ตอนที่ 10
หนึ่งเดือนต่อมา
“เรื่องแม่ฉันเสียใจด้วยนะเพื่อน อย่าร้องไห้เลย คนเราก็มีแค่นี้แหละ ไม่ช้าก็เร็ว” แทนคุณปลอบเพื่อนสาวที่กำลังเศร้าหลังจากนำกระดูกของมารดาไปลอยอังคาร
“ชีวิตนี้ฉันก็เหลือแค่แม่คนเดียว” มุกสลิลพูดขึ้นขณะยืนมองไปยังสายน้ำที่ไหลไปเรื่อย ๆ ไม่มีวันย้อนกลับ เธอได้ข้อคิดหลาย ๆ อย่าง
“อย่าคิดอย่างนั้นสิมุก แกยังมีฉันอยู่ทั้งคนนะ ยังไง ๆ ฉันก็ไม่ทิ้งแกหรอก” แทนคุณตบไหล่เพื่อนเบา ๆ
“ฮื้อ ๆ ๆ” แล้วอยู่ ๆ มุกสลิลก็ร้องไห้ขึ้นมา แทนคุณจึงดึงร่างของเพื่อนสาวเข้ามากอดปลอบใจ จนวรภพที่กำลังจะกลับผ่านมาเห็นแล้วรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมา เมื่อทั้งสองปลอบกันเสร็จก็เดินขึ้นจากท่าน้ำมายังด้านบน มุกสลิลเห็นวรภพยืนอยู่ เธอจึงเดินเข้าไปคุยและบอกให้แทนคุณกลับไปก่อน เดี๋ยวเธอจะรีบตามไป
เงินประกันของมารดามุกสลิลได้มาส่วนหนึ่ง เธอจึงขอเก็บเอาไว้เป็นทุนการศึกษาจนกว่าจะจบปริญญาตรี แต่ถึงกระนั้นมุกสลิลก็เอ่ยถามพ่อเลี้ยงว่าต้องการเงินส่วนนั้นหรือเปล่า ซึ่งคำตอบที่ได้ก็ทำให้เธอซาบซึ้งอยู่ไม่น้อย
“มุกเก็บเอาไว้ใช้เถอะ อาทำงานแล้ว อาพอจะหาเลี้ยงตัวเองได้” สิ่งนี้สินะที่เธอยังพอรู้สึกว่าเขายังมีความดีหลงเหลืออยู่บ้าง
“แล้วสรุปหนูมุกจะอยู่หอกับเพื่อนจริง ๆ เหรอ” วรภพเอ่ยถาม
“ค่ะ” เด็กสาวตอบด้วยความหนักแน่น
“เพื่อนผู้หญิงหรือเพื่อนผู้ชายล่ะ”
“มุกพักอยู่กับยัยรสค่ะ” มุกสลิลไม่กล้าตอบว่าเป็นแทนคุณ เพราะวรภพพูดกรอกหูมาตลอดว่าเขาไม่น่าไว้ใจ เธอก็เลยบอกว่าเธอพักอยู่กับเพื่อนที่ชื่อรสรินทร์ ซึ่งรสรินทร์เองก็ช่วยโกหกให้กับเพื่อน เพราะช่วงที่แม่เธอป่วย มีแทนคุณและรสรินทร์ไปช่วยเธอขนของออกจากบ้านวรภพ
“ก็ดี อานึกว่าไปอยู่กับไอ้แทนคุณ ไอ้นั่นดูไม่น่าไว้ใจเลย..อาเป็นห่วงหนูมุกนะรู้มั้ย” เขาประคองไหล่เด็กสาวเอาไว้ ก่อนหน้านี้วรภพเคยตามไปเจอเธออยู่กับแทนคุณ และเดาว่าทั้งคู่ต้องเป็นแฟนกัน แต่ในเมื่อตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในความปกครองของเขาแล้ว วรภพจึงทำอะไรไม่ได้ นึก ๆ ไปเขาก็ยังรู้สึกเสียดายที่ปล่อยให้มุกสลิลรอดมาได้จากเหตุการณ์วันนั้น
