“ให้กล้วยช่วยนะ” เธอพูดเสียงแผ่วสั่นพร่าเมื่อซอกกายสาวกำลังถูกนิ้วของเขาขยับเข้าหาอยู่อย่างต่อเนื่อง
สิงห์ขยับสะโพกสอบเข้าไปหาผลักดันความเป็นชายเข้าไปในโพรงปากอวบอิ่มของเธอ
เด็กสาวรูดรัดเบา ๆ ดูดอมเข้าปากเหมือนกินไอศกรีมแท่งโตแสนอร่อย เธอลามเลียจากส่วนปลายจนมิดปาก แก่นชายผลุบเข้าผลุบออกในโพรงปากเป็นจังหวะ
สิงห์ดึงกายออกห่างพาตัวเองสอดแทรกตรงหว่างขา เขาดึงนิ้วออกมาลามเลียเบา ๆ เสียดสีท่อนเนื้อตรงส่วนปลายเข้าไปกับร่องเสน่หา
“อื้อ...” เธอครางรับเมื่อขาข้างหนึ่งถูกจับขึ้นพาดบ่า แล้วกายชายก็ซอยถี่เข้ามาฝังลึกในซอกฉ่ำหวาน
ทั้งสองอ้าปากค้างด้วยความเสียวซ่าน ก่อนที่ร่างเด็กสาวจะเริ่มสั่นระริกตามแรงโยกคลอนที่หนักหน่วงของหนุ่มใหญ่
เขาเคล้นคลึงทรวงอกอวบอิ่มแล้วจับป้อนเข้าปาก กระชับขาข้างหนึ่งที่จับมาพาดบ่าแน่นขึ้นแล้วขยับกายหนักหน่วงขึ้น
สารภีร้องครวญครางแทบขาดใจ เธอจิกมือกับผ้าปูเตียงมองผู้ชายที่รักกำลังโยกกายอย่างรุนแรงด้วยความรัญจวน
เด็กสาวร้องครางเสียงหลงหยัดกายขึ้นด้วยความเสียวซ่านเมื่อเขาฝากฝังทุกหยาดหยดเข้ามาในกาย อัดกายแทรกสอดแนบแน่นแทบเป็นเนื้อเดียวกัน
เธอหายใจหอบกระชั้น ปรือตามองเขาอย่างอ่อนแรง สิงห์มองเด็กสาวไม่วางตา เขาก้มลงจุมพิตหน้าผากนูนเกลี้ยง เธอหลับตาพริ้มรับจุมพิตของเขาอย่างวาบหวาม
ร่างสูงถอนกายออกห่าง พอเธอจะลุกตามเขาก็กดให้นอน ก่อนจะเช็ดเรียวขาให้อย่างเบามือแล้วจัดการประคบข้อเท้าให้เธออีกรอบแล้วอุ้มไปอาบน้ำ
สารภีมองตาปริบ ๆ คิดไปว่าที่เขาอุ้มคงเห็นว่าเธอเดินไม่ถนัด เขาทำไปเพราะมนุษยธรรมไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองและปล่อยให้ตัวเองต้องเจ็บอีก
อย่าไปรักคนที่เขาไม่รักเรา ยิ่งรักยิ่งเจ็บ ยิ่งรักยิ่งชอกช้ำระกำใจ
สิงห์ก็คือสิงห์ เขาดูแลเธอถามไถ่อาการบ้างแล้วก็อยู่เงียบ ๆ ของเขา ด้วยว่านิสัยเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้วเธอเลยไม่กล้าคุยกับเขาเยอะเช่นกัน กลัวเขารำคาญไล่ออกจากบ้าน เพราะตอนนี้ที่พึ่งเดียวของเธอคือสิงห์ การจะไปพึ่งพาน้ำ¬รินเธอก็นึกเกรงใจขึ้นมาเพราะรบกวนน้ำ¬รินมาตั้งแต่เด็ก ยิ่งน้ำ¬รินช่วยเหลือแบบไม่เคยหวังผล นั่นยิ่งทำให้เธอเกรงใจหนักเข้าไปอีก
หลังจากข้อเท้าหายเป็นปกติแล้ว เธอก็ลุกมาทำงานบ้าน ทำอาหาร ซักรีดเสื้อผ้าให้สิงห์ตามหน้าที่ของตัวเอง
ไม่มีเงินใช้หนี้ก็ต้องใช้แรงงาน ในที่สุดเธอก็เล่าทุกอย่างให้น้ำ¬รินฟัง และพลาดโอกาสการไปสมัครเรียนเย็บผ้าลงอย่างน่าเสียดาย
