22
“ไลลา” เจ้าของชื่อหันไปทางต้นเสียง ไลลาทำหน้าฉงนเล็กน้อยที่มีคนเรียกชื่อตนเป็นภาษาไทย เมื่อรู้ว่าใครคือเจ้าของเสียง ไลลาฉีกยิ้มให้สตรีหน้าตาสวย ทว่าดวงตาคู่นั้นของเธอช่างหมองเศร้า ราวกับอมความทุกข์ไว้ใหญ่หลวง
“เมเชล” ไลลาทัก เมเชล เดอโอวาห์ ลูกครึ่งไทย-อิตาเลี่ยน เมเชลเกิดและโตในเมืองไทย จนกระทั่งอายุสิบห้าปี เธอได้ย้ายมาอยู่กับบิดาในอิตาลีพร้อมมารดา เมเชลเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนเดียวกันกับไลลา สนิทกันในระดับหนึ่งเพราะมักทำรายงานกลุ่มร่วมกัน พอเรียนจบก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย ข่าวล่าสุดที่ไลลารู้คือ เมเชลย้ายไปอยู่มิลาน
“ดีใจจังที่ได้เจอเธอ” เมเชลแสดงความคิดถึงไลลาด้วยการกอด
“ฉันก็ดีใจที่ได้เจอเธอ ฉันโทรหาเธอหลายครั้งแต่โทรไม่ติด เธอเปลี่ยนเบอร์หรือ” เมเชลหน้าเศร้าลงทันใดกับคำถาม และสีหน้า แววตาของเพื่อนก็ทำให้ไลลาจับสังเกตได้ “มีอะไรหรือเปล่าเมเชล”
“ไม่มีจ้ะ ไม่มี” เมเชลแก้ตัว “เธอมาซื้อของเหรอ แล้วนี่ใครเอ่ย รูปหล่อซะด้วย”
“อัลบาโรน่ะ ฉันเป็นพี่เลี้ยงแก” ไลลาตอบ “ฉันขอเบอร์มือถือใหม่ของเธอหน่อยสิ ว่างๆ จะได้คุยกัน”
“ฉัน...” เมเชลยังไม่ทันตอบ ชายตัวโตสองคนเดินจังก้ามาหาเมเชล ท่าทางของสองคนนี้น่ากลัว หนึ่งในสองคนเปล่งเสียงน่าเกรงขามออกมา
“ไปกันได้แล้วเมเชล ไปช้าเดี๋ยวก็โดนหรอก”
ไลลาไม่ชอบใจในน้ำเสียงและท่าทางวางอำนาจของชายทั้งสอง เธอมองหน้าเมเชลที่มีความหวาดกลัวให้เห็น แล้วมีความสงสัยเกิดขึ้นในใจไลลา
“ฉันไปก่อนนะไลลา” แม้ว่าไม่อยากไป อยากคุยต่อให้นานที่สุด ทว่าเมเชลก็ต้องจำใจกล่าวลา
“เบอร์ฉันเบอร์เดิมนะ มีอะไรโทรหาฉัน” เมเชลพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเดินห่างไลลาที่มองตามร่างเพื่อนสาวไปอย่างไม่วางตา
“เมื่อกี้ทำไม่คุยภาษาอิตาเลี่ยน” โคลล์ถามเมเชล
“ก็เพื่อนฉันเป็นคนไทยก็พูดภาษาไทยสิ” เมเชลไม่คิดเถียง เธอตอบตามความจริง
“ที่ฉันถามเพราะไม่อยากให้เธอเดือดร้อน แค่นี้เธอก็จะตายอยู่แล้ว ก่อปัญหาอีกมีหวังเจอลูกปืนแน่” โคลล์กล่าวเตือนด้วยความหวังดี “อย่าสร้างปัญหานะเมเชล ฉันไม่อยากสงสารเธอไปมากกว่านี้”
เมเชลไม่พูดตอบโต้ เธออยากถามเขามากกว่าว่า ตนสร้างปัญหาอะไรให้ใคร มีแต่คนก่อปัญหาไว้แล้วไม่แก้ ปล่อยให้เธอต้องรับกรรมแทน คนไม่สร้างปัญหาเดือดร้อน ตรงกันข้ามคนที่ทำลายชีวิตเธอกลับอยู่อย่างสุขสบาย คิดแล้วก็อดน้อยใจโชคชะตาและคนที่ขึ้นชื่อว่า พ่อกับแม่ไม่ได้ แต่จะทำอย่างไรได้ เธอเป็นลูก ลูกมีหน้าที่ตอบแทนบุญคุณบุพการี ต่อให้ตกนรกทั้งเป็นก็ต้องทำ เธอหวังว่าสักวันหนึ่ง ตนเองจะปลดเปลื้องจากพันธนาการทุกสิ่งอย่าง เป็นอิสระดังนกที่โบกโบยบินไปที่ใดก็ได้ ไม่ใช่ถูกจับใส่กรงทองเช่นทุกวันนี้...สักวันหนึ่งเมเชลจะเป็นนกหงส์หยกหลุดจากกรงขังให้จงได้