“ขอบคุณค่ะ”
มุกสลิลกับแม่ได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านของพ่อเลี้ยงตั้งแต่มารดาของเธอเริ่มคบหากับวรภพใหม่ ๆ ในเมื่อแม่ของเธอไม่อยู่แล้วเธอจึงไม่คิดจะอยู่ที่บ้านของพ่อเลี้ยงอีกต่อไป
“ถ้าหนูมุกลำบากก็บอกอานะ อาพร้อมช่วยเหลือเสมอ” วรภพบอกกับเด็กสาวด้วยความจริงใจ แต่นั้นเป็นสิ่งที่มุกสลิลไม่คิดจะทำเด็ดขาด
“ค่ะ..ขอบคุณนะคะคุณอา”
“อาไปก่อนนะ มุกดูแลตัวเองดี ๆ ล่ะ ถ้าว่าง ๆ ก็ไปเที่ยวหาอาได้นะ”
“ค่ะ ที่ผ่านมา มุกต้องขอบคุณนะคะ ที่อาดูแลแม่กับมุกมาเป็นอย่างดีนะคะ” ถึงเธอไม่อยากจะพูดคำนี้ แม่เมื่อมันต้องจากลา เธอก็อยากจากลาด้วยดี ไม่มีอะไรต้องค้างคากันอีก
“ไม่เป็นไรหรอก” วรภพพูดสั้น ๆ แล้วเดินจากไป เด็กสาวมองตามหลังเขาไปจนลับ ก่อนจะโทรหาเพื่อนสนิท ที่คิดว่าเขาต้องยังคงไม่ไปไหน
“ไอ้แทน ฉันรู้นะ!!!..ว่าแกยังอยู่แถวนี้ รีบแสดงตัวออกมาถ้าไม่งั้นฉันโกรธ” มุกสลิลขู่คำนี้ตลอด แต่แทนคุณก็ยอมเธอทุกครั้ง
“เอ่อ ๆ แหม่!!. ก็ฉันกลัวอาภพฉุดแกขึ้นรถไปน่ะสิ” แทนคุณรีบเดินออกมาจากที่ซ่อนทั้งที่ยังคุยโทรศัพท์อยู่กับเพื่อนสาว
“ไอ้บ้าเอ๊ย!!.. กลางวันแสก ๆ เนี่ยนะ ใครมันจะไปกล้า” มุกสลิลเก็บโทรศัพท์ทันทีที่เห็นเพื่อน
“ก็ไม่รู้สิ คนเราเดี๋ยวนี้ไว้ใจยากจะตายไป รู้หน้าไม่รู้ใจแกเคยได้ยินปะหล่ะ” แทนคุณเดินมาจนถึงจุดที่เพื่อนยืนอยู่ ก่อนที่มุกสลิลจะเดินนำไปเพื่อกลับหอพัก
“เอ่อ รู้หน้าไม่รู้ใจ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าในใจของพี่ต้นเค้าคิดอะไรกับฉันกันแน่ เราคบกันมาสองปี แต่เค้าไม่เคยแม้แต่จะจับมือฉันเลยนะโว้ย”
“ก็เขาเป็นสุภาพบุรุษก็ดีแล้วนี่หว่า แกหาไม่ได้หรอกนะ ผู้ชายดี ๆ อย่างพี่ต้นน่ะ”
“ดีเกินไป ฉันก็กลัวนะโว้ย”
“ดีแล้วมันน่ากลัวตรงไหนวะ”
“ก็ตรงที่เค้าดีเนี่ยแหละ”
“แกนี่ยิ่งพูดยิ่งงงว่ะ..ไอ้มุก”
“ก็ฉันหมายถึงเค้าอาจจะไม่ใช่ผู้ชายน่ะสิ”
“เฮ่ย!..ไม่หรอกมั้ง”