างแสดงความชื่นชมยินดีที่เขาเป็นนักเขียนที่หน้าตาหล่อเหลาต่างจากที่หลายคนคิดเอาไว้ บางคนบอกเขาตรงๆ ว่าคิดว่าที่เขาไม่ยอมเผยตัวเพราะรูปร่างหน้าตา อาจพิกลพิการหรือขี้ริ้วขี้เหร่จนไม่กล้าสู่หน้าใครๆ สวิชต้องเดินฝ่าสายตาชื่นชมหลากหลายคู่จนไปถึงห้องประชุมเล็กเพื่อรอพบสุทธิพงศ์เจ้าของและผู้บริหารสำนักพิมพ์ “นั่งรอก่อนนะคะ เดี๋ยวเฮียมา” หญิงสาวที่พาเขามาแนะนำตัวว่าชื่อมด และยังชวนเขาคุยต่อไม่ได้ออกไปจากห้อง “พี่อันรู้ไหม พวกเรานะเฝ้าถามพี่หมอนถึงรูปร่างหน้าตาพี่อัน ถามแม้กระทั่งว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง แต่พี่หมอนไม่ยอมปริปากเลย เอาแต่อมยิ้มแล้วบอกว่าเค้าเป็นของฉันพวกหล่อนไม่มีสิทธิ์รู้จักเค้า พวกเรายังแอบพูดกันเลยว่า พี่หมอนหวงพี่อันทำอย่างกับตัวเองเป็นแฟน” สวิชหัวเราะกับคำพูดหล่อน แต่แววตาเป็นประกายไม่พึงใจชั่วครู่ ก่อนตอบ “คือผมไม่สะดวกเปิดตัวนะครับ ทางบ้านก็ไม่รู้นะครับว่าผมเป็นนักเขียน มีแฟนผมคนเดียวที่รู้เพราะต้องให้ช่วยหาข้อมูลบ้าง” “ว้ามีแฟนแล้วหรือคะ” หล่อนทำหน้าเสียดายจนคู่สนทนายิ้มขัน ก่อนเขาจะตอกย้ำ “มีแล้วครับกำลังจะแต่งงานเร็วๆ นี้ ผมรักแฟนผมมากด้วย” “เอ่อ พี่อันกำลังฝากไปบอกพวกชอบมโนเช่นพี่หมอนหรือเปล่าคะ” หล่อนหัวเราะเบาๆ “ทำไมต้องบอกคุณหมอนครับ เขารู้ว่าผมมีแฟน” “อ้าว พี่หมอนรู้ว่าพี่อันมีแฟนแล้ว แต่ทำไมทำเหมือนหึงหวงยังกับเป็นแฟนตัวเอง พูดถึงพี่หมอนเพิ่งนึกได้ แกลางานหลายวันแล้ว บอกว่าจะไปเที่ยวทะเลแล้วไปหาพี่อันด้วย เจอกันหรือยังคะ” “ยังไม่เจอกันเลยครับ” “ร้ายมาก แกคงพูดให้พวกเราอิจฉาเล่น ชิ!” จังหวะนั้นประตูห้องประชุมเปิดพร้อมกับคนที่สวิชนัดพบก้าวเข้ามา มดจึงขอตัวออกไป “สวัสดีครับ ผมสวิช นามปากกาอัญมณี” “ครับผมเคยเห็นเอกสารคุณแล้ว เชิญนั่ง” สวิชหายข้องใจทันทีว่าทำไมสุทธิพงศ์ถึงโทรศัพท์หาเขาโดยตรงได้ เพราะเอกสารในการทำสัญญาเผยแพร่วรรณกรรมนี่เองที่ระบุตัวตนของเขาเอาไว้ สุทธิพงศ์หรือที่ทุกคนเรียกเฮีย อายุราวๆ ห้าสิบ ผิวขาวแบบคนจีนทั่วไป ท่าทางใจดีเพราะมีรอยยิ้มประดับใบหน้าตลอดเวลา พูดคุยยิ้มแย้ม แต่คำถามที่ถามมาทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย “ผมขอถามตรงๆ ทางเราให้ค่าตอบแทนน้อยหรือยังไงครับ คุณสวิชถึงไม่ส่งต้นฉบับให้เราอีก” สวิชอึ้งไปเล็กน้อยก่อนถามกลับ “จะไม่ส่งได้ยังไงครับ ก็ทางกองให้ผมกลับไปเพิ่มบทให้ต้นฉบับหนาหน่อย ผมก็กำลังทำ ตั้งใจจะส่งในสัปดาห์หน้านะครับ” “หรือครับ ไม่ทราบว่าเรื่องอะไร” “เรื่องต้องฆ่าครับ” เขาบอกพร้อมรอยยิ้ม แต่คู่สนทนากลับหุบยิ้มทันที “เปลี่ยนแนวหรือครับ ไม่รู้มาก่อนว่าอัญมณีเขียนแนวอื่นด้วย” “อ้าว! ก็พี่หมอนบอกว่าทางกองอยากให้เปลี่ยนแนวบ้าง