เมรีพาหัวใจที่เต้นแรงหลบหลังต้นไม้ มือเรียวลูบไปยังหน้าท้องที่เคยแบนราบแต่มาบัดนี้มันนูนเด่นออกมาบ้างแล้ว โดยอีกมือยกขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลรินลงมาเป็นทางยาวอย่างรีบร้อน ก่อนจะกลืนก้อนแข็งๆ ลงคอไปและพยายามปรับอารมณ์ให้ปกติที่สุด แต่เสียงสะอื้นก็ยังเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน
เสียงสะอื้นเบาๆ ทำให้เท้าบางของรังรองหยุดชะงัก ก่อนจะหันมองไปรอบๆ
“อุ้ย...!” เธอแสร้งอุทานออกมาเบาๆ “นึกว่าใคร เธอนี่เอง” ริมฝีปากแบะออกอย่างเยาะเย้ย สายตาชิงชังมองออกมาอย่างเปิดเผย อาการที่เห็นของคนตรงหน้า ทำให้คนอย่างรังรองสะใจเป็นอย่างมาก บวกกับภาพที่มือเรียวเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า ทำให้รู้ว่า ตัวเธอได้เดินหน้ามาถูกทางแล้ว
ตากลมโตเพ่งมอง แม้ภาพที่มองเห็นจะพร่าไปเพราะน้ำตาที่ยังแห้งไม่สนิท แต่ภาพที่เห็นก่อนหน้าชัดเจนยิ่งกว่า จังหวะหัวใจเต้นแรง ตอบรับกับภาพที่ยังติดตา ปลายจมูกร้อนฉ่า ดวงตากำลังกลั่นน้ำตาให้ไหลเป็นหยดน้ำอีกครั้ง หากแต่เจ้าของกลับกลั้นเอาไว้แหงนหน้ามองท้องฟ้า เพื่อส่งน้ำใสที่กำลังประจานความอ่อนแอของตัวเองกลับสู่ที่เดิม
คนอย่างเธอไม่น่ามาเสียน้ำตากับเรื่องแบบนี้…
“แล้วไง...ไม่เคยเห็นคนร้องไห้เสียใจเพราะการกระทำที่ไร้ศีลธรรมของใครบางคนหรือไง...” เมื่อได้สติ ใบหน้าหวานเชิดขึ้น อย่างไม่แคร์ความรู้สึก ที่เจอมาก่อนหน้า เพราะนิสัยเธอมันไม่เคยยอมใครอยู่แล้ว...
คำว่าศีลธรรม คงใช้ได้กับคนที่ใฝ่ดีและเข้าใจเท่านั้น หากแต่กับคนที่ไม่เข้าใจ หรือไม่คิดที่จะเข้าใจ พูดไปไร้ประโยชน์
เช่นเดียวกับจิตใจของผู้หญิงตรงหน้า แม้รู้อยู่ว่าชายหนุ่มคนรักของเธอ ไม่อยากเล่นด้วย ‘เทียนไขละลายเมื่อโดนความร้อนฉันใด มนุษย์ที่มีเลือดเนื้อและความรู้สึกไม่ตายด้านฉันนั้น’ ความต้องการของธรรมชาติก็มีตามมา และนั้นเป็นสิ่งที่เมรีกลัว น้ำมันใกล้ไฟ...!
รังรองหน้าชา รู้สึกแปลกใจกับคำพูดอีกฝ่าย หากแต่หล่อนพอจะเดาอะไรได้บ้าง คงเห็นภาพบางอย่างเข้าแล้ว…
รังรองปรับสีหน้า “เชอะ...!” ไขว่ไหล่ไม่สนใจ “เก่งดีนี่...ร้องไห้น้ำตาไม่ทันแห้ง ปากดีเสียแล้ว น่าสงสารดีแท้” แถด้วยสายตาเยาะเย้ย กวาดมองทั่วร่างบาง
หากแต่พลันสายตาสะดุดกับมือเรียว ที่อยู่ตำแหน่งบนหน้าท้องของเมรี นัยน์ตากลมโตหรี่แคบ ความรู้สึกบางอย่างโหมเข้ามาให้เธอฉุกคิด “ท้องกี่เดือนแล้ว” อดไม่ได้ จึงโพล่งถามแม้จะไม่มั่นใจนัก แต่ความรู้สึกอิจฉาที่มีอยู่ ทำให้คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างสงสัยทันที ไม่คิดว่าใครจะดูออก ความลับที่เธอปกปิด ไม่ว่าใคร “ใครท้อง” เมรีถามกลับ ไม่เชิงปฏิเสธ
รังรองเดินเข้ามาใกล้และสิ่งที่เมรีไม่คาดคิด มือเรียวข้างหนึ่งของหล่อนก็ยื่นมาผลักไหล่บาง พร้อมกับคำพูดที่ต้องการคำตอบที่ชัดเจน “ก็เธอนั่นแหละ หรือว่าไม่จริง...”
สายตาไหวระริกมองอย่างไม่อยากจะเชื่อ พร้อมความรู้สึกปวดร้าวกับภาพที่ซ้อนทับขึ้นมา
“ทำไมฉันต้องตอบ” เมรีกลั่นกรองคำถามออกมาแค่สั้นๆ แม้จะอัดแน่น ไปด้วยความรู้สึกน้อยใจ
ภาพเมื่อก่อนหน้านั้น สื่อให้เห็นว่าสองคนนั้น มีความสัมพันธ์มากกว่าแม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยง แน่นอน!
