แก๊งเรดอายดราก้อน
"นายใหญ่ทางนี้ครับ" มือขวาของแก๊งเรดอายดราก้อนนำทางผู้เป็นนายหาที่หลบซ่อนจากการถูกลอบฆ่า
"ซาโต้..แกจะไปไหน" อิชิดะเอ่ยถามมือขวาของเขาที่นำลูกน้องพาเขามาซ่อนในที่ปลอดภัยแล้ว
"ผมจะไปดูว่าพวกมันไม่ตามเรามาแล้ว และดูว่าคนของเรามาสมทบหรือยังครับ" มือขวาเอ่ยตอบกลับผู้เป็นนายด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่สีหน้าดูเป็นกังวล
"อืมม" อิชิดะพยักหน้ารับรู้ให้กับซาโต้ก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากที่ซ่อน
"นายครับเราต้องไปจากที่นี่ตอนนี้ คุ้มครองนายใหญ่" ซาโต้บอกกับผู้เป็นนายและหันไปบอกลูกน้องอีกสี่คนที่ตามมาดูแล
"เกิดอะไรขึ้นซาโต้" ผู้เป็นนายเอ่ยถามอย่างสงสัย
"เรามีหนอนบ่อนไส้ครับ ตอนนี้พวกมันกำลังมาทางนี้ เราจะต้องนั่งเรือข้ามไปหาคนของเราที่รออยู่อีกฝั่งครับ แต่นายไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะไม่ให้พวกมันทำอะไรนายเป็นอันขาด ถ้าผมยังมีชีวิตอยู่"
จากนั้นคนทั้งหกก็พากันลัดเลาะออกจากที่ซ่อนเพื่อหาทางไปยังท่าเรือให้ได้
"คุณซาโต้ พวกเราจะไปทางไหนต่อดี" ลูกน้องคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังเอ่ยถามซาโต้เมื่อเห็นว่าทางข้างหน้ามีทางไปเพียงทางเดียว และศัตรูกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
"พวกมึงพานายใหญ่ไปก่อน กูจะล่อพวกมันไปอีกทาง" ซาโต้บอกกับลูกน้องทั้งสี่คนทันทีก่อนที่จะเดินแยกไปอีกทางเพื่อล่อศัตรูให้หลงกล
"ไม่ได้ พวกเราต้องไปด้วยกัน" อิชิดะเอ่ยบอกกับมือขวาของตนอย่างไม่เห็นด้วยอย่างมาก
"เดี๋ยวผมจะตามไปนะครับ คุ้มกันนายใหญ่เท่าชีวิต" ซาโต้เอ่ยบอกกับลูกน้องทั้งสี่ก่อนจะวิ่งแยกออกไปพร้อมกับยิงปืนขึ้นฟ้าสองนัด
ลูกน้องทั้งสี่ทำตามคำสั่งของมือขวาแห่งแก๊งเรดอายดราก้อนเป็นอย่างดี จนพวกเขาทั้งสี่พากันคุ้มกันผู้เป็นนายจนมาถึงท่าเรือเพื่อจะนั่งเรือไปเจอลูกน้องที่ตามมาสมทบจากการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ
"เดี๋ยวก่อน รอซาโต้ก่อน" อิชิดะบอกกับลูกน้องทั้งสี่อย่างเป็นกังวลและเป็นห่วงมือขวาของตนที่ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะโผล่มาเลยสักนิด
"นายครับขึ้นเรือไปก่อนเถอะครับก่อนที่พวกมันจะตามเรามาได้" ลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาอย่างขอร้องเมื่อเห็นผู้เป็นนายไม่ยอมขึ้นเรือเสียที
"ไม่ กูจะรอซาโต้" อิชิดะตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ดุดันและยังยืนอยู่ที่ท่าเรือไม่ก้าวเท้าไปไหน
"นั่นไง คุณซาโต้มาแล้ว" ลูกน้องคนหนึ่งชี้ไปทางที่มือขวาของแก๊งกำลังวิ่งมาทางพวกเขา
"พานายขึ้นเรือเดี๋ยวนี้" ซาโต้ร้องตะโกนบอกลูกน้องให้ทำตามพร้อมกับเสียงปืนที่ดังขึ้นมา
"ซาโต้!"
