หึหึ.. "งั้นเชิญคุณอัญญารินทร์ประจำตำแหน่งพลขับได้เลยครับ" ปกรณ์หัวเราะเบา ๆ ในลำคอแล้วหันไปยกนิ้วโป้งให้เพื่อนรักอย่างนึกขอบคุณ แล้วทั้งคู่ก็ขับรถตามกันไปยังบ้านของกานต์ธิดาโดยมีคนตัวบางเป็นคนบอกทางให้จนถึงจุดหมายปลายทาง
รถยนต์คันหรูทั้งสองคันมาจอดที่บ้านสองชั้นหลังเล็ก ๆ แต่น่ารักร่มรื่นหลังหนึ่งซึ่งมีรั้วรอบขอบชิด และมีไม้ดอกส่งกลิ่นหอมตลบอบอวนทั่วบริเวณบ้าน
ทั้งสี่คนลงจากรถออกมายืนใต้ร่มไม้ที่ร่มรื่นพลางสูดลมหายใจเข้าอย่างรู้สึกสดชื่น
"ถึงแล้วค่ะ ขอบคุณทุกคนนะคะที่มาส่ง" กานต์ธิดายกมือกระพุ่มไหว้คนที่ขับรถมาส่งเธอและผู้ร่วมทางที่ตามมาส่งด้วยความรู้สึกขอบคุณจากใจ
"อืม..พี่ชายยังไม่กลับนิ่ ท่าทางจะซ่อมรถนานอยู่มั๊ง ให้รอเป็นเพื่อนมั๊ย" เปรมมนัสเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ในใจเป็นห่วงตะหงิด ๆ ทำเอาปกรณ์ที่ฟังอยู่นึกขำในใจในความไม่เนียนของเพื่อนรัก
"คุณอากรคะ เราอยู่เป็นเป็นยัยบีกันดีกว่าค่ะ น้องเอ๋ยไม่ไปหัดขับรถแล้วก็ได้ เอาไว้วันหลังดีกว่า" อัญญารินทร์เอ่ยเป็นเชิงขอร้อง
"แล้วแต่น้องเอ๋ยเลย อายังไงก็ได้อยู่แล้ว ใช่มั๊ยนายนัท" ปกรณ์โบ่ยไปให้เพื่อนรักแล้วกระพริบตาข้างเดียวเป็นอันรู้ความใน
"อือ ว่าแต่เจ้าของบ้านว่าไงล่ะ" เปรมมนัสโบ่ยให้คนตัวบางอีกทีนัยน์ตาเป็นประกายระยิบระยับ
"งั้นเชิญทุกคนเข้าบ้านก่อนนะคะ บ้านอาจจะคับแคบหน่อยนะคะแต่จอดรถได้สองคันแน่นอนค่ะ" กานต์ธิดาเอ่ยยิ้ม ๆ
จากนั้นสองหนุ่มทำหน้าที่เป็นพลขับเพื่อนำรถยนต์คันหรูเข้าจอดภายในบ้านอย่างเป็นระเบียบ
ด้านกานต์ธิดาทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดีหาน้ำท่าและของว่ามาให้แขก ส่วนเปรมมนัสเลือกที่จะสั่งอาหารผ่านทางแอพพลิเคชั่น เขากดโทรศัพท์สั่งอาหารบริการถึงบ้านสำหรับทุกคน
รอสักพักใหญ่เขาก็ได้ยินเสียงแตรรถจักรยานยนต์ดังขึ้นและเสียงร้องเรียกจากพนักงานส่งอาหารถึงบ้านตามมา
ปี๊น ๆ อาหารมาส่งแล้วคร้าบ (เสียงจากพนักงานส่งอาหารร้องเรียกมาจากหน้าบ้าน เปรมมนัสจึงออกไปรับอาหารแล้วถือเข้ามาในบ้าน
"กินมื้อเย็นกันดีกว่านะ" เปรมมนัสเอ่ยยิ้ม ๆ
"เอ่อ งั้นเชิญที่โต๊ะอาหารในครัวดีกว่าค่ะ" กานต์ธิดาเอ่ยอย่างไม่มีทางเลือกเพราะอาหารที่อยู่ในมือเต็มมือสองไม้สองมือของอาของเพื่อนสาวของเธอแล้ว
"นำไปซิ" เปรมมนัสเอ่ยขึ้น
"เดี๋ยวเราช่วยจัดอาหารด้วยดีกว่า" อัญญารินทร์เสนอตัวช่วยเพื่อนสาวอย่างกระตือรือร้น
"ขอบใจจ้า/เอ่อ เชิญคุณอาไปนั่งรอข้างนอกก่อนก็ได้ค่ะ เสร็จแล้วเดี๋ยวหนูไปตาม" กานต์ธิดาหันไปขอบใจเพื่อนสาวและบอกคนตัวโตอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
