อัญมณีวางหนังสือพิมพ์ที่เสพข่าวสารต่างๆ เพื่อฆ่าเวลาลงบนกองหนังสือข้างตัว หล่อนมองแล้วส่ายหน้าเบื่อหน่าย การที่ไม่ได้ออกไปทำงานทำให้หล่อนต้องหาหนังสือมาอ่านแก้เบื่อ เรียกได้ว่าหยุดอยู่บ้านมาสองวันหล่อนอ่านหนังสือแทบหมดบ้านแล้ว อัญมณีลุกขึ้นยืนช้าๆ เดินไปมองออกนอกหน้าต่างระหว่างบ้านสองหลัง ต้นไม้มากมายทั้งไม้ดอกและไม้ประดับ หล่อนเพิ่งสังเกตเห็นตอนนี้เองว่าต้นไม้ที่ปลูกเป็นแถวเป็นแนว รั้วต้นไม้เตี้ยๆ หายไปหมดกลายเป็นสนามหญ้าสีเขียวขจีผืนกว้างใหญ่จนเห็นบ้านสองชั้นหลังใหญ่ของครอบครัวสวิชชัดเจน
หล่อนได้ยินแม่เปรยๆ ว่าต้องการสนามโล่งๆ ไว้รองรับงานแต่งงานของหล่อน แต่ไม่เคยสังเกตว่าทำตอนไหน คงเพราะที่ผ่านมาหล่อนทำแต่งานกลับมาบ้านเพื่อนอนหลับเท่านั้น อัญมณีลำบากใจขึ้นมาทันทีหากจะบอกพ่อกับแม่ว่าไม่อยากให้มีงานแต่งงานเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้
ส่วนกับสวิชตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ได้พูดกันถึงเรื่องนี้อีก เหมือนเขาตั้งใจหลบเลี่ยงไม่อยู่ตามลำพังไม่เปิดโอกาสให้หล่อนเอ่ยปากและหลังจากรับหล่อนออกจากโรงพยาบาลมาพักฟื้นที่บ้านแล้ว เขาก็มีธุระต้องเดินทางไปกรุงเทพ ช่วยไม่ได้ที่หล่อนคิดว่าเขาคงไปหาดวงสมรเขาอาจไปถามหาความจริงเพราะหล่อนไม่ยอมเล่าอะไรให้ฟัง แต่สาบานได้ว่าหล่อนไม่ได้หึง และเหมือนจะไม่เคยมีความรู้สึกนี้เกิดขึ้นเลย นั่นเพราะหล่อนรู้ใจตนเองว่าไม่เคยรักเขาแค่ทำตามใจผู้ใหญ่ แต่เวลานี้หล่อนต้องขัดใจผู้ใหญ่ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป แค่ยังไม่กล้าเอ่ยสักที
“เอ๊ย!” อัญมณีสะดุ้งร้องเสียงหลงเมื่อถูกจับไหล่ขณะหลงวนอยู่ในความคิดของตนเอง ก่อนหันกลับไปมองแล้วผลักเจ้าของมือออกห่างอย่างเคืองๆ
“ตั้ม ตกใจหมด”
“ร้องซะขนาดนี้ไม่บอกก็รู้ว่าตกใจ ขอโทษทีลืมคิดไปว่ามานี่เพิ่งผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ มา ต้องขวัญอ่อนเป็นธรรมดา”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ ว่าแต่มีธุระหรือเปล่าหรือมาเยี่ยมนี่เฉยๆ” หล่อนถามแล้วผายมือเชิญตั้มให้นั่ง แต่เขาทำเหมือนมองหาใครแล้วบอก
“หาที่คุยส่วนตัวหน่อยได้ไหม”
อัญมณีเลิกคิ้วแปลกใจ แล้วพยักหน้าชี้ไปนอกบ้าน
“สนามโน่นมั้ยคะ ถึงจะโล่งโจ้งแต่ถ้าใครเดินมาก็เห็นได้ทันที เหมาะสำหรับคุยความลับ” หล่อนเสนอแล้วหัวเราะ ก่อนจะเดินนำ ท่าทางเดินช้าๆ บอกให้รู้ว่าร่างกายยังไม่ปกติ ก็แน่ละซี่โครงหล่อนร้าวไปสองซี่จะให้หายปกติได้เร็ววันอย่างไรกัน
“มีอะไรคะ” หล่อนถามทันทีที่นั่งลง
ตั้มนั่งลงตาม แล้วมองกวาดไปทั่วอีกครั้งก่อนพูด
“วันนี้ผมไปเผาศพน้าหมอชลมา”
“นี่ลืมไปสนิทเลย”