“กล้วยจะหาเงินมาคืนนะคะ”
“อย่าคิดมากเลย พอเขารับสมัครรอบหน้าค่อยไปสมัครใหม่ก็ได้”
น้ำ¬รินไม่ได้คิดเล็กคิดน้อย เธอเข้าใจความจำเป็นของเด็กสาว
สารภีเข้าเมืองมากับน้ำ¬ริน เธอมาช่วยถือของและอีกนัยหนึ่งคือน้ำ¬รินมักชวนเธอมาซื้อของในเมืองเป็นเพื่อน
เด็กสาวยืนมองชุดเจ้าสาวอยู่หน้าร้านกระจกแล้วยิ้มกว้าง เธออยากเป็นช่างตัดเย็บเสื้อผ้า อยากออกแบบชุดสวย ๆ แบบนี้ให้ลูกค้า เธอชอบฝันเพราะความฝันไม่ต้องซื้อหาแถมยังมีความสุขอีก
“ผู้หญิงเขาอยากแต่งงาน อยากจะใส่ชุดฟู ๆ แบบนั้นเหรอครับคุณน้ำ” สิงห์เอ่ยถามน้ำ¬รินอยู่อีกด้านเมื่อเห็นสารภียืนมองชุดเจ้าสาวแสนสวยอยู่หน้าร้านแล้วยืนยิ้มอยู่คนเดียว
“ไม่ทุกคนหรอกจ้ะน้าสิงห์ แต่กล้วยน่าจะไม่ได้อยากใส่ชุดนั้นหรอกนะ” น้ำ¬รินพูดกับสิงห์แต่สายตายังมองเด็กสาวด้วยความเอ็นดู
“ไม่ได้อยากใส่” สิงห์ทวนคำเจ้านายสาวอย่างสงสัย
“ใช่จ้ะ น้าสิงห์ไม่รู้เหรอว่ากล้วยอยากเรียนตัดเย็บเสื้อผ้า อยากเป็นช่างตัดเสื้อ ความฝันของกล้วยน่ะอยากเปิดร้านเล็ก ๆ มีอาชีพเป็นของตัวเอง แต่ไม่มีใครสนับสนุน ครั้งก่อนน้ำให้เงินไปสมัครเรียนก็โดนแม่เอาไปจนหมด แถมยังโดนเสี่ยใหญ่ฉุดไปใช้หนี้อีก”
“จริงเหรอครับ” เป็นความรู้ใหม่ที่เขาเพิ่งรู้เกี่ยวกับตัวของเด็กสาวที่นอนร่วมเตียงกับเขาทุก¬วัน
สารภีทำงานบ้านงก ๆ ดูแลบ้านช่องซักผ้ารีดผ้าและทำอาหารให้เขา ไม่เคยปริปากพูดอะไรให้เขาได้รับรู้ เธอเก็บงำทุกอย่างเอาไว้คนเดียว แล้วก็ทำงานเหมือนตัวเองเป็นหุ่นยนต์ บางครั้งเขายังนึกหงุดหงิด เพราะเธอเอาแต่เจียมเนื้อเจียมตัวไม่ยอมรับเงินหรืออะไรจากเขา เธอบอกว่าเป็นหนี้ต้องทำงานชดใช้ จะไม่ทำตัวเป็นภาระของเขาเด็ดขาด
เป็นครั้งแรกที่สิงห์เจอผู้หญิงที่ใช้ชีวิตอยู่ได้โดยไม่มีเงินเลย เธอกินข้าวบ้านเขา หลับนอน อาบน้ำบ้านเขา แต่ของใช้ส่วนตัวที่อยากได้เขาก็เห็นว่าเธอมารับจ้างทำงานงก ๆ ในไร่เอา ไม่ได้แบมือขอเงินเขาเลย
“กล้วยกลับกันเถอะ” น้ำ¬รินเอ่ยชวน สารภีหลุดจากภวังค์ความคิด รีบหิ้วของเดินตามน้ำ¬รินไปที่รถ แต่โดนมือหนาของสิงห์แย่งไปช่วยถือให้
เธอมองเขาอย่างขอบคุณ แต่คนใบหน้าเย็นชาไม่ได้สนใจอะไร แต่อย่างน้อยเธอก็รับรู้ว่าเขามีน้ำใจ
พอกลับมาถึงบ้าน สารภีก็รีบทำความสะอาดบ้าน ก่อนจะเดินเข้าไปในไร่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเพื่อไปหาสิงห์
เสียงผิวปากที่ดังอย่างต่อเนื่องทำให้สิงห์หันไปมอง เขาเห็นคนงานชายมองเรียวขาผ่องของสารภีไม่วางตาก่อนจะโห่แซว เธอชอบแต่งตัวแบบนี้ เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น เขาเห็นแล้วไม่ชอบใจอยู่มาก