"พานายขึ้นเรือ" ลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาเสียงดังทำให้คนที่เหลือได้สติพากันดันนายขึ้นไปบนเรือทันที
เสียงปืนที่ปะทะกันจากบนเรือและบริเวณท่าเรือดังสนั่นอยู่หลายครั้งจนเรือแล่นออกไปจากฝั่ง ทิ้งให้ร่างอันไร้วิญญาณของมือขวาแก๊งเรดอายดราก้อนนอนแน่นิ่งไร้คนเหลียวแลในเวลาต่อมา
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา @คฤหาสน์ตระกูลยูกิโอะ
"ฉันจะรับผิดชอบชีวิตของเธอและลูกสาวเอง เพื่อตอบแทนที่ซาโต้ยอมสละชีวิตตัวเอง" อิชิดะบอกกับภรรยาชาวไทยของมือขวาของตนที่ถูกยิงตายไปเมื่อเจ็ดวันก่อนโดยที่ศพของเขานั้นถูกทิ้งไว้อย่างหมาข้างถนน
ทำให้เขาทั้งเสียใจและรู้สึกผิดที่ไม่สามารถช่วยชีวิตมือขวาของตนได้อีกทั้งกว่าจะได้ศพของมือขวามาประกอบพิธีก็ต้องรออีกวันหนึ่ง มันจึงเหมือนตราบาปในชีวิตของเขาที่ปล่อยให้ลูกน้องที่รักดั่งน้องชายแท้ๆตายอย่างโดดเดี่ยวแบบนั้น
"ฉันไม่ต้องการอะไรค่ะ ขอเพียงแค่ดูแลลูกสาวคนเดียวของเราให้ไม่ลำบาก นี่คือสิ่งที่ฉันต้องการ" สิณาเอ่ยบอกกับผู้เป็นนายของสามีด้วยสีหน้าจริงจัง
"ไม่ต้องห่วงนะพวกเราจะรักหนูโซ่เหมือนลูกสาวเราคนหนึ่งและจะเลี้ยงดูไม่ต่างจากไทโยเลย" ภรรยาของหัวหน้าแก๊งเรดอายดราก้อนเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับเดินเข้าไปหาเด็กหญิงวัยสามขวบด้วยความเอ็นดู
"ขอบคุณนายหญิงที่เอ็นดูลูกโซ่ ตอนนี้ฉันไม่ห่วงอะไรแล้วค่ะ" สิณาที่ได้ยินคำสัญญาจากผู้เป็นนายหญิงก็ยิ้มให้ด้วยแววตาที่เศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด
จากนั้นสิ่งที่สร้างความตกใจและไม่คาดคิดให้กับคนในห้องรวมถึงเด็กหญิงวัยสามขวบที่นั่งข้างผู้เป็นแม่ไปด้วยก็เกิดขึ้น
"มามะ มามะ" เสียงร้องของเด็กหญิงวัยสามขวบดังขึ้นเมื่อผู้เป็นแม่ที่อยู่ล้มลงไปพร้อมกับอาการน้ำลายฟูมที่ปากสร้างความตกใจให้กับอิชิดะกับฮิเดโกะเป็นอย่างมาก
"ตามหมอ!" อิชิดะตะโกนบอกให้ลูกน้องที่อยู่ด้านนอกตามหมอทันทีพร้อมกับเข้าไปดูสิณาที่กำลังหมดลมหายใจ
"คุณสิณา / มามะ มามะ" เสียงเรียกของฮิเดโกะและลูกสาวทำให้สิณาพยายามลืมตาตื่นขึ้นมาเพื่อบอกลาครั้งสุดท้าย
"ทำไมทำแบบนี้ แล้วหนูโซ่จะอยู่จะอยู่กับใคร" ฮิเดโกะเอ่ยพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเศร้าและน้ำตาคลอขึ้นมาเมื่อเห็นเด็กหญิงวัยสามขวบเข้าไปกอดแม่ของตนแล้วร้องไห้ออกมา
"ฉะ..ฉัน..ขอฝากโซ่ทองด้วยนะคะนายใหญ่..อ๊ะ..นายหญิง..เอ็นดูเขาด้วยนะคะ แกไม่เหลือใครแล้ว ญาติของฉันที่เมืองไทยก็ไม่มีแล้ว ตอนนี้ก็คงมีเพียงนายใหญ่และนายหญิงที่จะเมตตารับดูแลแก"
"ได้ เราสองคนจะดูแลหนูโซ่เป็นอย่างดีให้เหมือนลูกของตัวเอง ฉันสัญญา"
สิ้นเสียงคำสัญญาของฮิเดโกะ สิณาก็หลับตาลงและสิ้นใจในเวลาต่อมา โดยที่หมอเข้ามาช่วยยื้อชีวิตไม่ทัน ส่วนเด็กน้อยวัยสามขวบก็ยังคงกอดศพผู้เป็นแม่อยู่อย่างนั้นจนฮิเดโกะต้องเข้าไปอุ้มและพาออกไปจากห้องนั้นทันที
สามวันต่อมา @คฤหาสน์ตระกูลยูกิโอะ
"ไท ไทโย" ฮิเดโกะเรียกชื่อลูกชายวัยหกขวบที่นั่งดูหุ่นจำลองมนุษย์โดยไม่สนใจอะไรเลย
"ครับแม่" ไทโยหันหน้ามาหาผู้เป็นเมื่อเห็นว่าท่านไม่ได้เข้ามาในห้องเพียงคนเดียว
"ไท นี่หนูโซ่ ต่อไปนี้ดูแลน้องด้วยนะลูก"
"น้อง?"
