รังรองกัดริมฝีปากตัวเองจนรู้สึกเจ็บ กำหมัดเข้าหากันจนแน่น รู้สึกเสียหน้าหล่อนเกลียดอาการเฉยชาของชายหนุ่มอดีตคนรัก เขาเคยรักหล่อนจนหัวปักหัวปำ
“ว่าธุระของคุณมา ผมไม่มีเวลามากพอ” วิรุจเอ่ยไม่ได้มองหน้า เพราะคนตรงหน้าไม่ได้สำคัญกับเขา
“รังเกียจรังรองถึงขนาดไม่อยากมองหน้าเลยหรือคะ” เสียงหวานแหลมเอ่ยถาม พอเข้าใจอาการของอีกฝ่ายดี
ตั้งแต่เสร็จงานศพของพ่อ วิรุจพูดกับหล่อนแทบนับคำได้ และหากไม่มีเรื่องหรือเป็นเพราะหล่อนจงใจถาม เขาคงไม่คิดสนทนากับหล่อนเลยด้วยซ้ำ
วิรุจวางแฟ้มในมือ แหงนหน้าเพียงนิดอย่างนึกสมเพช “หากไม่ติด...” ชายหนุ่มหยุดพูด ส่ายหน้ามองไปยังทิศทางอื่น รู้สึกลำคอแห้งผาก เขาอยากพูดให้หล่อนสำนึก แต่หากไม่เป็นเพราะคำพูดที่เหมือนเป็นคำสั่งเสียจากบิดาที่เคยบอกไว้เขาคงจัดการอะไรได้ง่ายกว่านี้
‘พ่อรู้ว่าลูกอาจจะไม่พอใจรังรองอยู่...แต่ตลอดเวลาที่เธออยู่กับพ่อ เธอทำให้พ่อคลายเหงา...’ ใบหน้าที่ดูหมองคล้ำของคนเป็นพ่อดูสดชื่นขึ้นเมื่อเอ่ยถึงอีกคนต่อหน้าเขาและเขารู้ดีว่าที่พ่อเอ่ยมานั้นหมายถึงช่วงที่เขาไม่อยู่นั่นเอง ‘หากสิ่งที่เธอทำ ดูผิดหูผิดตาไป ลูกให้อภัยเธอนะ ความดีของเธอก็มีมาก พ่ออยากให้ทุกอย่างลบล้างกันไป...’
คำพูดที่เหมือนจะรู้ชะตากรรมตัวเองเอ่ยบอกลูกชายและคำพูดนั้นทำให้คนเป็นลูกอย่างเขาต้องก้มหน้ารับฟังอย่างเลี่ยงไม่ได้!
คำพูดที่แฝงไปด้วยความรู้สึกห่วงใย หากชายหนุ่มจะเปิดใจสักนิดคงรู้ความจริงบางอย่าง ที่บิดาเขาปกปิดไว้ ท่านรู้อยู่เต็มอก แต่ก็พร้อมที่จะให้อภัย...
“ทำไมมันติดอยู่ตรงไหน คุณบอกออกมาสิ รังรองก็อยากรู้เหมือนกันว่าสิ่งที่คุณไม่กล้าเอ่ยมันคืออะไร” คนพูดก้าวเข้ามาเผชิญหน้าชายหนุ่มที่บัดนี้ใบหน้าแดงก่ำเพราะคำพูดที่ท้าทาย
ปัง! สองมือหนาตบลงไปบนโต๊ะพร้อมกับดันตัวเองลุกขึ้น จ้องมองคนตรงหน้าอย่างชิงชัง
“อย่ามายุ่งกับผม ได้โปรดไปอยู่ในที่ที่คุณควรจะอยู่เถอะ รังรอง”
ใบหน้าคมตึงเครียดเส้นเลือดตรงขมับปูดโปน เขาพยายามอดกลั้นประคับประคองคำพูดให้ฟังดูดีที่สุด ด้วยความคับแค้นสุมอยู่เต็มอก มองหล่อนอย่างชิงชังคั่งแค้นแต่ก็ไม่อาจจะฟาดฟันใส่คนตรงหน้าได้
เขาอยากบอกออกไปนักว่าขยะแขยงจนไม่อยากพูดคุย ในสิ่งที่ตัวหล่อนได้ทำลงไป...!
