ตอนที่ 2 หึงหวง2

1263 Words
หญิงสาวปัดมือของเกาหมิงออก พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานตามวิสัย เพียงแต่ประโยควาจากลับไม่ใช่ “เรื่องของท่านกับจิ่วเม่ยไม่เกี่ยวข้องกับข้า พวกท่านบังเอิญเจอกันหรือไม่ ไยข้าต้องใส่ใจ” เกาหมิงขมวดคิ้วเครียด แววตาเผยความผิดหวัง เหตุใดวันนี้สตรีแสนดีจึงเผยท่าทีพยศยิ่งนัก ทว่า...ภาพของสตรีจืดชืดพลันมลาย ยามนี้เกาหมิงคล้ายค้นพบหลินซูซินที่น่าสนใจ นางเหมือนมีเสน่ห์ดึงดูดน่าค้นหาขึ้นมา เดิมทีเขามักเปรียบเทียบนางกับจางจิ่วเม่ยที่น่ารักบ่อยๆ จางจิ่วเม่ยเป็นแม่นางน้อยที่ซุกซนเอาแต่ใจและสดใสร่าเริง นางมีท่าทางน่ารักน่าชังตลอดเวลา ทำให้คนเคร่งครัดในจริยาพูดคุยด้วยแล้วรู้สึกชีวิตมีสีสันขึ้นถนัดตาไม่น่าเบื่อเหมือนที่ผ่านมา บางครานางยังดื้อรั้นน่าตีอย่างยิ่ง เขายังเผลอบีบปลายคางนางอย่างเข่นเขี้ยวไปหลายที เกาหมิงรู้สึกกับจางจิ่วเม่ยเช่นนี้เมื่อใดมิอาจทราบ กระทั่งสำนึกรู้ตัวแล้วเขาก็รีบขจัดความคิดไม่บังควรออกไป ในเมื่อตัวเขามีว่าที่ภรรยาเป็นสตรีตรงหน้า หญิงอื่นมีหรือควรอยู่ในใจ ดูทีว่าวันนี้หลินซูซินจะมองออกว่าในใจเขาแอบไม่สัตย์ซื่อ เขาควรระวังตัวเอาไว้ พึงควบคุมสำรวมกิริยาวาจาใจเพิ่มมากขึ้น “เจ้าพูดสิ่งใดออกมารู้ตัวหรือไม่?” น้ำเสียงสุภาพถามขึ้นอย่างเคร่งเครียด แววตาของเขาเคร่งครัดจริงจัง เกาหมิงตำหนิหลินซูซิน หมายกลบเกลื่อนเรื่องที่นางอาจจะกำลังแคลงใจ หลินซูซินมีหรือจะดูไม่ออก นางย่อมรู้ตัว เพียงแต่เขาไม่ใช่แค่รู้ตัวกระมัง ยังร้อนตัวอีกด้วย กำลังเอ่ยปากถกเถียงให้สาแก่ใจอีกสักหลายประโยค นางพลันเห็นจางจิ่วเม่ยตีหน้าเศร้าดวงเนตรเคล้าน้ำตาเดินเข้ามา ท่าทางชวนถนอมน่าสงสารจับใจเช่นนี้คือตัวเอกในนิทานชัดๆ หลินซูซินถอนหายใจ นางไม่อยากเป็นอุปสรรคขวากหนามขวางทางรักระหว่างเกาหมิงกับจางจิ่วเม่ยอีกแล้ว หากนางยังพูดมากคิดถากถางเขา มิเท่ากับว่านางหึงหวงคิดช่วงชิงเขากับจางจิ่วเม่ยหรอกหรือ และหากนางยิ่งทำสิ่งใดให้เขาตาสว่างมองเห็นการกระทำอันผิดพลาดไม่เหมาะไม่ควรของตัวเองอย่างแจ่มชัดในเวลานี้ บุรุษแสนดียึดถือจารีตจะไม่รีบกลับตัวกลับใจหันมามุ่งมั่นกับนางอย่างแน่วแน่มิสั่นคลอนมากยิ่งขึ้นหรอกหรือไร หลินซูซินคิดในใจอย่างปลดปลง แน่นอนว่าคนเช่นนางแค้นเคืองใครไม่เป็น และก็เป็นอย่างที่เห็น นางไม่อยากซ้ำรอยเดิม หากเกาหมิงไปได้ดีกับจางจิ่วเม่ยเร็ววัน ย่อมดีกับนางและทุกฝ่าย หญิงสาวกำลังจะเอ่ยปากอัญเชิญให้เกาหมิงกับจางจิ่วเม่ยไปรักกันไกลๆ เสียงเย็นเยียบพลันดังอยู่เหนือศีรษะ “ปล่อยให้บุรุษสูงส่งเช่นข้ารออยู่เป็นนาน กินอาหารหมดไปหลายจานแล้ว ไหนล่ะขนม?” ย่อมเป็นนายน้อยผู้หยิ่งทะนงและเอาแต่ใจ จ้าวเฟิงฉี หลินซูซินเหลือบตามองจึงเห็นสีหน้าราบเรียบและเย่อหยิ่งพร้อมร่างสูงโปร่งงามสง่าของเขา เหตุใดไม่อ้วนเหมือนตอนเป็นเด็กกันนะ? นอกจากไม่อ้วนเหมือนก่อนแล้วยังตัวสูงมาก อายุแค่เพียงสิบแปดปีแต่สูงกว่าเกาหมิงที่อายุยี่สิบสามปีเสียอีก หญิงสาวได้แต่แปลกใจ ขณะหันไปยิ้มแย้มอ่อนโยน “นายน้อย ซินเอ๋อร์กำลังจะขึ้นไปเดี๋ยวนี้แล้วเจ้าค่ะ พอดีเจอคนรู้จักก็เลยทักทายกันเล็กน้อย ไม่มีอันใดสำคัญกว่าท่านเจ้าค่ะ” วาจานั้นทำจ้าวเฟิงฉีกับเกาหมิงหันมองหลินซูซินพร้อมกัน ซินเอ๋อร์หรือ?