"ใช่จ๊ะ ตอนนี้อาจยังเป็นน้อง แต่ต่อไปน้องจะเป็นผู้หญิงของไทที่ไทต้องดูแลไปตลอดชีวิต" คำพูดของผู้เป็นแม่ทำให้เด็กชายวัยหกขวบต้องหันหน้าไปมองเด็กน้อยมัดจุกสองข้างที่ยิ้มตาโตมองเขาไม่กะพริบตา
"ครับ..แม่" เด็กชายวัยหกขวบตอบกลับผู้เป็นแม่ด้วยสีหน้าคิดหนักโดยที่เด็กน้อยอีกคนมีแต่ยิ้มให้เขาไม่หุบพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้
"ฝากดูน้องด้วยนะ นับแต่วันนี้เป็นต้นไปน้องจะมาอยู่กับเราด้วย แม่จัดห้องให้น้องนอนติดกับห้องไทนะครับ"
"ห้องนั้นประตูมันทะลุกันได้นะครับแม่"
"ต่อไปไทต้องดูแลน้องไงครับ ให้น้องอยู่ห้องนั้นแหละดีแล้ว"
"ลูกโซ่อยู่กับพี่ไทนะคะ อย่าดื้อกับพี่ไทนะคะ"
"ค่ะ หนูจะไม่ดื้อกับพี่ไท"
"เก่งมากค่ะลูกสาวแม่" ฮิเดโกะเอามือขึ้นมาโยกศีรษะหนูน้อยเบาๆพร้อมกับเอ่ยชมก่อนจะลุกไปจากห้องนั่งเล่นของลูกชาย
"ดูแลนายน้อยและคุณหนูโซ่ดีๆ" ฮิเดโกะสั่งกับพี่เลี้ยงสองคนที่ยืนอยู่หน้าประตูห้อง
"ค่ะ นายหญิง" พี่เลี้ยงทั้งสองโค้งทำความเคารพก่อนที่ผู้เป็นนานเดินออกไปแต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปในห้องของนายน้อยเพราะเขาเป็นเด็กที่โลกส่วนตัวสูงไม่ชอบให้ใครเข้าไปวุ่นวาย จึงทำได้เพียงยืนอยู่หน้าห้องแล้วมองดูเด็กสองคนอยู่ห่างๆ
"พี่ไท" เด็กหญิงสามขวบเดินเข้ามาหาเด็กชายที่ยืนมองหุ่นจำลองร่างกายมนุษย์อย่างสนใจ ก่อนที่จะเอาอะไรบางอย่างมาวางปักตามส่วนต่างๆของหุ่นนั้น
"ทำอะไรคะ..พี่ไท" เด็กหญิงเอ่ยถามด้วยความสงสัยพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้ๆอย่างอยากรู้
"พี่ไท" เด็กหญิงเอ่ยเรียกชื่อเด็กชายอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบคำถามและทำเหมือนไม่สนใจเธอเลย
"เฮ้อ พี่กำลังดูร่างกายของคนอยู่" เด็กชายทนกับความเซ้าซี้ของเด็กหญิงไม่ไหวจึงตอบออกไปเพื่อปัดความรำคาญ
"โซ่เล่นด้วยสิคะ"
"ไม่ได้ มันไม่ใช่ของเล่น"
"โซ่เล่นด้วยน้า"
"ไม่ได้ พี่บอกแล้วไงว่ามันไม่ใช่ของเล่น"
"โซ่อยากเล่นด้วย" คราวนี้เสียงของเด็กหญิงก็ดังขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจพร้อมกับจ้องหน้าเด็กชายไม่กะพริบตา
"มันเล่นไม่ได้ มันไม่ใช่ของเล่น" เด็กชายตอบกลับด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้นด้วยความไม่พอใจเช่นเดียวกัน
"ก็โซ่จะเล่น"
"พี่ไม่ให้เล่น"
"จะเล่น"
"ไม่ได้!"
"จะเล่น จะเล่น จะเล่น"
"ออกไปเลย เด็กไม่น่ารัก"
"แงๆๆๆๆๆๆๆ"
เสียงร้องของเด็กหญิงทำให้พี่เลี้ยงสองคนที่ยืนอยู่หน้าห้องพากันมองหน้ากันอย่างคิดหนักว่าควรจะเข้าไปข้างในห้องดีไหม ยังไม่ทันที่พี่เลี้ยงทั้งสองคนจะก้าวขาเข้าไปก็มีเสียงของเด็กชายเจ้าของห้องตะโกนออกมาเสียก่อน
"ไม่ต้องเข้ามา เดี๋ยวจะจัดการเอง" คำพูดของนายน้อยทำให้พี่เลี้ยงทั้งสองภาวนาว่านายน้อยของพวกเขาคงไม่ทำอะไรเด็กหญิงไปเสียก่อนที่ผู้เป็นนายหญิงจะกลับมา
"โอ๋ๆ อย่างร้องนะ พี่ยอมให้เล่นแล้ว"
"จริงเหรอคะ"
"อืมม แต่มีข้อแม้"
"ข้อแม้คืออะไร กินได้ไหมคะ"
"เฮ้อ มันกินไม่ได้"
"แล้วข้อแม้มันเป็นยังไง"
"เอาอย่างนี้ ถ้าพี่ให้เล่น แต่น้องต้องเป็นเด็กดี เชื่อฟังพี่ทุกอย่าง เข้าใจไหม"
"อืมๆ เข้าใจค่ะ"
"ต่อไปพี่บอกอะไร โซ่ต้องทำตามทุกอย่างไม่มีข้อแม้นะ เข้าใจใช่ไหม"
"ค่ะ ลูกโซ่จะทำตามที่พี่ไทบอกทุกอย่างเลย"
นั่นคือจุดเริ่มต้นระหว่างเราสองคนที่มีต่อกัน จนถึงปัจจุบัน คำสัญญาณระหว่างกันก็ยังคงดำเนินอยู่
โซ่ทอง Talk
สิบห้าปีต่อมา @คฤหาสน์ตระกูลยูกิโอะ ประเทศไทย
"อื้อ..กี่โมงแล้วเนี๊ย" ฉันหยิบนาฬิกาข้างเตียงขึ้นมาดูเมื่อรู้สึกตื่นขึ้นมา
"หกโมงเช้าแล้ว..ตายหละ วันนี้ไทต้องไปโรงพยาบาลตอนแปดโมงเช้านี่นา" ขณะที่ฉันกำลังจะดีดตัวลุกขึ้นนั้นก็มีใบหน้าของคนที่ฉันเพิ่งนึกขึ้นมากำลังเอาหน้าเข้ามาซุกที่ซอกคอของฉันและแขนของเขาก็ดึงร่างฉันให้แนบชิดกับแผงอกของเขาอย่างแนบชิดอีกครั้ง โดยที่ร่างของเราสองคนอยู่ในสภาพเปลือยเปล่ากันทั้งคู่
"อื้อ.." เสียงร้องงัวเงียของเขาน่ารักชะมัด ทำให้ฉันอดที่จะโน้มตัวลงไปหอมแก้มของเขาไม่ได้เลย แล้วจากนั้นฉันจึงค่อยๆเอาแขนของเขาที่พาดอยู่บนลำตัวของฉันออกอย่างเบามือก่อนจะลุกขึ้นจัดการตัวเองในห้องน้ำเพื่อที่จะไปเตรียมอาหารเช้าให้คนที่นอนหลับอยู่บนเตียง
เวลาต่อมา @คฤหาสน์ตระกูลยูกิโอะ ประเทศไทย
"นายหญิง วันนี้ตื่นแต่เช้าเลยนะคะ"
"ต้องตื่นมาเตรียมอาหารเช้าให้ไท"
"ให้พวกเราเตรียมให้ไหมคะนายหญิง"
"ไม่ต้องค่ะ วันนี้โซ่อยากทำอาหารเช้าให้ไทเองสำหรับการขึ้นวอร์ดวันแรกของไท อ้อ เดี๋ยวจะทำข้าวกล่องให้ไทไปทานที่โรงพยาบาลด้วยนะคะ" ฉันยิ้มให้กับคนรับใช้ที่ตามมาดูแลฉันจากญี่ปุ่น หลังจากนั้นฉันก็จัดการเข้าครัวฉายเดี่ยวโชว์ความเป็นแม่ศรีเรียนที่เข้าคอร์สเรียนมาอย่างหนักหน่วงเพื่อสามีคนเดียวของฉัน
ฉันโซ่ทอง ยูกิโอะ ภรรยาตัวน้อยของไทโย ยูกิโอะ หรือนักศึกแพทย์กลินทร์ ภักดีวัชระ นักศึกษาแพทย์ปีหกที่อีกไม่นานเขาก็จะได้เป็นคุณหมออย่างสมบูรณ์พร้อมกับต้องรับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งเรดอายดราก้อน รุ่นที่ 10 ไปด้วย ฉันยังจำได้ดีว่าการอยากเป็นหมอของไททำให้เราสองคนได้แต่งงานเป็นสามีภรรยากันและฉันต้องย้ายตามมาอยู่กับไทที่เมืองไทยในฐานะภรรยาที่ต้องมาคอยดูแลสามี เพราะไทอยากมาเรียนหมอที่นี่ นั่นคือความใฝ่ฝันของเขาที่อยากจะใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาทั่วไป ไม่ใช่ทายาทมาเฟียแก๊งเรดอายดราก้อนที่มีคนคอยห้อมล้อมอยู่ตลอดเวลา
เมื่อ 5 ปีก่อน
"ถ้าอยากเรียนหมอ แกต้องสัญญากับฉันว่าจะดูแลหนูโซ่ตลอดไป"
"ได้ครับ..พ่อ"
ฉันยังจำแววตาที่ไทตอบกลับคุณลุงตอนที่มาขอไปเรียนหมอได้ดี แววที่แน่วแน่ มั่นคง และไม่หวั่นไหว แววตาคู่นั้นแหละที่ทำให้ฉันหลงรักเขา
งานแต่งงานของฉันและไทจัดอย่างยิ่งใหญ่อลังการพอสมควร แก๊งต่างๆพากันมาร่วมอวยพรแสดงความยินดีกับงานมงคลของแก๊งเรดอายดราก้อนกันอย่างล้นหลาม แต่สำหรับฉันนั้นงานมงคลแบบนี้กลับไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกถึงความอบอุ่นอย่างที่ในอินเตอร์เน็ตบอกมาเลยสักนิด อาจจะเป็นเพราะฉันไม่มีญาติมาร่วมงานก็ได้ ขนาดญาติฝั่งฉันที่เข้าร่วมในพิธียังให้มือซ้ายและภรรยาที่ตอนนี้เลื่อนตำแหน่งมาเป็นมือขวาของคุณลุงแทนพ่อฉันไปแล้ว หรือแม้กระทั่งเพื่อนสนิทที่ต้องจะมาร่วมแสดงความยินดีให้ฉัน ฉันยังไม่มีเลย
เมื่อถึงช่วงเข้าห้องหอที่ฉันอุตส่าห์เตรียมตัวและศึกษามาจากอินเตอร์เน็ตรวมถึงปรึกษาพี่โอโซนมือขวาของไทถึงความชอบในรสนิยมเรื่องแบบนั้นของไทอีกด้วยนะ โคตรน่าอายเลยตอนที่เข้าไปถามพี่โอโซนในเรื่องแบบนั้น แต่ที่ฉันทำมาทั้งหมดก็เพราะไม่อยากให้ไทมองว่าฉันเป็นคนไม่ประสาและอยากให้ไทประทับใจกับการเสียตัวครั้งแรกให้กับผู้ชายคนแรกของฉัน
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่เป็นอย่างที่ฉันคิดไว้เลยสักนิด จากที่คิดว่าจะโดนไทจับกดลงเตียงพออยู่สองต่อสอง แล้วไทจะต้องซุกไซ้ฉันแบบในหนังเรดอาร์ที่ฉันเคยดูมาหลายเรื่อง ย้ำ หลายเรื่องมาก
"จะอาบน้ำก่อนไหมหรือให้พี่อาบก่อน" เสียงไทดังขึ้นมาขณะที่ฉันนั่งตื่นเต้นอยู่บนเตียงที่โรยด้วยกลีบกุหลาบเป็นจำนวนมาก
"เอ่อ..ไทไม่ทำเหรอ..โซ่พร้อมนะ โซ่พร้อมเป็นของไท" ฉันหันหน้ามามองเจ้าบ่าวที่ยืนอยู่ปลายเตียงที่กำลังถอดชุดทักซิโด้ออก
"หืมม..ยัยบ๊อง เมนส์ก็ยังไม่มี อยากจะเสียตัวแล้วเหรอ" เจ้าบ่าวของฉันเอ่ยขึ้นมาอย่างขำๆพร้อมกับเอามือมาโยกศีรษะฉันที่ทำมาอย่างสาวงามด้วยช่างทำผมฝีมือดีระดับประเทศ แต่กลับไม่ดึงดูดใจให้เจ้าบ่าวอยากจะกินฉันเสียเลย
"อ้าว ปกติเข้าห้องหอกันเขาไม่ทำเรื่องนั้นกันเหรอ"
"ถ้าเป็นคู่อื่นคงทำ แต่คู่เรา..โซ่ยังเด็กอยู่เลยนะ พี่เอาไม่ลงหรอก"
"แล้วแบบไหนถึงเอาลงหละคะ"
"เอาไว้นมโตกว่านี้แล้วกันถึงจะเอาลง"
"งั้น พรุ่งนี้ โซ่จะบอกคุณป้าให้พาโซ่ไปทำนมนะคะ ไทจะได้อยากเอาโซ่"
"ฮ่า ฮ่า อยากเสียตัวขนาดนั้นเลยเหรอ"
"ก็ในอินเตอร์เน็ตบอกว่าผู้ชายจะทำเรื่องแบบนั้นกับผู้หญิงที่ตัวเองรัก โซ่ก็อยากให้ไทรักนี่นา"
"มานั่งตรงนี้มา" เจ้าบ่าวของฉันเรียกให้ฉันไปนั่งข้างเขาที่โซฟาใหญ่ตรงปลายเตียง
"พี่จะบอกอะไรให้นะ เรื่องแบบนั้นไม่ได้การันตรีว่าผู้ชายจะหยุดที่ผู้หญิงที่มีอะไรด้วยเสมอไป ความรักไม่จำเป็นต้องทำเรื่องแบบนั้นก็ได้"
"ไทคิดอย่างนั้นจริงๆเหรอ ถึงเราสองคนไม่ได้มีอะไรกัน ไทก็ไม่ทิ้งโซ่ใช่ไหม" ฉันมองหน้าเจ้าบ่าวที่มองหน้าฉันนิ่งเหมือนกำลังหาคำตอบกับคำถามที่ตัวเองเอ่ยถามเขาออกไป
"อืมม พี่จะไม่มีวันทิ้งโซ่ พี่จะรอให้โซ่เดิน.."
"รอให้โซ่เดินไปไหนคะ"
"พี่จะรอให้โซ่โตเป็นผู้ใหญ่กว่านี้แล้วกันนะ"
"ถึงตอนนั้น ไทจะทำแบบนั้นกับโซ่ใช่ไหม"
"อืมม ถ้าตอนนั้นโซ่ยังอยากให้พี่ทำนะ"
และคืนนั้นเราสองคนก็นอนกอดกันจนผล็อยหลับกันไปเพราะความเหนื่อย ฉันบอกกับตัวเองว่าเมื่อไหร่ที่ฉันโตเมื่อถึงเวลาทำเรื่องแบบนั้นฉันจะไม่ทำให้ไทผิดหวังเลยทีเดียว คอยดูสิ
หลังจากที่ฉันแต่งงานเป็นภรรยาของไทได้เพียงสามเดือน ฉันก็ต้องย้ายมาเรียนชั้นมัธยมปลายที่ประเทศไทย ในขณะที่ไทต้องเข้ามาศึกษาเป็นนักศึกษาแพทย์ปีหนึ่งของมหาลัยเอกชนชื่อดังระดับประเทศที่ได้ยินมาว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่เข้ายากมาก เอาง่ายๆคือนอกจากจะรวยแล้วยังต้องมีสมองด้วย
"ไท ตั้งใจเรียนนะคะสำหรับวันแรกของเราสองคน" ฉันบอกกับสามีที่ขับรถมาส่งฉันที่หน้าโรงเรียนมัธยมเอกชนชื่อดัง โดยที่ฉันอยู่ในยูนิฟอร์มของเด็กมัธยมปลาย ส่วนสามีของฉันนั้นอยู่ในชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเอกชน
"ไท อะไรติดแก้ม เอาหน้าเข้ามาใกล้โซ่หน่อยเดี๋ยวโซ่เอาออกให้" เมื่อไทโน้มตัวเข้ามาใกล้ฉันในระดับหนึ่ง ฉันจึงยื่นหน้าไปจุ๊บที่แก้มเขาหนึ่งที ส่วนไทที่เห็นฉันทำแบบนั้นเขาจึงเอามือมาจับใบหน้าของฉันแล้วแนบริมฝีปากของเขาลงมาทาบทับที่ริมฝีปากของฉันอย่างตั้งใจ
จากจูบที่อ่อนโยนเริ่มร้อนแรงขึ้นเมื่อไทสอดลิ้นเข้ามาในโพรงปากของฉัน ลิ้นของไทไล้ไปตามซอกฟันของฉันทั้งด้านบนและด้านล่างแล้วมาตวัดรัดลิ้นของฉัน จนเสียงครางของฉันดังขึ้นมาเบาๆพร้อมกับเล็กที่จิกลงไปที่ไหล่ของเขาด้วยอารมณ์ที่มันเกิดขึ้นมาอย่างไม่รู้ว่ามันคืออะไร ฉันอธิบายอารมณ์นั้นไม่ได้จริงๆ
"ตั้งใจเรียนนะครับคุณภรรยา" ไทบอกกับฉันที่ยังใจเต้นแรงก่อนจะเปิดประตูรถออกไป จากนั้นรถของสามีฉันก็แล่นออกไป ทิ้งให้ฉันยืนอยู่หน้าโรงเรียนที่ไม่รู้ว่าฉันต้องเจออะไรบ้างกับที่นี่
นั่นคือจูบแรกของฉัน จูบแรกกับผู้ชายที่เป็นรักแรกและรักสุดท้ายของฉัน
กลับมาปัจจุบัน
"นายหญิง ตื่นแต่เช้าเลยนะครับ"
"พี่โอโซน บอกแล้วไงว่าอย่าเรียกโซ่แบบนี้ เรียกเหมือนเดิมได้ไหม"
"ผมทำตามนายหญิงไม่ได้หรอกครับ แล้วนี่เตรียมอาหารเช้าให้นายน้อยเหรอครับ ทำไมเยอะแยะขนาดนี้"
"อ้อ โซ่ทำเผื่อพี่โอโซนด้วย และนี่สำหรับข้าวกล่องของไทไว้เอาไปทานที่โรงพยาบาลค่ะ" ฉันยกถาดอาหารที่กำลังจะเอาลงกล่องชูขึ้นมาให้พี่โอโซนดูถึงความตั้งใจที่ฉันให้สามีตัวเอง
"อ้อ พี่โอโซนทานไปก่อนได้เลยนะคะ โซ่ขออนุญาตไปปลุกไทก่อน" ฉันบอกกับพี่โอโซนก่อนที่จะเดินขึ้นบันไดไปปลุกสามีที่ตอนนี้ยังไม่ตื่นเลย
เมื่อคืนกว่าไทจะได้หลับก็ปาเข้าไปตีสามแล้ว ทั้งที่เช้านี้เขาที่ต้องทำงานจริงเหมือนแพทย์ตามโรงพยาบาลที่ฉันเคยได้ยินเพื่อนของเขาเรียกว่า ขึ้นวอร์ด แต่เมื่อคืนนี้มีปัญหาเข้ามาทำให้ไทต้องเคลียร์กว่าจะเสร็จก็เกือบตีสอง พอเคลียร์ปัญหาที่เข้ามาจบแทนที่ไทจะรีบนอนเพื่อไปขึ้นวอร์ดของวันแรกในการเป็นแพทย์ปีสุดท้าย แต่ไทกลับอยากปลดปล่อยด้วยการมาคลอเคลียกับฉัน
ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไททำแบบนี้กับฉัน ทุกครั้งที่ไทเครียดจากงานหรือเรื่องเรียน ร่างกายของฉันมักจะช่วยให้เขาผ่อนคลายได้เสมอหลังจากจัดการกับปัญหาเหล่านั้นจบลงไป และเมื่อคืนไทก็ทำการผ่อนคลายตัวเองด้วยการลูบไล้ตามร่างกายของฉัน ไม่ว่าจะเป็นการกอด จูบ ลูบไล้ ดูด และกัดตามเนื้อผิวบนร่างกายของฉัน รวมถึงใช้ลิ้นทำให้ฉันเสร็จไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งเมื่อคืนนี้
แต่ว่า...เขาไม่เคยสอดใส่ตัวตนเข้ามาในตัวฉันเลยสักครั้งเดียว
เวลาต่อมา @ห้องนอนของไทโยและโซ่ทอง
"ฟอด! ฟอด!" ฉันหอมแก้มเพื่อปลุกสามีที่ยังนอนไม่ยอมตื่นแบบนี้ทุกครั้ง
"อื้อ..เช้าแล้วเหรอ"
"ค่ะ"
"กี่โมงแล้ว"
"เจ็ดโมงเช้าแล้วค่ะ ไทตื่นขึ้นมาอาบน้ำนะเดี๋ยวโซ่เตรียมชุดให้ แล้วลงไปทานข้าวกัน"
"ครับ" ไทลุกขึ้นนั่งในขณะที่ฉันกำลังจะลุกเดินไปหยิบชุดให้ไทเพื่อไปทำงานวันนี้
"หืมม มีอะไรเหรอคะ" ฉันหันหน้าไปถามสามีที่เข้ามาสวมกอดฉันจากด้านหลังพร้อมกับจูบที่แก้มฉันสองข้างเบาๆ
"วันนี้อย่าดื้อนะ ถ้าอยากไปไหนก็ให้โอโซนพาไปอย่าไปไหนคนเดียว พี่กว่าจะลงวอร์ดก็เที่ยงคืนกว่า ถ้ามีอะไรก็โทรหาได้ตลอด ถ้าพี่ไม่รับเดี๋ยวพี่โทรกลับทีหลัง"
"รับทราบค่ะ..คุณสามี" ฉันตอบกลับสามีที่ห่วงฉันเหมือนฉันเป็นเด็กอยู่เสมอ
ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่มีครั้งไหนหรือวันไหนที่ไทจะไม่ห่วงฉัน ตั้งแต่ที่ฉันอยู่ในสถานะน้องสาวของเขาก็ห่วงฉันแบบนี้ จนตอนนี้อยู่ในสถานะภรรยาของเขา เขาก็ยังห่วงฉันเหมือนฉันเป็นเด็กที่ดูแลตัวเองไม่ได้เสมอ มีครั้งหนึ่งที่ฉันแอบหนีเที่ยวคนเดียว จะว่าเที่ยวก็ไม่ถูกหรอก ก็แค่เดินห้างคนเดียวที่ไม่ไกลจากบ้านเท่าไรนัก พอไทรู้ว่าฉันหายไปโดยไม่มีใครรู้ เขาให้ลูกน้องตามหาฉันแทบพลิกแผ่นดิน พร้อมกับลงโทษลูกน้องที่ดูแลฉัน ที่ปล่อยให้ฉันหายไปโดยที่ไม่มีใครรู้ จนฉันไม่กล้าที่จะทำแบบนั้นอีกเพราะกลัวคนรอบตัวฉันจะเดือดร้อนจากการกระทำของฉัน
เวลาต่อมา @ห้องอาหารคฤหาสน์ตระกูลยูกิโอะ กรุงเทพฯ
"สวัสดีตอนเช้าครับนายน้อย" พี่โอโซนเอ่ยทักทายไทที่เดินจูงมือฉันเข้ามายังโต๊ะอาหาร
"วันนี้ไปไหนหรือเปล่า" ไทเอ่ยถามพี่โอโซนเมื่อนั่งลงเก้าอี้เรียบร้อยแล้ว
"งานที่ชลบุรีมีปัญหาครับนายน้อย ผมเลยต้องเข้าไปดูสักหน่อย"
"งั้นวันนี้โซ่จะไม่ไปไหนค่ะ" ฉันรีบบอกสามีที่ทำสีหน้าครุ่นคิดหาทางออกว่าควรทำอย่างไรเมื่อพี่โอโซนไม่สามารถอยู่ดูแลฉันได้
"แน่ใจ?"
"ค่ะ ไทไม่ต้องห่วงนะ วันนี้โซ่จะหัดทำขนม รอให้ไทกลับมาชิม ดีไหม"
"ถ้าพี่รู้ว่าโซ่แอบหนีเที่ยวเมื่อไหร่ ทุกคนจะโดนลงโทษ เข้าใจใช่ไหม"
"เข้าใจค่ะ โซ่จะไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่ออกไปไหนคนเดียว" ฉันหันหน้ามาตอบคุณสามีขี้ห่วงอย่างเอาใจ
"อืมม" จากนั้นพวกเราทั้งสามคนก็รับประทานอาหารกันต่อจนถึงเวลาที่ไทต้องออกไปทำงาน และพี่โอโซนนั้นก็ไปดูงานที่ชลบุรี
ส่วนฉันนั้นก็ทำหน้าที่คอยดูแลไทอย่างเต็มที่หลังจากที่เรียนจบมัธยมปลาย ฉันก็ไม่คิดที่จะเรียนต่อ ไม่รู้สิชีวิตในรั้วการศึกษาคงไม่เหมาะสำหรับฉัน แม้ว่าจะย้ายมาเรียนที่ไทย ชีวิตของฉันก็ไม่เคยมีเพื่อนเลย อาจจะด้วยระดับไอคิวสูงที่ฉันและไทมีเหมือนกัน เพราะฉันและไทเรียนจบชั้นมัธยมเมื่อตอนอายุเพียงสิบห้าปีเท่านั้น แต่เราสองคนต่างกันตรงที่ไทยังเข้ากับคนอื่นได้มากกว่าฉัน ทำให้เขายังมีเพื่อนสนิทที่เรียนด้วยกัน ต่างจากฉันที่ไม่มีใครเลยนอกจากไท
ฉันจึงเลือกที่จะไม่เรียนต่อ ทำหน้าที่ภรรยาที่ดีด้วยการเรียนทำอาหาร ขนม เย็บปัก จนถึงขั้นตัดชุดให้ไทใส่ และทุกวันนี้ทุกชุดที่ไทใส่อยู่เป็นฝีมือการตัดเย็บจากฉันทั้งหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งชุดหมอที่เขาใส่ฝึกงาน ฉันศึกษามาเป็นอย่างดีว่าต้องใช้ผ้าคุณภาพไหน ต้องตัดเย็บอย่างไรให้สวมใส่สบายที่สุด ฉันจึงเป็นที่รู้จักไทดีที่สุด เรียกว่ามองตาก็รู้ว่าไทคิดอะไรก็ว่าได้ ก็ฉันเป็นภรรยาของเขาหนิ จะไม่รู้จักสามีตัวเองได้ยังไง
"นี่ข้าวกล่อง โซ่เพิ่งลองทำ ไม่อร่อยห้ามว่านะ"
"หืมม มีสิ่งที่โซ่ทำไม่ดีด้วยเหรอ ยังไม่เคยเห็นเลย"
"ตั้งใจทำงานนะคะ ขับรถดีๆ โซ่รักไทนะ"
"อืมม พี่เป็นห่วงโซ่นะครับ"
ก่อนที่ไทจะขึ้นรถฉันก็ยกแขนสองข้างขึ้นมาคล้องคอเขาให้ตัวเขาโน้มลงมาใกล้ฉัน แล้วฉันก็จูบเขาก่อนไปทำงานแบบนี้ในทุกวันจนลูกน้องที่เฝ้าคฤหาสน์เห็นจนชินตา
"ไปแล้ว คืนนี้เจอกัน"
"บายค่ะ" ฉันโบกมือลาเมื่อสามีขับรถออกไป
ชีวิตคู่ของเราสองคนเหมือนจะไปได้ดี เราไม่เคยทะเลาะกัน อาจจะมีน้อยใจบ้างซึ่งเป็นฉันเองที่มีอาการแบบนั้น แต่ตลอดห้าปีที่เป็นสามีภรรยากันมา ฉันไม่เคยได้ยินคำนั้นจากปากเขาเลยสักครั้ง และทุกครั้งที่ดูเหมือนว่าเขาแสดงความรักต่อฉัน เขามักจะมีคำว่า ห่วง แทนคำว่า รัก เสมอ
จนฉันไม่แน่ใจว่าเขารักฉันหรือเพียงแค่รับผิดชอบฉันตามคำสัญญากับพ่อของเขาเท่านั้น