“ไม่ได้มาบอกให้สำนึกผิดหรอก แค่จะบอกว่าหมอชลยุ่งทั้งเรื่องเผาศพน้าพุด เรื่องไฟไหม้บ้านพี่สาวและการหายตัวไปของหลานสาว รวมถึงรอผลตรวจดีเอ็นเอจากศพด้วยว่าใช่ดวงดาราไหม เขายังอยากมาขอโทษมานี่อีกครั้งแต่ไม่มีเวลาจริงๆ”
“ก็ไม่จำเป็นต้องมาขอโทษอะไรแล้ว เรื่องมันผ่านไปแล้ว”
“แต่หมอชลกับผมยังมีข้อสงสัย” เหมือนตั้มจะเข้าเรื่องตรงนี้ แล้วมองกวาดอีกรอบก่อนวางสิ่งหนึ่งบนโต๊ะ
“มือถือนี่” อัญมณีรีบตะครุบขึ้นมา ตรวจสอบจนมั่นใจว่าเป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตนเอง มีสายไม่ได้รับมากมายรวมสายชลทิศด้วย
“เอามาจากไหนคะ”
“มีคนเอาไปเสนอขายคนในสถานี บอกว่าร้อนเงินเลยขายถูกๆ แต่ลืมรหัสปลดล็อค ผมเห็นเคสคุ้นๆ เลยโทรเบอร์มานี่ดูมันก็เรียก ทีนี้ไอ้หมอนั่นหน้าเหวอแล้ววิ่งหนีไปเลย” ตั้มหยุดพูด ก่อนจะตบลงบนโต๊ะเสียงดัง
“ทีนี้บอกมาให้หมดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
อัญมณีรู้ว่าหากแต่งเรื่องมาโกหกตั้มก็ต้องไม่เชื่ออีก และเพราะเขาถือเป็นเพื่อนสนิทที่สุดจึงเล่าให้ฟังโดยไม่ปิดบัง แม้แต่เรื่องที่สวิชคือนักเขียนนามปากกาอัญมณี จนตั้มมีคำถามหลังฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“ถ้าแจ้งความไอ้หนุ่มที่เอามือถือมาขายนี่ต้องเจอข้อหาพยายามฆ่าด้วย ลองตั้งใจขับรถเหยียบขนาดนี้”
“ถือว่าฟาดเคราะห์ ช่างมันค่ะ”
“แล้วผู้หญิงคนนั้นละ มานี่ไม่เอาเรื่องแบบนี้ มันจะกลับมาทำร้ายเราอีกหรือเปล่า ความหึงหวงนี่น่ากลัวมากนะ”
“จะว่าไปเค้ายังไม่ได้ทำอะไร แค่เตะกับหยิกอย่างละที กับมัดเอาไว้ เราไม่มีหลักฐานว่าเค้าจะฆ่านอกจากคำพูดที่นี่ได้ยินเขาพูดคนเดียวแล้วสรุปเอา หน้าตาก็ไม่เห็นแค่จำเสียงได้ ถ้าเอาเรื่องก็คงได้แค่กักขังหน่วงเหนี่ยว นี่ไม่อยากให้ยุ่งยาก”
“กลัวคู่หมั้นเสียชื่อใช่ไหม” ตั้มเล่นถามตรงๆ เช่นนี้หล่อนก็เลี่ยงไม่ได้
“ถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป มันกระทบเรื่องงานพี่วิชแน่ๆ บอกกอก่อเหตุเพราะหึงหวงนักเขียนในสังกัด พอดีพอร้ายจะเปิดตัวอัญมณีในงานหนังสือครั้งต่อไปก็ล่มไปด้วย ปล่อยเค้าไปเถอะ แต่นี่บอกให้พี่วิชไปจัดการคนของตัวเองแล้ว อย่ามายุ่งกับนี่อีก”
“คนของสวิช” ตั้มทวนคำช้าๆ
อัญมณีพยักหน้าสะท้อนใจทีเดียวแต่ไม่ใช่ว่าเสียใจ แค่บอกความรู้สึกไม่ได้ ผู้ชายที่จะยอมแต่งงานด้วยและคิดว่าเขามีหล่อนคนเดียว กลับมีสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่น แม้เขาจะบอกว่าดวงสมรเป็นฝ่ายชอบเขาเองความรู้สึกเดิมๆ ก็ยังไม่กลับมาอยู่ดี
“ไม่มีข่าวคราวของหลานหมอชลบ้างเลยหรือคะ”
“ไม่มีเลย ตอนนี้ก็ต้องรอผลดีเอ็นเออย่างเดียว ไหนจะต้องหาตัวฆาตกรอีก”
“ฆาตกรรมหรือ?”