ไอ้ยิมมองผมนานมาก นานจนผมอึดอัดและไม่เข้าใจสายตาที่มันส่งมาให้ มันล้อเล่นอะไรของมันวะ ผมงงนะเนี่ย
“อะไรของมึงวะ มึงทำกูเสียขวัญกำลังใจนะเนี่ย” ผมย่นคิ้วและกลืนน้ำลายเล็กๆ ไอ้ยิมไม่ตอบเอาแต่ยิ้มกริ่มที่มุมปากและมองผมนิ่งๆ บรรยากาศที่เงียบทำให้ผมสับสนหนักเข้าไปอีก
“ยิม มึงอย่าเงียบดิ กูใจคอไม่ดีนะเนี่ย”
“กูนอนละ” ไอ้ยิมตัดบทเอาดื้อๆ จนผมงง และที่งงยิ่งกว่าคือการที่มันไม่ได้เดินไปนอนอย่างปกติ แต่มันกลับดันตัวผมและเทน้ำหนักลงมาจนผมเซลงไปบนฟูก ผมยังไม่ทันจะได้โวยวายอะไร ไอ้ยิมก็กระแทกแผ่นหลังลงมาทับหน้าอกของผมก่อนจะกางแขนกางขาสี่สิบห้าองศาพาดไว้บนหน้าผมบ้าง พาดขาผมบ้างจนขยับไม่ได้
“ยิม มึงคิดว่ามึงตัวเบาเหรอวะ หนักอย่างควายแล้วมานอนทับกู กูหายใจไม่ออก” ผมบ่นมันก่อนจะเหล่สายตามองไอ้ยิมอย่างหมั่นไส้ เห็นผมมาง้อเข้าหน่อย คิดว่ามันจะทำอะไรกับผมก็ได้หรือไงวะ “ไอ้ยิม!”
“ทำไมมึงพูดมากจังวะ กูจะนอนแล้ว”
“นอนบ้าไร ไฟก็ไม่ปิด”
“ช่างมัน กูขี้เกียจ”
“มึงรีบนอนเหรอวะ เพิ่งสองทุ่มเอง”
“เออ มึงนอนไปเถอะ ถ้ามึงไม่นอนตอนนี้ มึงจะไม่ได้นอนแน่”
“ทำไมไม่ได้นอนวะ”
“อย่าถามมาก นอนไป” ไอ้ยิมดุ แต่ก็ไม่ยอมลุกออกไปจากตัวผม ผมถอนหายใจหนักๆ แม่งไม่สนใจเลยว่าผมล้างหน้าล้างตาแปรงฟันทำห่าอะไรรึยัง บทจะนอนมันก็บังคับให้นอนอย่างเดียว เสื้อผ้าผมยังไม่เปลี่ยนเลยด้วยซ้ำ ผมจะนอนทั้งที่ใส่กางเกงยีนส์เนี่ยนะ ร้อนตายชัก
“ยิม ถ้ามึงจะนอนกูก็ไม่ขัดหรอกนะ แต่กรุณาช่วยลุกออกจากตัวกู ให้กูได้เปลี่ยนกางเกงยีนส์เป็นกางเกงขาสั้นหรืออะไรสักอย่างเถอะ กูร้อน”
“เรื่องมากจังวะ” ไอ้ยิมจิ๊จ๊ะก่อนจะยันตัวลุกขึ้นแล้วหมุนหน้ามามองที่ผม จู่ๆ คนตัวสูงก็ยื่นมือมาแตะที่เข็มขัดจนผมสะดุ้งด้วยความประหลาดใจ
“เฮ้ย อะไร?” ผมหยุดมือไอ้ยิมแทบจะทันที มันย่นคิ้วก่อนจะตวัดสายตาหงุดหงิดใส่ผมนิดๆ พร้อมกับตอบด้วยสีหน้าราบเรียบ
“ก็มึงจะเปลี่ยนกางเกงไม่ใช่เหรอ?”