ร้านซานติเญ่ ร้านอาหารอิตาเลี่ยน-ฝรั่งเศสคือร้านที่ฟราน-เซสโก้นัดหมายกับลูกชายและไลลา พอคนถูกนัดเดินเข้ามาในร้านก็พบว่า ฟรานเซสโก้นั่งรออยู่ก่อนแล้ว สร้างความแปลกใจให้ไลลาไม่น้อยที่เห็นเขามาก่อน เพราะตอนที่ฟรานเซสโก้โทรศัพท์หาตน เขาบอกว่าติดธุระอยู่ เขาจึงไม่น่ามาถึงก่อนเธอ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดมันก็ยังดีกว่าเขายกเลิกนัด ซึ่งเป็นเรื่องที่ไลลากลัวไม่น้อย
“ป๊ะป๋า” อัลบาโรยิ้มเมื่อเห็นบิดา รีบวิ่งไปกอดฟรานเซสโก้ที่อ้าแขนรับร่างลูกชาย “ป๊ะป๋าฮะ วันนี้ผมอยากกินสปาเก็ตตี้ปลาแซลม่อนฮะ”
“อยากกินอะไรก็สั่งเลยครับ”
“ฮะ” เด็กชายยิ้มกว้าง คลายอ้อมแขนที่กอดบิดาแล้วเดินมานั่งบนเก้าอี้พิเศษที่มีไว้สำหรับเด็ก โดยมีไลลานั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับฟรานเซสโก้
และเมื่อมาครบองค์ประชุม บริการก็นำเมนูมาให้ทั้งสามเลือกรายการอาหาร ฟรานเซสโก้กัลไลลาสั่งอาหารฝรั่งเศสหนึ่งชุดที่ประกอบด้วยอาหารคาวและหวาน
“ผมเอานี่ฮะ นี่ด้วย แล้วก็นี่...นี่...นี่”
อัลบาโรที่ยังไม่แตกฉานเรื่องการอ่านเขียนภาษาอิตาเลี่ยน เด็กชายจึงใช้วิธีชี้ตามรูปอาหาร ชี้สั่งถึงห้าอย่าง ฟรานเซสโก้ไม่ได้ว่าลูกชายที่สั่งอาหารเกินพอดี เขากลับยิ้มให้ด้วยความเอ็นดู ทว่าไลลาไม่ใช่ เธอไม่ปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปแน่
“เดี๋ยวก่อนค่ะ อย่าเพิ่งรับออเดอร์ของเด็กคนนี้” ไลลาบอกพนักงานร้าน ก่อนจะหันมามองอัลบาโรที่มองเธอตาปริบ “อัลบาโรสั่งกี่อย่างรู้ไหมครับ”
“ไม่รู้ฮะ ผมเห็นมันน่ากินก็เลยสั่ง” อัลบาโรตอบอย่างใสซื่อ คนเป็นพ่อไม่ได้ปริปากพูดคำใด ได้แต่นั่งมองดูว่า ไลลากำลังทำอะไร
“อัลบาโรสั่งมาทั้งหมดห้าอย่าง สั่งเยอะแบบนี้จะกินคนเดียวหมดหรือครับ”
“ไม่หมดฮะ”
“รู้ว่ากินไม่หมดจะสั่งมาทำไมเยอะครับ ทำไมไม่สั่งเท่าที่ตัวเองกินไหว”
“กินไม่หมดก็ทิ้งสิฮะ ผมกินอาหารเหลือทีไร ลิซ่าก็ทิ้งทุกที”
อัลบาโรติดนิสัยกินทิ้งกินขว้างมาตั้งแต่ไหนแต่ไร บางครั้งกินไปสองสามคำที่เหลือทิ้งก็มี อาจเป็นเพราะไม่มีใครอบรมสั่งสอนให้รู้คุณค่าของอาหารที่ทาน เรื่องนี้จะโทษลิซ่าว่า ไม่สอนสั่งอัลบาโรก็ไม่ได้ ลิซ่าอาจสอนแต่อัลบาโรไม่จำ หรือสอนแต่ไม่อธิบายให้เข้าใจ
“ทำอย่างนี้ไม่ได้นะ กินทิ้งกินขว้างไม่ได้ สั่งมาก็ต้องกินให้หมด” ไลลาสอน
“ทำไมล่ะฮะ ทำไมต้องกินให้หมด ป๊ะป๋ารวยกินหมดบ้างทิ้งบ้างไม่เป็นไร ไม่ต้องเสียดายฮะ”
ฟรานเซสโก้กับไลลาตกใจและอึ้งไปกับคำพูดจากปากเด็กห้าขวบที่บอกให้สองหนุ่มสาวรู้ว่า หากอัลบาโรเติบโตเป็นหนุ่ม เด็กชายคงใช้เงินอย่างกับเบี้ย ไม่รู้จักคุณค่าเงินที่ใช้จ่าย ดีแต่ใช้ไม่คิดเสียดายความฟุ่มเฟือยที่จ่ายไป ต่อให้มีร้อยล้านพันล้านก็หมด
“ใครสอนให้ลูกคิดแบบนี้”
ฟรานเซสโก้ถามเสียงขรึม เขาเป็นเจ้าของเงินที่มีอยู่อย่างมากมาย ยังไม่มีความคิดเช่นนี้ในสมอง ฟรานเซสโก้รู้จักใช้เงิน รู้ว่าสิ่งไหนควรจ่ายและไม่ควรจ่าย ไม่ใช่ว่ารวยแล้วจะใช้เงินมือเติบ คิดว่าหมดแล้วหาใหม่ เขาไม่เคยคิดเช่นนั้น ฟรานเซสโก้มีความคิดที่ดีว่า ใช้ไปเท่าไหร่ต้องหามาคืนเป็นสองเท่า