หากว่าหล่อนเป็นแค่คนงานธรรมดา หรือเป็นเมียเก็บของพ่อที่ไม่มีความหมายอะไร เขาคงให้เงินสักก้อนแล้วปล่อยให้หล่อนไปตามทาง ซึ่งก็คงจะทำให้เขารู้สึกดีกว่านี้ แต่นั่นเขาก็ทำไม่ได้
“คุณเป็นอะไรของคุณ” น้ำเสียงไม่ปลื้มกับคำพูดเอ่ยถามโดยที่หล่อนเองไม่ได้สนใจสีหน้าของอีกฝ่ายก่อนจะคลี่ยิ้มอย่างคนมีชัยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่อาจทำอะไรเธอได้
“ที่ที่ฉันควรอยู่คือตรงนี้กับคุณ คุณคงไม่ลืม” น้ำเสียงชัดเจน พร้อมชี้นิ้วตรงจุดที่ตนเองยืนอยู่ เพื่อย้ำให้อีกฝ่ายเข้าใจตรงกัน กับจุดประสงค์ของเธอ
“สิ่งที่คุณทำได้ตอนนี้คือยอม...แล้วทุกอย่างมันก็จะดีเอง”เธอเอ่ยเหมือนกับว่าอีกคนจะกลัวพร้อมพาร่างสมส่วนที่อวบอัด ดวงตาคมประกายที่อีกคนไม่อาจหยั่งถึง เดินนวยนาดเข้าหาร่างแกร่งอย่างไม่เกรงกลัวสีหน้าและท่าทีของฝ่ายตรงข้าม ที่ดูเหมือนจะพร้อมหักคอเธอได้ทุกเมื่อ
หากจะทำอะไรเธอจริงๆ เขาคงทำไปนานแล้ว...! รังรองคิดอย่างได้ใจ
แขนเรียว ยกโอบรอบคอแกร่ง เบียดอกอวบอิ่มไปกับแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของอีกฝ่ายอย่างจงใจ ดวงตาเปล่งประกายพราวฝัน เอ่ยเสียงหวานหยด “ทุกอย่างมันจะเป็นไปตามสัญญา คุณอย่าลืม...สิ่งไหนที่คุณอยากได้หากรังรอง ไม่เต็มใจรุจก็อย่าหวังว่ารังรองจะให้ได้ง่ายๆ หากสิ่งที่รุจทำมันเป็นที่ไม่น่าพอใจ...” กระซิบเบาๆ ข้างๆวิรุจกัดฟันกรอด
เมื่อคิดว่ามีจังหวะ ริมฝีปากบางยื่นไปหอมแก้มอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว แล้วคลายวงแขนออก
“คุณนี่มัน...” ด่าไปหล่อนก็ไม่เจ็บ เขาจึงหยุดคำพูดไว้แค่นั้น โดยส่งสายตาไม่พอใจ ค้านการกระทำ ไม่เหมาะสม ให้พอแค่นั้น
“รังรองจะออกไปก่อน ยังไงค่อยคุยกันวันหลัง รอคุณอารมณ์ดีกว่านี้” เสียงแหลมหวานเอ่ยบอก ก่อนจะหันหลังเดินออกไป
ริมฝีปากที่แต่งแต้มไว้อย่างดียกยิ้มอย่างเป็นต่อ ตอนนี้เธอแค่รอเวลาเหมาะ แล้วค่อยเล่นงานให้ชายหนุ่มไม่อาจปฏิเสธสิ่งที่เธอเรียกร้องได้ หากเกมก็คือเกม ไหวพริบที่มีก็ต้องงัดออกมาใช้และแถมด้วยเล่ห์เหลี่ยม ที่มาพร้อมกับดวง
ความแข็งแกร่งของจิตใจคงใช้ไม่ได้สำหรับเธอ...
วิรุจสูดลมหายใจลึกๆ แล้วผ่อนออกมาเบาๆ เรื่องที่เป็นปัญหามากที่สุดคือ ‘พินัยกรรม’ ที่เขากับหล่อนเพิ่งรับรู้จากทนาย คนเป็นพ่อไปทำไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทนายความไม่ได้เอ่ยบอกและเขาเองก็ไม่คิดจะถามเพราะนั่นมันเป็นสิทธิ์ของเจ้าของที่เสียชีวิตไปแล้ว...
เมรีพาหัวใจที่เต้นแรงหลบหลังต้นไม้ มือเรียวลูบไปยังหน้าท้องที่เคยแบนราบแต่มาบัดนี้มันนูนเด่นออกมาบ้างแล้ว โดยอีกมือยกขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลรินลงมาเป็นทางยาวอย่างรีบร้อน ก่อนจะกลืนก้อนแข็งๆ ลงคอไปและพยายามปรับอารมณ์ให้ปกติที่สุด แต่เสียงสะอื้นก็ยังเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน
เสียงสะอื้นเบาๆ ทำให้เท้าบางของรังรองหยุดชะงัก ก่อนจะหันมองไปรอบๆ
“อุ้ย...!” เธอแสร้งอุทานออกมาเบาๆ “นึกว่าใคร เธอนี่เอง” ริมฝีปากแบะออกอย่างเยาะเย้ย สายตาชิงชังมองออกมาอย่างเปิดเผย อาการที่เห็นของคนตรงหน้า ทำให้คนอย่างรังรองสะใจเป็นอย่างมาก บวกกับภาพที่มือเรียวเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า ทำให้รู้ว่า ตัวเธอได้เดินหน้ามาถูกทางแล้ว