“ลุงสิงห์คะ”
“มีอะไร” เสียงแข็งเอ่ยถาม สารภีสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าบึ้งตึงและน้ำเสียงหงุดหงิดของเขา
“กล้วยจะมาขอลุงสิงห์ไปช่วยแพ็กขนมให้คุณน้ำค่ะ” เธอเอ่ยขออย่างหวาด ๆ กลัวเขาดุเอา
“ขนมอะไร”
“คุณน้ำทำขนมส่งขายค่ะ เลยอยากหาคนช่วยแพ็ก แต่กล้วยทำงานบ้านเสร็จแล้วนะคะ” เธอรีบพูดเพราะกลัวเขาจะไม่อนุญาต
“ก็ไปสิ” เขาตอบเสียงขรึม เธอรีบกล่าวขอบคุณเขาก่อนจะวิ่งไปที่บ้านใหญ่โดยเร็ว สิงห์มองร่างเล็กของเด็กสาวไปจนสุดตา ในสมองครุ่นคิดอะไรหลายอย่าง สายตาก็หันขวับไปมองพวกลูกน้องที่โห่แซวเด็กสาว ทุกคนก้มงุดไม่กล้ามีใครมองเรียวขาสวย ๆ ของสารภีอีก
สารภีมาถึงบ้านใหญ่ก็รีบเข้าไปช่วยน้ำ¬รินแพ็กขนม น้ำ-รินจ้างเธอเป็นกิจจะลักษณะในช่วงบ่าย ช่วงเช้าเธอจึงต้องรีบทำงานบ้านให้เสร็จเรียบร้อย ไม่ให้เจ้าหนี้รายใหญ่ของเธอตำหนิเอาได้
เด็กสาวทำแบบนั้นทุก¬วัน เธอนำเงินที่ได้ในแต่ละวันหยอดกระปุกหมูออมสินตัวใหญ่เอาไว้และกอดหอมมันทุกครั้งที่มีโอกาส สิงห์สังเกตเด็กสาวทุก¬วันอย่างเงียบ ๆ
“ลุงสิงห์ กล้วยเก็บเงินได้เยอะแล้วนะคะ” เธอบอกเขาอย่างภาคภูมิใจ ลูบกระปุกหมูสีทองเบา ๆ อย่างภาคภูมิใจ หลังจากที่ไม่มีเรื่องบิดามารดามาทำให้ชีวิตวุ่นวายเธอก็มีเวลาเก็บเงินได้เยอะขึ้น ขยันทำงานได้มากขึ้น
เธอนึกย้อนไปถึงอดีต สมัยก่อนถ้าเธอทำงานและหยอดกระปุกเอาไว้ทุก¬วันแบบนี้ คงได้เงินเยอะเต็มกระปุกทุกเดือน
“เก็บเงินเก่งนะ” เขาเอ่ยชมเธอเป็นครั้งแรก อยู่ร่วมบ้านกันสิงห์เลยเห็นอะไร ๆ หลายอย่างในตัวเด็กสาว
“กล้วยอยากเก็บเงินเอาไว้เพื่อไป...” เธอชะงักก่อนจะเหลือบมองเขาแล้วหยุดพูด
“ลุงสิงห์หิวหรือยังคะ วันนี้กล้วยทำกับข้าวหลายอย่างเลย”
“เก็บเงินเอาไว้ไปทำอะไร” เขาวกกลับมาถาม มองเด็กสาวที่ดวงตาเป็นประกายเหมือนตัวเองตกอยู่ในห้วงความฝัน
“ใช้หนี้ลุงสิงห์ค่ะ แล้วก็อยากมีอะไรเป็นของตัวเองบ้าง กล้วยอยากย้ายไปอยู่ในเมือง อยากเปิดร้าน” เธอคิดถึงอนาคตอันสดใส
“แสดงว่าไม่อยากอยู่ที่นี่” เขาเอ่ยถามเสียงขรึม ไม่รู้ทำไมรู้สึกหงุดหงิดใจเมื่อได้ยินแบบนั้น
“กล้วยไม่อยากรบกวนลุงสิงห์น่ะค่ะ นี่ก็รบกวนมากพอแล้ว” เธอพูดอย่างเกรงใจ
สิงห์รู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่เธออยากจะไปจากเขา เธอทำเหมือนเขาเป็นคนอื่น เธอพูดเหมือนกับว่าในอนาคตจะไม่มีเขาอยู่ด้วย