ท่าทางการแสดงออกของนางเอกของนิยายตกอยู่ในสายตาของทิชาทั้งหมด นั่นทำให้หญิงสาวเริ่มคิดได้ว่า ดอกบัวขาวของเรื่องดอกนี้ แท้จริงแล้วคงจะไม่ได้ใสสะอาดอย่างที่คิดเลย
“แม่รีบไปเถอะค่ะ เดี๋ยวลูกอยู่เป็นเพื่อนน้องเอง”
เฉินเหว่ยหรานเอ่ยเร่งมารดาและอาสาอยู่เป็นเพื่อนน้องสาวเองอย่างมีน้ำใจ
“แม่ฝากน้องด้วยนะหรานหราน” ซ่านซีเจินได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้าเบาๆ และกล่าวทิ้งท้าย ก่อนจะเดินออกไปจากห้องทันที
หลังคล้อยหลังของมารดา ผู้เป็นพี่สาวอย่างเฉินเหว่ยหรานก็หันหาน้องสาวด้วยสีหน้าและท่าทางอ่อนโยน แต่ทิชาที่เห็นการแสดงออกที่แท้จริงของเธอไปแล้ว จึงรู้สึกว่าสิ่งที่คนตรงหน้า กำลังทำนั้นเป็นเพียงการสวมหน้ากากแสร้งปั้นหน้าเป็นคนดี ต่อ ผู้เป็นน้องสาวและคนอื่นๆ เท่านั้น
“เยว่เยว่ เธอไม่จำเป็นต้องอดทนหรอกนะ ถ้าเธอโมโหก็ระบายมันออกมาใส่พี่ได้เลย” เฉินเหว่ยหรานพูดขึ้นเหมือนเข้าอกเข้าใจน้องสาวและเธอยินดีที่จะเป็นที่รองรับอารมณ์ร้ายกาจของน้องสาวอย่างเต็มใจ
“ดูท่าเธอจะอยากให้ฉันอาละวาดใส่เธอเสียจริง ๆ เลยนะ ถ้าให้เดา เธอคงอยากให้ฉันโมโหตบตีเธอ แล้วรอคนอื่นเข้ามาเห็นความร้ายกาจของฉัน และเห็นความน่าสงสารของเธอใช่ไหมล่ะ”
ทิชาถามออกไปตรง ๆ และมองหน้าคนที่เป็นพี่สาวอย่างไม่หลบสายตา อยากให้ร้ายก็จะร้ายให้ดู แต่เป็นความร้ายกาจแบบมีสมองนะ
เมื่อเฉินเหว่ยหรานได้ยินคำถามที่ออกมาจากปากน้องสาว ดวงตากลมคู่สวยก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนที่เธอจะรีบปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นเช่นเดิมอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเอ่ยขึ้นทันที
“ไม่ใช่แบบนั้นนะ เธอเข้าใจเจตนาพี่ผิดแล้วเยว่เยว่ พี่ก็แค่ไม่อยากให้เธอเก็บความโกรธเอาไว้ เดี๋ยวนะพาลล้มป่วยเอาน่ะ” เธอพยายามแก้ตัว ทั้งที่มันฟังไม่ขึ้นเลยในสายตาของหญิงสาว ยุคปัจจุบันอย่างทิชา
“อ้อออ...” ทิชาทำเป็นเข้าใจด้วยการพูดลากเสียงยาวๆ
“เยว่เยว่ เรื่องที่เกิดขึ้น พี่พยายามอธิบายให้พี่จิ้งเทาฟังแล้วนะว่ามันไม่ใช่ความผิดของเธอ แต่ดูเหมือนว่าพี่จิ้งเทาจะไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไร พี่ต้องขอโทษด้วยนะที่พี่พูดให้พี่จิ้งเทาเชื่อไม่ได้” เฉินเหว่ยหรานเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ที่ยังดูเหมือนจะเสแสร้งไม่น้อย