ผมไม่ถนัดหรอกครับ แต่พยายามทำให้ดีที่สุด ได้พี่หมอนกับแฟนช่วยเรื่องข้อมูลจนเขียนเสร็จ พี่หมอนบอกว่าขอให้เพิ่มอีกสองสามบทเพราะมันสั้นไป ผมก็เอากลับไปทำตามที่บอก” สวิชบอกแต่สังเกตว่าสุทธิพงศ์ที่นั่งฟังอยู่ส่ายหน้าช้าๆ “ทางเราไม่เคยรู้เรื่อง ไม่เคยบังคับให้นักเขียนเปลี่ยนแนวที่ตัวเองไม่ถนัด และไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ” สวิชเลิกคิ้วแปลกใจ ทำเอาพูดไม่ออกเลยทีเดียว “คุณเคยได้ยินข่าวบอกอสำนักพิมพ์ใหญ่แห่งหนึ่ง กำลังแยกตัวไปเปิดสำนักพิมพ์ของตัวเอง แล้วดึงนักเขียนดังๆ ไปอยู่ด้วยไหม”สุทธิวงศ์ถาม สวิชส่ายหน้า เขาไม่ค่อยสนใจข่าวสารในแวดวงวรรณกรรมเท่าไหร่เพราะเวลาส่วนใหญ่หมดไปกับธุรกิจของครอบครัวและการหาข้อมูลเขียนต้นฉบับ ยิ่งข่าวสารในทางลับนั้นเขาไม่เคยรู้ นอกจากดวงสมรบอกเล่าให้ฟังเวลาพูดคุยกันเท่านั้น แต่คำถามของสุทธิพงศ์เหมือนพาดพิงดวงสมรกลายๆ “เฮียหมายถึงพี่หมอนหรือครับ” คำถามเขาได้รับการตอบทันควันด้วยการพยักหน้าช้าๆ สุทธิพงศ์เคาะนิ้วบนโต๊ะเหมือนขบคิด ก่อนพูด “ทีแรกก็ไม่คิดว่าจะเป็นดวงสมร แต่พักหลังเขาดูแปลกๆ เขาปฏิเสธงานของนักเขียนประจำไปหลายคน แต่มีคนมากระซิบว่านักเขียนเหล่านั้นถูกทาบทามให้ส่งต้นฉบับไปสำนักพิมพ์เปิดใหม่ ได้ข่าวว่าจะเปิดตัวในงานหนังสือครั้งที่จะถึงนี่แหละ ยิ่งรู้จากคุณแบบนี้ผมยิ่งมั่นใจว่าดวงสมรทำแบบนั้นจริงๆ เขาเมลล์มาลาออกแล้วปิดกั้นการติดต่อทุกทาง แม้แต่บ้านก็ปิดผมให้คนไปรอพบตั้งหลายวันก็ไม่เจอ เขาชวนคุณไปอยู่ด้วยหรือเปล่า” สุทธิพงศ์ถามในตอนท้าย “ไม่เลยครับ ไม่เคยชวนแล้วผมก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย” “แล้วนิยายแนวใหม่ของคุณละ ดวงสมรบอกว่าจะวางขายเมื่อไหร่” “งานหนังสือครับ พร้อมกับการเปิดตัวอัญมณี แต่ผมยังแบ่งรับแบ่งสู้อยู่ กลัวจะตรงกับงานแต่งงานครับ” “มันช่างประจวบเหมาะเสียจริง งานคุณจะวางและเปิดตัวพร้อมกับดวงสมรเปิดตัวสำนักพิมพ์ใหม่” “แต่พี่หมอนไม่ได้บอกผมว่าจะเอางานไปออกกับสำนักพิมพ์ใหม่ของเขานะครับ และถ้าผมรู้ผมก็ไม่ยอมหรอก” “งั้นผมถามคุณตรงๆ ต้นฉบับเรื่องใหม่นี่ ส่งให้ทางเราได้มั้ย” “ได้แน่นอนครับ ผมเกิดจากที่นี่ ก็จะอยู่ที่นี่ตลอดหากเฮียยังกรุณา” “แหมพูดซะ” สุทธิพงศ์หัวเราะ ใบหน้าแช่มชื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ก่อนพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นหลังเขียนจบส่งเข้าเมลล์ผมเลยนะครับ จะให้บอกอป๋องดูให้ เขารับผิดชอบแนวสืบสวนสยองขวัญโดยเฉพาะ” “ครับ เสร็จแล้วผมส่งให้เฮียแน่นอน ผมไม่ชอบเป็นไอ้โง่ถูกใครปั่นหัวหรือชักจูงอยู่แล้ว” “ขอบคุณมาก” สุทธิพงศ์ส่งมือมา สวิชรีบยื่นมือไปจับทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD