เปรมมนัสพาร์ท
"วันนี้เป็นอีกวันที่ผมคิดถึงยัยฝีดิบนั่น ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ชื่อหรือก็รู้จากหมอตี๋เภสัชนั่นว่าชื่อน้องบี ก็แค่นั้นแล้วจะไปตามหาได้ที่ไหนว๊ะ เอ..เรานี่ถ้าจะบ้า จะไปตามหาทำไมล่ะ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันสักหน่อย เฮ๊อ...ท่าจะบ้าแล้วเรา"
..........................................
สักพักก็มีเสียงเตือนสายเรียกเข้า เขาจึงหยิบมาดูพบว่าเป็นเบอร์ของบิดาจึงกดรับทันที
เปรมมนัส: ครับพ่อ
เปรมชัย: เจ้านัท วันนี้ไปรับน้องเอ๋ยที่มหาวิทยาลัยหน่อยซิ พี่ชายเราจะโชว์ฝีมือทำคุ๊กกี้ให้ลูกสาวเค้าชิม
เปรมมนัส: กี่โมงครับพ่อ
เปรมชัย: ก็ประมาณบ่ายสามแหละ รถน่าจะยังไม่ติดหรอก
เปรมมนัส: อ๋อ..ได้ครับ
เปรมชัย: ขอบใจมากลูก แค่นี้นะ
เปรมมนัส: ครับพ่อ แล้วสัญญาณก็ถูกตัดไป
@เวลา 15.00 น.@มหาวิทยาลัยJ
เปรมมนัสขับรถเข้ามาในคณะบริหารพบหลานสาวคนสวยกำลังนั่งอ่านหนังสือรอที่โต๊ะหินอ่อนใต้ร่มไม้จึงกดเลื่อนรถเข้าไปจอดใกล้ ๆ
แล้วลงจากรถไปหาหลานสาว
"ขยันจังหลานสาวอา กลับบ้านคุณปู่กัน วันนี้คุณพ่อทำคุ๊กกี้อยากให้ลูกสาวไปชิม" เปรมมนัสเอ่ยยิ้ม ๆ
"อ้าว สวัสดีค่ะคุณอานัท เดี๋ยวหนูขอส่งข้อความถึงแม่ก่อนนะคะเดี๋ยวท่านจะเป็นห่วง" อัญญารินทร์เอ่ยยิ้ม ๆ แล้วล้วงเข้าในกระเป๋าหยิบถือมือขึ้นมาก้มหน้าก้มตาจิ้มที่่หน้าจอมือถือยุกยิก ๆ แล้วเก็บที่เหมือนเดิม
"ครับ ตามสบายเลยครับ"
"เสร็จแล้วค่ะ ไปกันเลยค่ะคุณอา"
"ปะ" เปรมมนัสจูงมือหลานสาวไปที่รถและเปิดประตูให้หลานสาวเข้าไปนั่งแล้วตนเองก็เดินอ้อมมาเปิดประตูรถนั่งที่ตำแหน่งพลขับแล้วเลื่อนรถออกไปทันที แต่ทว่า มีบางอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น
..เอี๊ยก.. เปรมมนัสเบรครถกระทันหันจนเกิดเสียงดังสนั่น
"เธอเป็นอะไรหรือเปล่า" อัญญารินทร์ร้องเรียกเด็กสาวที่หมดสติล้มกองอยู่ที่ริมฟุตบาตท่าทางน่าจะกำลังข้ามถนนแล้วเกิดหน้ามืดเป็นลม ด้านเปรมมนัสรีบตบไฟกระพริบแล้วลงไปดูหญิงสาวทันที
"น้อง ๆ เป็นยังไงบ้าง" แต่ทันใดที่ชายหนุ่มจับหน้าหญิงสาวเงยขึ้นพบว่าคือยัยผีดิบทีเขาเคยประคารมเมื่อเกือบหนึ่งเดือนที่แล้วนั่นเอง
"นี่เธอเองเหรอ ปวดท้องอีกหรือเปล่า ทำไมซีดจังเลย"
"อานัทคะ อุ้มขึ้นรถพาไปหาหมอเลยดีมั๊ยคะ"
"อา...ได้ ค้นกระเป๋าดูซิว่ามีโทรศัพท์หรือเปล่า โทรเบอร์ที่ติดต่อบ่อยที่สุดน่าจะเป็นญาติ" เปรมมนัสออกคำสั่ง
"ได้ค่ะ" อัญญารินทร์ค้นกระเป๋าหญิงสาวก็พบโทรศัพท์ พบว่าการล็อคหน้าจอเป็นการสแกนลายนิ้วมือจึงหยิบมือของอีกคนมาสแกนและสามารถใช้งานระบบได้ปกติ จึงค้นหาเบอร์ที่โทรออกบ่อยที่สุด และรอสายอยู่สักครู่จึงได้ยินเสียงปลายทางตอบรับ