“แล้วยังไงต่อ” ทิชาย้อนถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เพราะรู้ดีว่าคนตรงหน้าไม่มีทางพูดด้วยความหวังดีกับเจ้าของ ร่างนี้ อย่างที่กำลังบอกแน่นอน เธออยากรู้ว่าคนคนนี้จะเสแสร้งไปถึงไหน บางทีการแกล้งโง่เพื่อดูความโง่ของคนอื่นอาจจะได้รู้อะไรมากขึ้นก็เป็นได้
“เธอจะไม่ร้อนใจหน่อยเหรอ” เฉินเหว่ยหรานขมวดคิ้วถามอย่างแปลกใจ ปกติแล้วน้องสาวคนนี้จะไม่อยู่เฉย ๆ แบบนี้แน่นอน
“ไม่ล่ะ เธอออกไปได้แล้ว ฉันปวดหัว อยากนอนพัก ไม่ต้องทนอยู่เป็นเพื่อนหรอก ” พูดจบทิชาก็นอนหันหลังให้นางเอกของเรื่องทันที
เฉินเหว่ยหรานเห็นว่า ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่อาจยั่วยุอารมณ์ของเฉินหว่านเยว่ขึ้นมาได้เลย จึงจำใจต้องถอยร่นไปก่อน เพื่อรอโอกาสครั้งใหม่
ทิชาที่แกล้งนอนหลับค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา หลังทั้งห้องเหลือแต่เพียงเธอคนเดียว หญิงสาวเริ่มคิดทบทวนเนื้อเรื่องในนิยายที่เกี่ยวข้องกับนางร้ายอย่างเฉินหว่านเยว่ เธอจำได้ว่าหลังจากนี้ครอบครัวของเหวินจิ้งเทาจะต้องมาขอถอนหมั้น แล้วหลังจากนั้นนายพลเฉินก็จะบังคับให้เจ้าของร่างนี้แต่งงานกับชายคนที่เธอ มีสัมพันธ์ด้วยอย่างไม่ได้ตั้งใจในคืนนี้ ฟังดูแล้วเหมือนปัญหา ทุกอย่างจะคลี่คลายลงด้วยดี แต่ไม่ใช่เลย
แม้จะแต่งงานกับคนอื่นไปแล้ว แต่นางร้ายของเรื่องก็ยังคงปักใจอยู่แต่กับพระเอกในนิยาย เธอกระทำการเลยเถิดจนทำให้ชีวิตของตัวเองพังย่อยยับไม่มีชิ้นดี
ทิชาไม่อยากมีจุดจบอย่างเจ้าของร่างนี้ เธอจึงจะต้องเลือกเส้นทางเดินให้แก่ตัวเอง โดยตั้งใจจะหนีให้ห่างไปตัวละครหลักทั้งหมดของเรื่อง นางร้ายอะไร เธอไม่เป็นมันทั้งนั้นแหละ พระเอกนิยายเธอก็ไม่สนใจ ให้ทั้งพระเอกนางเอกอยู่ด้วยกันเหมือนผีเน่ากับโลงศพผุๆ เถอะ
หลังจากเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในคืนนั้น บรรยากาศในตระกูลเฉินก็ดูอึมครึมลงอย่างเห็นได้ชัด มารดาของเฉินหว่านเยว่มีสีหน้าที่ย่ำแย่จนน่าสงสาร เพราะเมื่อวานนี้หลังจากไปพูดคุยกับตระกูล เหวิน ทางนั้นบอกว่าให้ตายอย่างไรก็ต้องการที่จะขอถอนหมั้นกับบุตรสาวคนเล็กของตระกูลเฉินให้ได้