“ก็ใช่ แล้วมึงมาจับเข็มขัดกูเพื่อ?”
“อ้าว ก็นึกว่าอยากให้เสร็จไวๆ” มันหัวเราะ “กูเลยจะช่วยถอดให้ไง”
“เชี่ย กูถอดเองได้” ผมตีมือไอ้ยิมที่ยิ้มกรุ้มกริ่มด้วยใบหน้าที่ไม่น่าวางใจนัก ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นเพื่อนผมและคบกันมานาน ผมคงคิดว่ามันวอนนาบีที่จะอะไรๆ กับผมแน่ๆ
“ไม่ให้ช่วยถอดเหรอ?” มันถามผมซ้ำแล้วมองด้วยสายตาที่ชวนจินตนาการ ผมส่ายหัวแล้วดึงแขนไอ้ยิมออกด้วยแรงทั้งหมด
“ไม่ต้อง เอากางเกงมาให้กูยืมก็พอ”
“มึงใส่กางเกงนอนด้วยเหรอวะ”
“ก็ต้องใส่ดิวะ มีใครไม่ใส่นอนมั่ง”
“กูไง แต่กูแค่ยังไม่ถอด” ไอ้ยิมทำหน้ากวนตีนแล้วยิ้มมีเลศนัยทำให้ผมมองมันอย่างหมั่นไส้ โอเค พวกเราอาจจะเพศเดียวกัน สนิทกันนานแล้ว แต่ผมยังไม่โอเคกับการที่แม่งจะมานอนแก้ผ้าแก้ผ่อนโชว์เนื้อหนังมังสาให้ประจักษ์แก่สายตาของผมตอนนี้ “ขนาดกางเกงในกูยังไม่ใส่เลยนะ รู้เปล่า”
“สัสยิม มึงใส่เหอะ อย่าให้กูต้องขอร้องเลยนะ อย่างน้อยมึงก็ควรมีกางเกงในอ่ะ มึงจะนอนต่องแต่งไม่ได้นะเว้ย ต่อให้กูเป็นเพื่อนมึงนานแค่ไหน มึงก็ควรเกรงใจกูบ้าง”
“สนใจอะไรวะ ก็มีเหมือนกัน”
“สนบ้างเหอะ”
“เพื่อนกันปะวะ แค่นี้มึงรับกูไม่ได้เหรอ”
“เออๆ เรื่องของมึงเหอะ จะนอนแก้ผ้าก็เรื่องของมึง แต่หากางเกงขาสั้นมาให้กูด้วย กูร้อน” ผมตัดรำคาญไอ้ยิมแล้วจัดการกับเข็มขัดและยันตัวลุกขึ้นเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าควานหากางเกงของมันเองโดยไม่รอให้เจ้าตัวมาหาให้ เพราะผมรู้ว่าถ้ารอ ไม่รู้ชาติหน้าจะได้ใส่รึเปล่า
“มึงร้อน มึงก็ไปอาบน้ำดิ ห้องกูมีทุกอย่างให้มึงนะยีนส์ เสื้อผ้า ยาสระผม แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่เหลว”
“พรีเซ้นส์จังนะ ทำยังกะจะชวนกูมาอยู่ด้วย”
“ก็เออไง กูชวน”
ไอ้ยิมว่าทำเอาผมชะงักเล็กๆ มันรีบแก้ตัวเมื่อเห็นว่าผมย่นคิ้วสงสัยในพฤติกรรมประหลาดของมัน ร้อยวันพันปีไม่เคยชวน จู่ๆ มาชวนมันทะแม่งๆ นะ “มึงก็เห็นว่าห้องกูมันดีแค่ไหน ราคามันก็ต้องแพงตามเกรดของมัน กูก็แค่อยากหาคนแชร์เฉยๆ”
“มึงไม่ชวนเพื่อนรักมึงวะ ไอ้ปืนอ่ะ”
“ต่อยกับกูสักยกมั้ยยีนส์”
เพราะไอ้ยิมชักสีหน้าหงุดหงิด ผมเลยหัวเราะในท่าทีของมัน
“กูแค่พูดเล่น”
“แล้วจะเอาไง มาอยู่มั้ย?”