“ก็ไม่ทำไมหรอก แค่เป็นห่วง” ปรายสายตามองอีกคนอย่างใช้ความคิด เมรีหน้าร้องวาบ อาการของคนที่บอกว่าเป็นห่วง ไม่ได้แสดงว่าเป็นห่วงเธออย่างที่ปากพูด
“ขอบคุณกับความเป็นห่วง แต่ฉันไม่ต้องการ...” ด้วยอารมณ์คุกรุ่นตั้งแต่เข้าไปเห็นภาพโอบกอดกันก่อนหน้า เมรีจึงกวาดสายตามองอีกคน จากหัวจรดปลายเท้า ด้วยอยากเอาคืนเล็กๆน้อยๆ
รังรองหน้าชา ไม่คิดว่าผู้หญิงที่ดูนิ่งๆเงียบๆ จะใช้กิริยาแบบนี้กับเขาเหมือนกัน น้ำเสียงเด็ดขาด นัยน์ตาทอประกายแข็งกล้า ตาต่อตาฟันต่อฟัน
“ไร้มารยาท!” เสียงแหลมแผดออกมาอย่างโกรธจัด ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าใช้กิริยาแบบนี้ต่อหน้าเธอ
“ก็แค่ คนไร้มารยาทเท่านั้นแหละค่ะ” เมรีตอกกลับ รู้ว่าอีกฝ่ายต่อว่าเธอด้วยเรื่องอะไร
...ก็แค่สายตา แต่ดูอีกฝ่ายจะเดือดจัด เมรีคิดแล้วยิ้มเหยียด
รังรองได้แต่อ้าปากค้างก่อนจะตั้งสติได้แล้วเอ่ยอย่างไม่รักษาท่าทีอีกต่อไป “นี่...แก...นังเมย์ แกคิดว่าฉันเป็นคนไม่มีมารยาทหรอ วอนเจอดีนะแก” แววตาและคำพูด พร้อมนิ้วชี้ ไปยังคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ทำเอาอารมณ์ที่พุ่งสูงอยู่แล้วถึงกับขาดผึง นิ้วที่ยังชี้อีกฝ่ายยังไม่ลดลงแถมจะมุ่งตรงเข้าไปถึงตัว
“หยุดนะ! อย่ามาเรียกคนอื่นเขาแบบนี้อีกคุณรังรอง และหยุดกิริยาก้าวร้าว เดี๋ยวจะหาว่าฉันไม่เตือน” เมรีชี้นิ้วดัก คนที่เธอคิดว่าจะเข้ามาประทุษร้ายหยุดชะงัก
“จริงด้วยครับ...ผมว่าคุณรังรองอยู่ห่างๆ คุณเมย์ไว้จะดีกว่า” เสียงทุ้มดังขัดขึ้น ทำให้สองสาวที่กำลังโต้กันอยู่ หันมองไปยังอีกด้านของเสียง เมรียิ้มอย่างโล่งใจเมื่อรู้ว่าเป็นใคร หากแต่อีกคนหน้าตึงจนแทบฉีกแตกเป็นชิ้นๆ
“คุณเมย์จะไปไหนก็ไปเถอะครับ อย่าสนใจเรื่องตรงนี้เลยนะครับ”
“ค่ะ” เมรีขานรับ ยิ้มเจื่อนๆ ให้คนที่เข้ามายุติเรื่องไว้ หากไม่เช่นนั้นเธอไม่รู้ว่ามันจะจบด้วยเหตุการณ์อย่างไร ก่อนจะส่งสายตา ไร้ซึ่งอารมณ์ไปให้หญิงอีกคน แล้วเดินผ่านหน้าชายสูงวัยไปอย่างรวดเร็ว
ไม่ใช่เพราะกลัวหากแต่อารมณ์ลึกๆ มันเจ็บปวดกับภาพที่ยังติดตา หากขืนช้าน้ำตาที่พร้อมจะเอ่ออาจจะออกมาประจานความอ่อนแอของตัวเองอีกรอบก็เป็นได้!
“แล้วเราจะได้เห็นกันนังเมย์...” น้ำเสียงหมายมาดส่งตามหลัง ก่อนจะสะบัดหน้าหันมามองคนเข้ามาใหม่
“มายุ่งอะไรด้วย...จะมาสะเออะทำไม!” สายตามองมา ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ามองอีกคน ที่เดินจากไปแล้ว
คำพูดก้าวร้าวไม่เคยให้เกียรติคนสูงวัยกว่า ทำให้ลุงพลไม่คิดถือสา เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่าการเข้ามาแบบนี้ต้องโดนแน่นอนสำหรับผู้หญิงคนนี้
“ผมรู้ตัวดีแต่สิ่งที่คุณรังรองทำอยู่มันไม่เหมาะสมและไม่สมควรอย่างมาก...”
“ไม่ต้องมาสอน ฉันรู้ดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ หากไม่อยากตกงานก็อยู่ให้เงียบๆ เอาไว้”
“คุณกำลังข่มขู่ผมหรือ”
“เปล่า...” ลากเสียงยาวไขว่ไหล่ไม่แคร์สายตาเป็นคำถามของอีกคน “ฉันทำจริง”
คำขู่ที่เปล่งออกมา ลุงพลเลือกที่จะเก็บอารมณ์เอาไว้ เถียงต่อไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์