“ถอนก็ถอนสิคะ” ทิชาในร่างของเฉินหว่านเยว่ยินยอมถอนหมั้นแต่โดยดี เพราะเธอรู้ว่าการที่ยังมีสัมพันธ์กับพระเอกในนิยายยิ่งจะทำให้ชีวิตเธอดิ่งลงเหว
“ลูกแม่ ไม่ต้องคิดมาก แม่จะไปพูดคุยกับทางนั้นให้อีกรอบ” ซ่านซีเจินรีบปลอบใจบุตรสาวเพราะคิดว่าเธอพูดออกมาด้วยอารมณ์โกรธ
“ไม่ต้องค่ะแม่ ฉันอยากถอนหมั้นกับเหวินจิ้งเทาจริง ๆ” ทิชายืนยันกับมารดาเสียงแข็งว่าเธอต้องการถอนหมั้นจริงๆ
ไม่เพียงแต่ยืนยันกับมารดาเท่านั้น ในบ่ายวันเดียวกัน คู่หมั้นที่กำลังจะกลายเป็นอดีตคู่หมั้นก็มาหาเธอถึงที่บ้านเพื่อพูดคุยกับเธอเรื่องนี้
“เยว่เยว่ พี่เชื่อเธอนะ ที่ทุกอย่างกลายเป็นแบบนั้น มันไม่ใช่ความผิดของเธอ ไม่ต้องโทษตัวเอง” เหวินจิ้งเทาพูดกับคู่หมั้นเหมือนเขาเห็นอกเห็นใจเธอและเชื่อใจเธออยู่เต็มเปี่ยม
ทิชามองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาเรียบนิ่ง เขามีใบหน้าที่ขาวสะอาด ดูอ่อนโยน เหมาะสมกับคำว่าพระเอกนิยายทุกประการ แต่รูปลักษณ์ของเขากับไม่ตรงใจเธอเลยสักนิด หากให้เปรียบเทียบ ผู้ชายที่อยู่บนเตียงกับเธอคืนนั้นยังตรงสเปคของเธอมากกว่าคนตรงหน้านี้เสียอีก
“แต่พ่อกับแม่ของพี่ พวกเขาอย่างไรก็ยอมรับในเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ พวกเขาบังคับให้พี่ถอนหมั้นเยว่เยว่ พี่ก็ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว” เหวินจิ้งเทาพูดขึ้นอีกครั้งเมื่อไม่เห็นหญิงสาวเอ่ยอะไรออกมา
อยากจะหัวเราะกับคำพูดที่ฟังดูดีของอีกฝ่ายจนตัวงอ ‘ทั้งที่ตัวเองก็อยากจะถอนหมั้นอยู่ก่อนแล้วแท้ ๆ แต่ยังมาทำเป็นพูดให้ตัวเองดูเป็นคนดีอยู่ได้เสแสร้งไม่ต่างกันทั้งพระเอกนางเอกเลยให้ตายเถอะ’ หญิงสาวคิดในใจอย่างสมเพชคนตรงหน้า แต่ก็ระงับความรู้สึกไว้แล้วพูดขึ้นมาว่า
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ฉันยินดีถอนหมั้นให้ คุณไปบอกพ่อแม่ให้สบายใจได้เลย ว่าตระกูลเหวินจะไม่มีฉันไปเป็นสะใภ้แน่นอน ขอตัวนะคะ” เมื่อพูดจบหญิงสาวก็หันกายเดินจากมาทันที เธอ ไม่อยากจะสนทนากับคนตรงหน้าให้เปลืองน้ำลายต่อแม้แต่ประโยคเดียว
ท่าทางที่ดูไม่แยแสและไม่เสียใจของเฉินหว่านเยว่ สร้างความตกตะลึงให้แก่เหวินจิ้งเทา รวมถึงเฉินเหว่ยหรานที่แอบฟังอยู่เป็นอย่างมาก ทั้งคู่ได้แต่นึกสงสัยว่าเพราะอะไร หญิงสาวถึงได้เปลี่ยนไปจนเหมือนคนละคนขนาดนี้ จากที่เคยเรียกเหวินจิ้งเทาว่า ‘พี่จิ้งเทา’ อย่างสนิทสนมก็เป็นเรียกว่า ‘คุณ’ อย่างห่างเหิน