“เดี๋ยวกูดูก่อนนะ เดี๋ยวบอก” ผมว่าก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินดุ่มๆ ไปที่ห้องน้ำ ทว่ายังเดินไปไม่ถึงจุดหมาย เสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นมาซะก่อน
“เพื่อนรักมึงโทรมา” ไอ้ยิมเบะปากเล็กน้อยแล้วโยนมือถือมาให้ผม และต่อให้ผมไม่มองชื่อก็รู้ว่าใครโทรเข้า แค่เห็นหน้าไอ้ยิมก็บอกทุกอย่างชัดเจนแล้วไง “เหมือนรู้เลยนะว่าอยู่กับกู ถึงกับต้องโทรมาตาม”
“มึงก็เว่อร์อีกละ มันคงมีอะไรนั่นแหละ” ผมพยายามหลบเลี่ยงการปะทะและพูดให้มันเย็นลง มันเพิ่งหายเคืองผมจากเรื่องไอ้ปืน มันจะมาเคืองผมอีกไม่ได้นะ
ผมกดรับสายก่อนที่เสียงแจ๋นๆ ของไอ้ปืนจะดังลอดสายเข้ามา
[ยีนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนส์]
“ว่าไง ลากเสียงซะยาว”
[กูตื่นเต้นว่ะ กูมีอะไรจะบอกแหละ อยู่ไหนเนี่ย]
“อยู่หอไอ้ยิม มีไรวะ?”
[มึงเห็นแชทที่กูส่งไปยัง] เสียงของมันกระตือรือร้นมาก มากซะจนผมสงสัย ตั้งแต่ผมเหยียบย่างเข้าธรณีประตูห้องไอ้ยิมมา ผมก็แทบจะไม่ได้แตะมือถือเลยสักกะนิด
“ยังว่ะ มีไรวะ”
[ไปดูๆๆๆๆ กูส่งให้มึงดูแล้ว]
“มึงจำเป็นต้องตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอวะ”
[เออ ตื่นเต้นดิ ไปดู]
“เออ เดี๋ยวกูอาบน้ำก่อน ค่อยดู”
[เฮ้ย ดูเลยดิ] ไอ้ปืนเล้าหลือให้ผมเข้าไปดูให้ได้ ผมถอนหายใจและตกปากรับคำมันอย่างเหนื่อยๆ เพราะรู้ว่าถ้าผมไม่ดู มันก็คงจะเซ้าซี้ไม่เลิก
“เออ แปปนึง” ผมว่าก่อนจะขยับมือถือเพื่อกดดูหน้าจอครู่นึง ก็เห็นภาพห้องใหญ่ๆ ที่ถูกถ่ายมาหลายมุม ตกแต่งสวยงามและหรูหราส่งมาให้ ผมย่นคิ้วงง “เออ กูดูแล้ว มีไรวะ”
[ห้องสวยปะ?]
“ก็สวยดีนะ”
[เออ ดิ มันสวยไง แถมมีฟิตเนส สระว่ายน้ำ ที่จอดรถ ทั้งหมดแค่เดือนละเจ็ดพัน!]
“มึงจะไปอยู่เหรอ? ก็ดีนะ ไปสิ” ผมให้ความเห็นกับมัน เพราะเท่าที่ฟังมา ห้องก็ดี บริการก็ครบ แถมคนอย่างไอ้ปืนชอบความสะดวกสบาย มันน่าจะปลื้มปริ่มกับที่นี่ เสียงปลายสายยังคงฟังดูตื่นเต้น ผมยังไม่คิดอะไรจนกระทั่งมันเอ่ยปากชวนผม...
[เปล่า กูจะชวนมึงไปอยู่ด้วยกัน]