พี่เอ: ยัยน้อง รอพี่สักครู่นะ พี่กำลังจะออกไป อย่าเรียกวินมอ'ไซค์นะมันอันตรายรอพี่หน่อยพี่กำลังไป
น้องบี(แต่อัญญารินทร์พูดแทน): เอ่อ พี่คะ คือเบอร์ที่หนูโทรออกเป็นญาติของผู้หญิงคนนี้หรือเปล่าคะ คือเธอเป็นลมที่ข้างทางฟุตบาตในมหาวิทยาลัยนี่เองค่ะ หนูกับคุณอาเห็นก็เลยอุ้มขึ้นรถจะไปโรงพยาใกล้ ๆ นี้ค่ะ คุณตามไปที่โรงพยาบาลxxx ใกล้ ๆ มหาวิทยาลัยเลยนะคะ ญาติของคุณยังไม่ได้สติเลยค่ะ
พี่เอ: เอ่อ..ขอบคุณมากครับ ผมกำลังไปครับ แล้วผมจะโทรหาอีกทีถ้าไปถึงแล้วนะครับ สวัสดีครับ
สักพักก็ถึงโรงพยาบาล บุรุษพยาบาลรีบเข้ามาถามไถ่อาการทันที ด้านเปรมมนัสรีบชี้แจงทันที
"ผมขอรถนอนครับ ผู้ป่วยไม่มีสติแต่การหายใจดีครับ" เปรมมนัสเอ่ยขึ้น
"เอ่อ ครับ ครับ ได้ครับ" เจ้าหน้าที่รีบเข็นรถนอนมารับผู้ป่วย เปรมมนัสบรรจงวางผู้ป่วยลงบนเตียงนอนและพนักงานก็เข็นผู้ป่วยไปที่ห้องฉุกเฉินทันที
เจ้าหน้าที่: ไม่ทราบว่าใครเป็นญาติผู้ป่วยคะ
เปรมมนัส: ญาติกำลังตามมาครับ ผมเห็นเธอเป็นลมล้มฟุบที่ฟุตบาตคล้ายกำลังจะข้ามถนนน่ะครับ ปลุกไม่ตื่น แต่การหายใจดี ปอดเคลียร์ แต่รู้สึกจะชีพจรเต้นเร็วผิดปกติครับ คือผมเป็นแพทย์นรีเวชครับ พอตรวจร่างกายได้เบื้องต้นครับ
เจ้าหน้าที่: ออ เหรอคะ ไม่ทราบว่าคุณหมอรู้จักกับน้องผู้หญิงคนนี้มั๊ยคะ
เปรมมนัส: ไม่รู้จักครับ แต่เคยพบกันครั้งนึงครับ เธอข้ามถนนตัดหน้ารถผมเพื่อจะรีบไปซื้อยาที่ร้านขายยาน่ะครับ เราจึงมีปากเสียงกันเล็กน้อย พอผมไปถามประวัติร้านขายยาก็ทราบว่าเธอมีปัญหาเรื่องปวดท้องประจำเดือนเป็นเกือบทุกเดือนครับต้องไปซื้อยาจากร้านขายยากินถึงจะทุเลาปวดครับ นอกเหนือจากนั้นก็รอญาติที่กำลังจะมานะครับ
เจ้าหน้าที่: โอ..ดีมากค่ะ นี่ขนาดไม่รู้จักกันยังรู้ละเอียดขนาดนี้เลยเป็นประโยชน์ต่อการตรวจหาสาเหตุมากเลยค่ะ
ด้านอัญญารินทร์ที่กำลังแช็ทไลน์คุยกับญาติของผู้ป่วยเพื่อบอกพิกัด "ทางนี้ค่ะ ญาติของพี่อยู่ทางนี้ค่ะ" อัญญารินทร์ร้องเรียกเมื่อเห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งยืนหันรีหันขวางคล้ายมองหาใครอยู่
"ผมเป็นญาติของกานต์ธิดาเจ้าของแช็ตไลน์ไอดีนี้ครับ" กานต์บุรุษเอ่ยขึ้น แต่ที่อึ้งไปกว่านั้นคือจุดใต้ตำตอกลายเป็นน้องเอ๋ยที่เขาเคยพบที่ร้านมายาฟลาวเวอร์
"พี่เอใช่มั๊ยคะ จำน้องเอ๋ยได้มั๊ยคะ สวัสดีค่ะ"
"จำได้ครับ เป็นน้องเอ๋ยเองเหรอ นั่นโทรศัพท์น้องสาวของพี่ครับ แกเป็นยังไงบ้าง เป็นลมล้มฟุบไปเลยเหรอ" กานต์บุรุษพึมพำออกมาอย่างเพ้อ ๆ