หลังเฉินหว่านเยว่ยินยอมถอนหมั้นแต่โดยดี เนื้อเรื่องในตอนต่อไปของนิยายก็ปรากฏ เมื่อนายพลเฉินต้องการให้บุตรสาวคนเล็กแต่งงานกับทหารใต้บังคับบัญชา คนที่เธอได้มีความสัมพันธ์ด้วยในคืนนั้น เพื่อรักษาหน้าและหยุดคำนินทาของคนที่เข้ามาเห็นเหตุการณ์
ทิชาที่พอรู้ว่าเนื้อเรื่องจะเป็นเช่นนี้อยู่ก่อนแล้ว จึงไม่ค่อยตื่นตกใจสักเท่าไร ต่างจากผู้เป็นมารดาที่ไม่พอใจต่อการตัดสินใจของสามีเลยแม้แต่น้อย
“แม่ไม่ยอม ลูกสาวที่แม่เลี้ยงมาเป็นอย่างดี จะปล่อยให้ไปแต่งงานกับทหารชั้นผู้น้อยที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าได้อย่างไรกัน” ซ่านซีเจินพูดกับลูกสาวอย่างไม่พอใจ
“แม่ ฉันไม่อยากแต่งงานค่ะ แม่ต้องช่วยฉันนะคะ” ทิชาในร่างของเฉินหว่านเยว่เกาะแขนซ่านซีเจินไว้อย่างให้นางออกหน้าให้ หัวเด็ดตีนขาดอย่างไร เธอก็จะไม่ให้เรื่องดำเนินไปตามที่นิยายเขียนไว้แน่นอน
“แม่ก็ไม่ต้องการให้ลูกแต่งกับคนแบบนั้นเหมือนกัน เดี๋ยวแม่จะลองไปคุยกับพ่อของลูกดูอีกสักครั้งก็แล้วกัน” ซ่านซีเจินบอกกับบุตรสาวด้วยสีหน้าที่มีความกังวลอยู่เต็มเปี่ยม
“คุยไปก็เปล่าประโยชน์ค่ะ พ่อไม่มีทางเปลี่ยนใจแน่ ๆ แต่ฉันมีแผนอยู่แผนหนึ่ง ไม่รู้ว่าแม่จะเห็นด้วยไหม” ทิชาที่ตอนนี้ต้องยอมรับอย่างไม่เต็มใจนักว่าต่อไปนี้เธอคือเฉินหว่านเยว่ก็เอ่ยขึ้นกับมารดาเบาๆ
“ลูกลองว่ามาก่อน” ซ่านซีเจินมองหน้าลูกสาวอย่างแปลกใจและถามขึ้นมา
“ฉันต้องการที่จะหนีงานแต่งงานค่ะ” หญิงสาวบอกกับซ่านซีเจินมารดาของร่างนี้อย่างแน่วแน่ ทั้งสายตาและน้ำเสียงที่ส่งไปยังอีกคนบ่งบอกว่าเธอต้องการจะทำอย่างนั้นจริงๆ
ต่อให้เนื้อเรื่องในนิยายจะผิดเพี้ยนไปอย่างไรก็ตาม เธอก็จะไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เธอจะไม่มีวันยอมตาย เพราะฝีมือของพี่สาวและคู่หมั้นหรอกนะ และเธอก็ไม่คิดที่จะเอาชีวิตตัวเองผูกมัดกับผู้ชายแปลกหน้าที่บังเอิญไปมีความสัมพันธ์ทางกายเพียงครั้งเดียวอย่างไม่ตั้งใจอีกด้วย
ต่อไปเธอจะเป็นเฉินหว่านเยว่ ที่เป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของตัวเอง ใครจะเป็นพระเอก นางเอก ตัวประกอบหรืออะไรก็เป็นไป แต่เธอจะไม่มีทางเป็นนางร้ายที่เปรียบเสมือนผ้าปูทางให้แก่คนสองคนได้เดินเหยียบย้ำเพื่อไปให้ถึงฝั่งฝันได้อีกต่อไปแล้ว