"จิ๊บ จิ๊บ"
'หือใครมาเปิดทีวีเอาไว้ ทำไมมีเสียงนกร้องล่ะ แต่ทำไมอากาศร้อนจังแอร์เสียงั้นหรือ อือยังง่วงอยู่เลย แต่ก็รู้สึกหิวจัง'
นอนหลับตาคิดนู้นคิดนี้ไปเรื่อยเปื่อย แล้วอยู่ๆก็รู้สึกถึงพื้นที่นอนที่ไม่ให้ความรู้สึกคุ้นเคยของเตียงน้ำที่เคยนอนเลย แล้วที่มือสัมผัสนี่มันคืออะไรหยาบๆกลิ่นก็แปลกๆเธอจึงตัดสินใจลืมตาขึ้น
จากที่ต้องลืมตาเห็นเป็นเพดานสีขาว แต่ตอนนี้สิ่งที่เห็นคือต้นไม้? เลยออกไปเป็นท้องฟ้า? มีก้อนเฆมลอย? มีแสงอาทิตย์สว่างจ้า? มีนกบินผ่านไปด้วย? เธอได้แต่นอนมองด้วยความมึนงงอยู่อย่างนั้น จนได้ยินเสียงเหมือนลมพัด? ใบไม้ปลิว?
ใช่เธอได้ยินเสียงของลมพัดใบไม้แบบที่เคยได้ยินในทีวี มองเห็น ต้นไม้ ท้องฟ้า แสงแดด นกบิน และยังรู้สึกถึงสายลมที่มากระทบตัวอีกด้วย ทั้งหมดนั้นรับรู้ได้ด้วยตาและสัมผัสได้ด้วยตัวเอง เธอกลัวว่าทั้งหมดจะเป็นฝันไป จึงลองขยับมือและแขน ซึ่งมันขยับได้และดูเหมือนมันจะขยับได้ง่ายมากด้วย
ลองค่อยๆยกมือขึ้นมาดูเห็นเป็นแขนที่ดูสมบูรณ์ดีคู่หนึ่ง สีผิวก็ดูขาวเนียน ไม่ใช่ผิวกระดำกระด่างและผอมติดหนังกระดูกเหมือนเดิม เธอจึงวางมันลงและใช้มือลูบสัมผัสไปที่พื้นมันให้ความรู้สึกแปลกๆ มันคืออะไรเธอไม่มั่นใจจึงใช้มือดึงมันออกมา ซึ่งก็แทบไม่ต้องออกแรงมันก็หลุดติดมือขึ้นมา
เมื่อยกมันขึ้นมาดูมันมีสีเขียวคล้ายกับหญ้า? ใช่เธอมั่นใจว่ามันคือหญ้า ลองยกมันขึ้นมาดมเป็นกลิ่นที่ไม่คุ้นเคยแต่รู้สึกดีเหลือเกิน เธออยากมองดูรอบๆ จึงค่อยๆหันหัวเอียงไปด้านข้าง ซึ่งก็ต้องแปลกใจอีกครั้ง
เธอสามารถหันข้างได้อย่างง่ายดาย ไม่รู้สึกทรมานหรือเจ็บปวดเลย มันเป็นความรู้สึกดีที่ไม่คุ้นเคยแต่เป็นสิ่งที่อ้อนวอนขอมาตลอด
ตอนนี้ในสายตามองเห็นเป็นพื้นหญ้าสีเขียวสุดสายตาดูคล้ายภูเขา? ใช่มันคือภูเขาเธอจำได้เคยดูพวกมันมาไม่รู้กี่ร้อยกี่พันครั้ง ปราถนาอยากจะได้เห็นของจริงสักครั้ง มันเป็นทางลาดขึ้นเขามีต้นไม้ดอกไม้และต้นหญ้าสีเขียวไปทั่วทั้งพื้นที่ที่เธอมองเห็นตอนนี้ จึงลองหันมาอีกข้าง
ครั้งนี้สิ่งที่เห็นคือทางลาดลงและตรงพื้นนั้นดูเหมือนจะเห็นของอะไรสักอย่าง เกวียนวัว? เธอเคยเห็นตอนดูสารคดี ด้านล่างนั้นมีวัวอยู่สองตัวและมันก็ผูกติดกับเกวียนที่มีผ้าคลุมอยู่บนนั้น
เธออยากลุกไปดูพวกมันจึงลองขยับตัวซึ่งก็ขยับได้เธอดีใจมาก ลองขยับขาก็พบว่ามันขยับได้ จึงค่อยๆพยุงตัวเองขึ้นนั่งและก็ต้องตกใจที่สามารถทำมันได้เช่นกัน
เมื่อลุกขึ้นนั่งได้แล้วจึงก้มลงมองดูตัวเอง ตอนนี้เธอไม่ได้ใส่ชุดโรงพยาบาล แต่ชุดที่สวมอยู่เป็นเสื้อแบบป้ายหน้าแขนยาวมีเชือกผูกตรงเอว คล้ายๆที่เคยเห็นในซีรีย์จีนที่เคยดู ชุดมีสีฟ้าอ่อน รองเท้าก็เป็นรองเท้าแบบสวมน่าจะทำมาจากผ้าและลายปักดูงดงาม
พอลองขยับขาซึ่งมันก็ขยับได้จึงค่อยๆพยุงตัวขึ้นยืน แล้วก็ลองก้าวเท้าเดินเมื่อเห็นว่าเดินได้เธอดีใจมากคำอธิษฐานตลอด13ปีสัมฤทธิ์ผลแล้ว
ร่างกายที่เคยดูผอมแห้งมีแต่หนังหุ้มกระดูกแต่ตอนนี้กลับดูสมบูรณ์เหมือนคนปกติ ไม่แคระแกร็นอีกแล้ว ผิวพรรณดูขาวสวยแบบดาราที่เคยเห็นในซีรีย์ รูปร่างก็ดูปกติเหมือนคนทั่วไป เพียงแต่เธอไม่เห็นตนเองตอนนี้เลยไม่สามารถบอกได้ว่ารูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรและตอนนี้มีอายุเท่าไหร่
พอลองมองสำรวจพื้นที่รอบๆ ดูเหมือนที่ๆยืนอยู่จะเป็นตีนเขาลูกหนึ่ง จึงค่อยๆเดินลงไปที่เกวียนวัวนั้น เธอรับรู้ได้ถึงการตอบสนองต่างๆของร่างกาย มันไม่มีตรงไหนติดขัดหรือเจ็บปวดเลย แต่ก่อนที่จะเดินลงไปพอมองไปตรงตำแหน่งที่นอนอยู่เมื่อครู่ ก็เห็นมีของวางอยู่บนพื้น จึงเดินไปดูเห็นว่ามันคือกระเป๋าของขวัญของคุณยายซานที่ให้มาในวันเกิดนั้นเอง
เธอนั่งลงและเปิดกระเป๋าดูของข้างใน ของในกระเป๋าทุกอย่างยังอยู่เหมือนกับที่เห็นก่อนจะหลับไป
เธอไม่ถามหาสาเหตุหรืออะไรใดใดก็ตามที่ทำให้มาอยู่ที่นี่ ไม่สนใจด้วยว่ามันจะเป็นความจริงหรือความฝัน เพราะถึงแม้จะเพียงแค่ฝันเธอก็มีความสุขแล้ว ตลอดเวลาที่นอนป่วยไม่ใช่ว่าไม่เคยฝันแบบนี้ แต่ไม่มีครั้งไหนที่จะรู้สึกว่ามันเหมือนความจริงขนาดนี้
เธอลุกขึ้นยืนและหยิบกระเป๋ามาสะพายเอาไว้ แล้วค่อยๆเดินลงไปที่เกวียนวัวนั้น เมื่อเดินมาถึงจึงลองมองไปรอบๆ ไม่มีสิ่งใดหรือใครอยู่ในบริเวณนี้อีกเลย จึงค่อยๆปีนขึ้นเพื่อจะสำรวจของที่อยู่บนเกวียน เมื่อขึ้นมาอยู่บนเกวียนแล้วจึงเปิดผ้าที่คลุมเกวียนขึ้นดู
มันเป็นเกวียนขนาดไม่ใหญ่ มีแค่ห่อผ้าวางอยู่สองห่อและหีบไม้ใบใหญ่มากอีกสองใบแค่นั้น เธอหยิบห่อผ้ามาแกะดูพบว่าห่อหนึ่งเป็นพวกเสื้อผ้า อีกห่อเป็นพวกกล่องใส่เครื่องประดับและกระดาษที่เขียนด้วยน่าจะเป็นภาษาจีนแต่ที่แปลกคือเธออ่านออก
บนกระดาษเขียนไว้ว่า หลิวจิวเมิ่ง
แซ่หลิว ที่แปลว่าสายน้ำ
ชื่อจิวเมิ่ง โชคชะตาและความฝัน
บิดา หลิวอันชง
มารดา กุ้ยอิงอิง
เมืองหนิงเซียน
แคว้นเสวี่ยน
นอกจากกระดาษแผ่นนี้ยังมีป้ายไม้ที่เขียนชื่อ หลิวจิวเมิ่งไว้ด้านหนึ่ง และอีกด้านเขียน หนิงเซียนกับเสวี่ยน นี่คงเป็นป้ายประจำตัวที่เคยเห็นในซีรีย์เป็นแน่
และยังมีกระดาษที่ห่อป้ายไม้เอาไว้อีกสองอัน ซึ่งใบหนึ่งเขียนว่าหลิวจิวจื่อ อีกใบเขียนว่าหลิวจิวซื่อ
สามชื่อนี้คงเป็นพี่น้องกัน เพราะชื่อบิดามารดาชื่อเดียวกัน แต่ใครเป็นพี่เป็นน้องเธอก็ไม่รู้
เธอจึงเอาพวกของมีค่ามาใส่ไว้ในกระเป๋า ซึ่งก็ต้องแปลกใจลองเอาของใส่เพิ่มเข้าไปกระเป๋าก็ยังมีรูปทรงเหมือนเดิม จึงเอาของอย่างอื่นใส่เข้าไปอีกซึ่งมันก็ใส่ได้ทั้งหมด พอลองยกขึ้นมันก็ไม่ได้มีน้ำหนักมากขึ้นเลย แต่พอคิดไปคิดมานี่อาจจะเป็นแค่ความฝันเพราะฉะนั้นอะไรก็คงเกิดขึ้นได้
เธอหันไปมองหีบไม้ใบใหญ่ทั้งสองใบอย่างอยากรู้เห็นว่าที่ก้นหีบมีการเจาะรูเอาไว้หลายรูเหมือนทำการระบายอากาศ เลยตัดสินใจเปิดดูก็พบกับห่อผ้าอีกหลายห่อวางอยู่ จึงหยิบพวกมันออกมาวางไว้และก็เจอเป็นแผ่นไม้ที่มีห่วงจับ
จึงจับไปที่ห่วงนั้นแล้วดึงขึ้นเมื่อแผ่นไม้ยกขึ้นก็ต้องตกใจ มีร่างของเด็กคนหนึ่งนอนอยู่ที่ก้นหีบ เธอรีบยกไม้แผ่นนั้นออกแล้วเอามือไปแตะที่ร่างนั้นก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของร่างกาย เอามือไปใกล้บริเวณจมูกจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจจึงตัดสินใจเขย่าร่างเล็กนั้น
"น้อง น้องคะ น้อง" เธอเอ่ยเรียกและเขย่าเบาๆ โดยที่ไม่ได้สังเกตุถึงภาษาที่เอ่ยออกมาเลยสักนิด
ร่างนั้นเมื่อถูกปลุกก็ค่อยๆขยับ เธอจึงค่อยๆประคองร่างนั้นให้นั่งพิงข้างหีบไม้เอาไว้ ใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าที่ร่างนั้นจะตื่นดี
"พี่ใหญ่เราเดินทางถึงหรือยังขอรับ ข้าหิวมากเลย" เด็กน้อยที่ตื่นแล้วเอ่ยขึ้นทันที และมองไปรอบๆ จึงเห็นหีบไม้อีกใบที่วางอยู่คู่กัน
"พี่ใหญ่ ปลุกพี่รองทีขอรับ" เด็กน้อยรีบบอกแล้วชี้ไปที่หีบไม้อีกใบทันที เธอที่ไม่ทันได้ตกใจกับภาษาและสิ่งที่เด็กน้อยพูดก็รีบไปเปิดหีบอีกใบทันที
หีบใบนี้ก็เหมือนกับใบแรกมีห่อผ้าและหนังสือวางไว้ด้านบน และมีแผ่นไม้วางปิดเอาไว้ เธอรีบยกแผ่นไม้ขึ้นก็เห็นเป็นเด็กน้อยอีกคน ดูจากตัวก็พอๆกับเด็กคนแรก แต่เด็กคนนี้พอยกแผ่นไม้ออก ก็รู้สึกตัวทันทีจึงค่อยๆพยุงให้นั่ง
"พี่ใหญ่ น้องเล็ก เราถึงแล้วหรือขอรับ" เด็กคนนี้พอนั่งได้เรียบร้อยก็เอ่ยปากถามทันที
เมื่อเห็นหน้าเด็กคนนี้เต็มตาเธอก็ต้องตกใจ เพราะเด็กทั้งสองคนหน้าตาเหมือนกันมาก จึงมองสลับทั้งสองคนไปมาจนแยกได้ว่า คนที่ถูกเรียกว่าพี่รองดวงตาและใบหน้าจะนิ่งสงบ ส่วนอีกคนที่น่าจะเป็นน้องเล็กแววตาดูซุกซนใบหน้าจะติดรอยยิ้ม
เมื่อพิจารณาทั้งสองคนเรียบร้อยแล้ว ก็ได้รับแววตาสงสัยสองคู่ส่งมาให้
"มีอะไรหรือเด็กน้อย" เมื่อพูดจบเธอก็ต้องตกใจภาษาที่พูดไม่ใช่ภาษาไทย และยังสามารถขยับปากพูดได้ชัดอีกด้วย
"พี่ใหญ่เป็นอะไรไป หรือว่าเรายังเดินทางไม่ถึงหรือขอรับ" เด็กน้อยคนนี้น่าจะเป็นน้องเล็กอย่างที่อีกคนเรียก
"เอ่อพี่สาวไม่เข้าใจใครพี่ใหญ่แล้วใครเดินทางไปที่ไหน" เมื่อเอ่ยปากถามออกไป ก็ได้สีหน้าตกใจของเด็กทั้งสองมาแทน
"พี่ใหญ่เกิดอะไรขึ้นกับท่าน" เด็กน้อยที่น่าจะเป็นพี่รองเอ่ยถามเสียงเบา
"งะ แง แงงงงง พี่ใหญ่ ละ ลืมข้าแล้ว แง แง" เสียงร้องไห้ของน้องเล็กดังขึ้น ทำให้ข้าตกใจมาก จนต้องรีบอุ้มเด็กน้อยออกมากอดปลอบ
"โอ๋ๆไม่ร้องนะเด็กน้อยไม่ร้อง" กอดปลอบอยู่นานกว่าเสียงร้องไห้จะเงียบลงและเจ้าของเสียงก็หลับอยู่ในอ้อมกอดของเธอจึงเงยหน้ามองเด็กน้อยอีกคน ที่นั่งนิ่งมองเธอปลอบฝาแฝดของตนอยู่
เมื่อมองเห็นแววตาและใบหน้าอ่อนล้านั้น จึงอ้าแขนอีกข้างออกแล้วพยุงตัวให้เด็กน้อยมาอิงซบแล้วตบหลังปลอบใจ ปลอบเพียงไม่นานเด็กน้อยอีกคนก็หลับตามไป เงยหน้ามองท้องฟ้าที่ตอนนี้แดดเริ่มแรงขึ้นแล้ว
กะเวลาว่าตอนที่เธอตื่นขึ้นคงเป็นช่วงเช้า จึงค่อยๆประคองให้เด็กน้อยทั้งสองนอนลงบนพื้นเกวียน แล้วเอาห่อผ้านิ่มๆมารองหัวของทั้งสองเอาไว้ แล้วจึงมองไปรอบๆก็พบต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านอยู่ริมทางไม่ไกล คงพอจะให้ร่มเงาหลบแดดได้ และแถวนั้นก็มีหญ้าขึ้นคงพอให้วัวทั้งสองตัวนี้ได้กิน
เธอจึงตรวจดูท่านอนของทั้งสองอีกครั้งว่าสบายดีแล้ว ก็ปีนลงจากเกวียนและเดินไปจับสายจูงวัวทั้งสองเพื่อให้เดินไปที่ใต้ต้นไม้นั้น
กว่าจะจูงมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเธอไม่เคยเข้าใกล้สัตว์จริงๆเลย อย่าว่าแต่เข้าใกล้เลยเห็นตัวเป็นๆแบบนี้นอกจากหมาแมวที่เคยเห็นตอนเด็กแล้ว นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นสัตว์ตัวใหญ่ขนาดนี้ แต่โชคดีที่วัวสองตัวนี้ดูเชื่องมาก ระหว่างการที่เธอรวบรวมความกล้าแตะตัวพวกมัน กับการจูงให้พวกมันเดินตามมากลับดูง่ายกว่ามาก
เมื่อเดินมาถึงใต้ต้นไม้ใหญ่แล้วก็จัดการผูกเชือกพวกมันเอาไว้กับต้นไม้เล็กๆแถวนั้น ถามว่ามันช่วยอะไรได้ไหม ก็ไม่รู้แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ผูกเอาไว้เลย และเธอคงลืมไปแล้วว่าวัวสองตัวนี้ก็ยืนรออยู่นิ่งๆในตอนที่เห็นมันครั้งแรก
มองไปรอบๆไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เธอจะต้องตื่นขึ้น หรือถ้าได้อยู่ที่นี่ตลอดไปก็คงจะดีเดินดูตามทางตามต้นไม้ต่างๆเผื่อว่าจะมีผลไม้อะไรให้กินบ้าง ตอนนี้เธอรู้สึกหิวมากจริงๆทำไมในฝันถึงหิวได้กันนะ เดินมองนู้นมองนี่จนลืมมองทางเท้าจึงสะดุดกิ่งไม้ที่ยื่นออกมาจนตัวเธอล้มลงไปบนพื้น
"โอ้ย!! เจ็บ!!" แล้วก็ต้องตกใจอีกครั้งไม่ใช่เพราะล้มแต่เพราะเธอเจ็บ ใช่เจ็บถึงไม่มากมายอะไรแต่ก็รู้สึกว่ามันเจ็บ ยกฝ่ามือที่ใช้พยุงตัวเอาไว้ขึ้นดู ฝ่ามือมีรอยแผลเล็กๆและมีเลือดซึมออกมา
"เจ็บ? เลือด? นี่คือเรื่องจริงใช่ไหม นี่ไม่ใช่แค่ฝันใช่ไหม" เธอเอ่ยขึ้นอย่างเลือนลอยและคาดหวัง เพื่อพิสูจน์จึงลองเอามือหยิกแก้มตัวเองแรงๆดูก็พบว่ามันเจ็บจนน้ำตาไหลเลยทีเดียว
"ความจริงนี่คือความจริงฉันเดินได้แล้ว ฉันเดินได้แล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า" เธอดีใจมากไม่ว่าที่นี่คือที่ไหนก็ตามขอเพียงแค่เดินได้ วิ่งได้ และทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเองเธอก็พอใจแล้ว
*********