ไม่มีอันใดสำคัญกว่าเขาด้วย! สรรพนามน่าฟัง วาจาหวานล้ำเช่นนี้ เคยมีที่ใด จ้าวเฟิงฉียิ้มเย็นในใจ นางเอาเขาเป็นเครื่องมือจริงเสียด้วย และเพื่อมิให้เสียทีที่ได้เหยียบย่ำเกาหมิงหน้าขาวให้สะใจ วงแขนแข็งแรงที่มีกล้ามเนื้อหนั่นแน่นของจ้าวเฟิงฉีพลันตวัดโอบไหล่บางของหลินซูซินอย่างสนิทสนมเกินฐานะเจ้านายหนุ่มน้อยกับบริวารดรุณีคนงาม “ต่อไปซินเอ๋อร์จะได้ไปประจำห้องครัวบนหุบเขาผนึกมารติดตามใกล้ชิดข้าทุกฝีก้าวแล้ว ทักทายคนรู้จักสักหน่อยก็ดี ต่อไปหากไม่เจอหน้าจะได้ไม่คิดถึงกันมากเกินไป ป่ะ ทักทายคนรู้จักเสร็จแล้วก็ขึ้นไปกับข้าเถอะ!” เกาหมิงได้ยินพลันชะงัก ส่วนหลินซูซินกะพริบตาปริบๆ นางรับปากเขาเมื่อใด? ใช่แล้ว ตั้งแต่ถูกเขาก่อกวนด้วยสั่งรายการอาหารทำยาก คล้ายกลั่นแกล้งกันให้นางต้องร่ำไห้ช้ำใจเพราะทำให้เขามิได้นั่น ล้วนเป็นเพระวัตถุดิบอยู่ที่หุบเขาผนึกมาร และเขาก็ไม่อนุญาตให้นางทำให้กินที่นี่ นางต้องตามไปทำให้เขากินบนหุบเขาเท่านั้น “ด่ะ เดี๋ยวๆ นายน้อย ข้าไม่...” “หุบปาก!” พวกเขากระซิบกระซาบดุดันได้ยินกันแค่สองคน จ้าวเฟิงฉีเอาแต่ใจเกินไปแล้วจริงๆ ป่าเถื่อนเป็นที่สุด หลินซูซินได้แต่ร่ำร้องในใจเช่นนั้นอย่างทำอันใดมิได้ จึงเพียงเดินตามการจับลากของจ้าวเฟิงฉีขึ้นบันไดไป เกาหมิงได้แต่ประสานหมัดคารวะบุตรชายชินอ๋องค้างกลางอากาศอย่างทำอันใดมิได้เช่นกัน จังหวะนั้นเสียงเล็กใสพลันดังอยู่ข้างหู “ท่านพี่หมิง” เป็นเสียงของจางจิ่วเม่ยนั่นเอง นางตัดพ้ออย่างขลาดเขลา “เหตุใดพี่ซูซินถึงทำกับท่านเช่นนี้เล่าเจ้าคะ ช่างไม่รักษากิริยาเอาเสียเลย” การตำหนิอย่างไร้เดียงสาเช่นนี้ช่างแลดูน่ารักรู้ความยิ่งนัก ทว่าเกาหมิงเพียงสะบัดแขนเสื้อเสียงดังพึ่บ สีหน้าสุภาพบึ้งตึง “น้องจิ่วเม่ยสมควรกลับบ้านได้แล้วกระมัง เป็นแค่เด็กสาวไม่ควรเดินเตร็ดเตร่ข้างนอกนานนัก” สาวน้อยพลันแย้มยิ้ม “ท่านพี่หมิงจะไปส่งหรือไม่?” ชายหนุ่มยังคงรักษาท่าทีสุภาพชน เพียรพยายามกดข่มอารมณ์หึงหวงที่ยากจะขจัดให้สิ้นไปจากใจ แม้ภาพสนิทสนมระหว่างจ้าวเฟิงฉีกับหลินซูซินยังคงติดตาก็ตามที “ไม่ส่งล่ะ ลาก่อน” เขาไม่ควรเอ็นดูจางจิ่วเม่ยมากเกินไปเลย ถูกหลินซูซินโกรธเข้าให้แล้ว สตรีก็เป็นอย่างนี้ ยามที่เขาทำดีกับนางนั่นล้วนสมควร ทว่าพอพลั้งเผลอทำพลาดให้แคลงใจจนสงสัยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นางกลับพยศดื้อรั้นและพร้อมโบยบินตีตัวออกห่างจากไปแสนไกล ทว่าเกาหมิงไม่มีวันปล่อยสตรีแสนดีอย่างหลินซูซินไป ชายหนุ่มคิดเช่นนั้นด้วยใจมุ่งมั่นขณะผละจากจางจิ่วเม่ยด้วยท่าทางคล้ายก่อกำแพงสูงพันจั้งระมัดระวังในความสัมพันธ์ คล้อยหลังเกาหมิง จางจิ่วเม่ยยืนมองแผ่นหลังสง่านิ่งๆ ดวงตาปริ่มน้ำตาน่าสงสาร สาวน้อยเพียรกลั้นน้ำตามิให้ไหลลงมา ท่าทางชวนเวทนาไม่สร่างซา เหตุใดความรักของนาง ช่างมีอุปสรรคยิ่งใหญ่เหลือเกิน ไฉนพี่หลินซูซินไม่ตายๆ ไปเสีย!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD