"ชมพูมันไปเกี่ยวอะไรด้วย" เสียงหนึ่งดังขึ้น
"ยายชมพูมันทะเล่อทะล่าอยู่นะคะ หรือจะเป็นคนตกลงไป หรือหายไป แล้วพี่เล็กไปช่วยคะ" มีคนหนึ่งออกความคิดเห็น
"ช่างเหอะ ตอนนี้ต้องให้ฝนหยุดก่อน เดี๋ยวพี่ ๆ จะคุยกับทางผู้ใหญ่บ้านเรื่องตามหาสองคนนั้นเอง"
"ทุกคนแยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ หาของกินลงท้องกันก่อน แล้วแยกที่หลับที่นอน หญิงนอนกับหญิง ชายนอนกับชาย"
รุ่นพี่ทำเสียงเข้ม
ทุกคนต่างหุบปากเงียบ ก่อนจะแยกย้ายขยับตัวกันหาที่ซุกหัวนอน แต่ก็ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างต่อเนื่องสนุกปากถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
ชมพูเงยหน้ามองคนตัวใหญ่ที่กำลังเหนื่อยล้าและเจ็บปวดที่บาดแผลเต็มที่
"พี่เล็กไหวไหมคะ" เธอถามเขาเพราะเห็นเม็ดเหงื่อพร่างพราวผุดขึ้นมาเต็มใบหน้า เสียงลมหายใจของเขาหอบถี่เร็วขึ้น แต่เริ่มแผ่วเบาลงไปลมหายใจขาดเป็นช่วง ๆ
"อีกนิดเดียวค่ะ ทนหน่อยนะคะ" เธอยกหน้าส่งยิ้มให้กับเขาเพราะเห็นเพิงหมาแหงนอยู่ไม่ไกลนัก
ภารันย์มองตามมือน้อย ๆ ที่ชี้ไปยังข้างหน้า เขากะพริบตาถี่ ๆ ทุกอย่างในสายตาเริ่มพร่ามัว ชายหนุ่มกัดฟันทนข่มความเจ็บปวดที่ปะทุขึ้นมาเป็นระยะ ๆ แต่ก็ก้าวขายาว ๆ ตามเธอเพื่อจะไปให้ถึงกระท่อมนั้น มันไม่ไกลมาก แต่ความเจ็บปวดตามร่างกายต่างหากที่ทำให้เขาเดินไม่สะดวก
ท้องฟ้าที่สว่างจ้าเริ่มมืดมิดลง ทุกอย่างเริ่มรางเลือน เมื่อสายฝนเริ่มลงเม็ดและเม็ดดูหนาขึ้นเรื่อย ๆ
'ให้ถึงกระท่อมก่อนนะคะพระพิรุณ อย่าเพิ่งหล่นลงมาตอนนี้เลยค่ะ หนูขอร้อง' ชมพูนึกในใจ
หยาดน้ำฝนเย็น ๆ หล่นกระทบใบหน้า และเสียงของมันที่กระทบกับใบไม้เริ่มหนาหนักขึ้น หญิงสาวจับหมับที่เอวของเขา รั้งรัดแรง ๆ เพื่อส่งพลังให้ภารันย์ก้าวเท้าให้เร็วขึ้น ห่าฝนใหญ่ไม่ทานต่อคำขอของเธอ หล่นลงมาเหมือนฟ้ารั่ว ตกกระหน่ำเหมือนจะซ้ำเติมทั้งสองคนให้เปียกปอนหนักไปอีก ร่างกายของทั้งสองคนเปียกโชก
"เร็วเร่งฝีเท้าอีกนิดนะคะพี่เล็ก" เธอเห็นเขากัดฟันแน่นแล้วลงฝีเท้าให้เร็วขึ้น ตามเนื้อตัวแข้งขา ภารันย์รู้สึกเจ็บร้าวไปหมด
จนเมื่อทั้งสองมาถึงกระท่อมนั้น แค่นั่งลงฟ้าก็เหมือนรั่ว ห่าฝนเทลงมาแบบไม่ขาดสาย หญิงสาวรีบถอดรองเท้าของตัวเองแล้วก้าวขาขึ้นไปปัดกวาดทำความสะอาดเท่าที่จะทำได้ในขณะนั้น โชคดีหน่อยกระท่อมนั้นยังมีฝาผนังที่ทำมาจากไม้ไผ่สานขัดพอกันลมและสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตานั้นได้
ภารันย์ข่มความเจ็บ สำรวจร่างกายของตัวเอง
'กรรม' เขาสบถในใจ ยกมือจับผ้าที่โพกหัว รู้สึกได้ถึงเลือดที่หยุดไหล แต่ผ้าที่เปียกโชกนี้ต่างหากที่ทำให้ใบหน้าของเขาแดงก่ำ สีแดงของเลือดไหลลงมาอีกเป็นทาง แผลเจ้ากรรมก็ร้าวจนเจ้าตัวรู้สึกระบมไปหมด แขนข้างที่หักก็ชาจนเขาไม่รู้สึกเจ็บแล้วตอนนี้ แต่พานจะยกแขนไม่ขึ้นเหมือนกับเขาไม่มีแขนอีกข้างเสียอย่างนั้น
เสียงหญิงสาวที่ปัดกวาดแรง ๆ ทำให้ภารันย์หันไปมอง ตอนนี้ชมพูกำลังเอาเสื้อของเธอตัวหนึ่งออกไปตากฝนก่อนจะบิดหมาด ๆ เช็ดพื้นกระดานของกระท่อมหลังนั้น หญิงสาวหันหน้ามาส่งยิ้มให้ชายหนุ่มเป็นระยะ ๆ ก่อนจะละมือขยับร่างเข้ามาหาเขา เธอถอดรองเท้าของเขาออก รีบบังคับให้ร่างใหญ่ขึ้นไปด้านบน
"พี่เล็กขยับมาข้างบนนี้ดีกว่าค่ะ" เธอบอกเขาแล้วยังเจ้ากี้เจ้าการถอดรองเท้าของเขาออก รื้อกระเป๋าหาผ้าขนหนูออกมาด้วย เธอทำงานอย่างคล่องมือ จัดการแทบจะถอดเสื้อผ้าที่เปียกโชกของชายหนุ่ม เพื่อให้เขาไม่หนาว และตอนนี้ชุดนั้นมันเต็มไปด้วยโคลนมอมแมม
"ต้องถอดค่ะพี่เล็ก" เธอใช้สายตาดุมองเขาเมื่อเห็นว่าเขาขัดขืน
"ไม่งั้นไข้ขึ้นแน่ ๆ" มือทำงานต่อไป ไม่สนกิริยาของชายหนุ่ม เขาได้แต่มองตามมือของชมพู พอฝ่ามือน้อย ๆ ของชมพูโดนในส่วนที่เขาถูกกระแทก เขาก็อุทานออกมาเบา ๆ บอกให้เธอรู้ว่าเจ็บ
เธอเอาผ้าขนหนูที่โชกเลือดไปตากน้ำฝน สายน้ำที่กระหน่ำลงมาจากฟากฟ้าเหมือนจะลงโทษใครบางคน สองคนมองหน้ากันภายใต้ความมืดที่เริ่มครอบงำ และแสงราง ๆ ของท้องฟ้าที่ปกคลุมไปด้วยเมฆหนา แสงแดดที่เหลือน้อยแทบลอดส่องลงมาไม่ได้
เลือดสีแดงสดหายไปกับสายน้ำฝนที่ไหลรดริน ชมพูเอาผ้าผืนนั้นบิดหมาด ๆ เข้ามาเช็ดตัวทำความสะอาดให้เขา คราบฝุ่นดินโคลนถูกเช็ดออกไปจนเกลี้ยง
"ให้ชมพูเป็นพยาบาลนะคะ พี่เล็กเป็นคนไข้ที่น่ารักมาก ๆ ค่ะ ไม่ดื้อเลย" เธอยิ้มกว้าง
โชคดีที่เขาพาถุงนอนแบกใส่หลังมาด้วย เธอกางมันออก แล้วบังคับให้เขาใส่เสื้อผ้าแล้วนอนซุกตัวลงไป โคมไฟน้อย ๆ ที่เขาเตรียมมาถูกเปิดใช้งาน
ร่างเล็ก ๆ ของชมพูเริ่มสั่นสะท้านด้วยความเย็นยะเยือก สายลมพัดกระโชกหอบห่าฝนและลมหนาวกระทบผิวกาย ขนของเธอลุกสั่น ร่างกายแสดงความอ่อนไหว หนาวสะท้านออกมาให้เขาเห็น
"ชมพูเปลี่ยนเสื้อผ้าของตัวเองออกด้วยนะ มันเปียกอยู่ใช่ไหม" น้ำเสียงที่เป็นห่วงเป็นใย แต่มันก็แหบพร่าเหลือเกิน
"ค่ะ" เธอรับคำ ก่อนจะรีบจัดแจงกับตัวเอง หญิงสาวห่วงเขาจนลืมตัวเองไป
ภารันย์เห็นแค่แผ่นหลัง และเงาตะคุ่ม ๆ เขาปิดเปลือกตาจนสนิท เอนหลังซุกตัวลงไปนอนในถุงนอนอุ่น ๆ โชคยังเข้าข้างที่มันยังกันน้ำได้ แค่สะบัด ๆ เม็ดฝนก็จางหาย ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บขึ้นมาเป็นระยะ ๆ ริมฝีปากของเขาเริ่มซีด ๆ และสั่นกระทบกันอีกครั้ง
"หิวน้ำ..." เขาบอกเธอทันทีที่เห็นใบหน้า เมื่อได้ยินเสียงของเธอนั่งลงใกล้ ๆ
ชมพูกระวีกระวาดหาแก้วใบเล็ก ๆ ที่เธอพกมาด้วย รองน้ำฝนที่ชายคา ก่อนจะคลานกลับมาหาเขา เธอช่วยเขายกหัว
ภารันย์ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมมันหนักอึ้งไปหมดแบบนี้ ชายหนุ่มดื่มน้ำนั้นอย่างกระหาย
"หนาวเหรอคะ" ปากน้อย ๆ อ้าถาม เขาพยักหน้านิด ๆ แล้วหลับตาลงอีกครั้ง
เธอจัดแจงเอาผ้าห่มผืนเล็ก ๆ ที่ติดมาสอดเข้าไปห่อหุ้มกายให้ภารันย์อีกชั้น แต่มันจะสู้พิษไข้ที่ถาโถมใส่ภารันย์ได้ยังไง
แมลงเล็ก ๆ เริ่มมาตอมที่ไฟ แล้วเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อย ๆ ชมพูรื้อกระเป๋าของตัวเอง เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าป้าเจียมของเธอบังคับให้เอามุ้งเล็ก ๆ ติดมาด้วย