"มือเปื้อนอาหารน่ะ อยากล้างมือ พาไปล้างมือหน่อยซิ" เปรมมนัสเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกมือให้อีกคนดู
"อ้อ เชิญทางนี้ค่ะ" กานต์ธิดาเดินนำหน้าคนตัวโตไปยังอ่างล้างมือที่ใกล้ที่สุด
ด้านคนที่อยากล้างมือก็ล้างมือไปและแอบสังเกตบ้านช่องของสาวเจ้าไปด้วย
"ไม่มีกระดาษเช็ดมือเหรอ" เปรมมนัสเอ่ยถามขึ้นในขณะที่คนตัวเล็กกำลังจะเดินออกไปที่โต๊ะอาหาร
"ออ เดี๋ยวหาให้ค่ะ" จากนั้นกานต์ธิดาเดินไปหยิบกระดาษชำระสำหรับเช็ดมือมาส่งให้คนตัวโต
"แกะให้หน่อยซิ มือผมเปียก เดี๋ยวกระดาษจะเปียกน้ำหมด" เปรมมนัสเอ่ยยิ้ม ๆ แอบสังเกตเห็นคนตัวบางเริ่มชักสีหน้าและถอนหายใจบ้างแล้ว แต่เอ๊ะทำไมเขาถึงนึกสนุกอยากแกล้งคนตัวบางไปเรื่อย ๆ อย่างนี้นะ ชายหนุ่มได้แต่คิดในใจ หลังจากเช็ดมือเสร็จเปรมมนัสจึงตามมาสมทบที่โต๊ะอาหารซึ่งหญิงสาวทั้งสองได้ช่วยกันจัดโต๊ะเรียบร้อยแล้ว และทุกคนนั่งประจำที่กันหมดแล้ว เขาจึงหย่อนก้นลงที่เก้าอี้ข้าง ๆ คนตัวบาง {หึหึ รู้ใจจริง ๆ นะไอ้หมอกี} เปรมมนัสนึกขอบคุณเพื่อนรักในใจและหันไปสบตากับเพื่อนรักเพียงครู่ จากนั้นเขาก็ลงมือรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย เขารู้สึกว่าเป็นการรับประทานอาหารที่มีความสุขที่สุดในรอบหลาย ๆ เดือนที่ผ่านมาเลยทีเดียว
หลังจากทั้งสี่คนรับประทานอาหารกันจนอิ่มแล้ว สองสาวทำหน้าที่เก็บจานชามล้าง และสองหนุ่มเสนอตัวเก็บเช็ดทำความสะอาดโต๊ะอาหาร แต่ทันใดนั้น
เพล้ง!! (เสียงจานกระเบื้องที่หล่นแตกจนมีเศษเล็ก ๆ กระเด็นกระดอนไปทั่วบริเวณ)
อุ๊ย!! เสียงพึมพำจากคนตัวบางที่บังเอิญไปเหยียบเศษกระเบื้องพอดี
"เหยียบกระเบื้องใช่มั๊ยนั่น มานี่ ถอยออกมา/น้องเอ๋ยเราก็ระวังด้วย" เป็นเปรมมนัสที่เอ่ยขึ้นพร้อมกับจูงมือคนตัวบางออกมา
"เดี๋ยวฉั๊นกวาดเอง นายไปดูแผลให้น้องบีเถอะ" เป็นปกรณ์ที่เอ่ยขึ้นพร้อมกับหยิบไม้กวาดพร้อมกับเต้าตักขยะมาปัดกวาดอย่างคล่องแคล่ว
ด้านเปรมมนัสที่จับคนตัวเล็กให้นั่งที่เก้าอี้ส่วนตัวเองนั่งคุกเข่ากับพื้นเพื่อพิจารณาแผลว่ามีเศษกระเบื้องฝังอยู่ในแผลหรือไม่เขาเปิดโหมดไฟฉายในมือถือแล้วใช้มือเปิดปากแผลดูให้แน่ชัด
"โอ๊ะ..." กานต์ธิดาร้องเบา ๆ เพราะรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา
"เจ็บนิดนึงนะ ไม่มีเศษกระเบื้องฝังอยู่หรอก ไม่ลึกมาก ที่บ้านมีกล่องยามั๊ย" เปรมมนัสเอ่ยพึมพำเบา ๆ แล้วเอ่ยถามคนตัวบางในขณะที่ตาก็ยังเพ่งมองที่บาดแผลที่เท้าของคนตัวบางอยู่