เวลาเดินหน้าไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเลิกงาน
"อ้าว ฝนจะตกเหรอ ร่มก็ไม่ได้เอามาด้วยสิ" ขวัญนรีบ่นอยู่คนเดียวเมื่อเดินออกมาถึงประตูทางออก ใบหน้าสวยแหงนมองกลุ่มเมฆสีเทาที่เกาะกลุ่มกันอยู่เหนือตึก ดวงตากลมหรี่ลงเมื่อลมกระโชกเอาฝุ่นปลิวฟุ้งเข้ามา รีบยกมือป้องเหนือคิ้วหวังจะให้มันช่วยปกป้องดวงตาได้บ้าง
ในตอนนั้นเองที่เม็ดฝนเริ่มร่วงหล่นเปาะแปะ ขวัญนรีรอช้าไม่ได้แล้ว ขืนชักช้าห่าฝนได้ร่วงลงมาเดี๋ยวจะกลับบ้านไม่ได้พอดี เธอจึงรีบยกกระเป๋าสะพายขึ้นบังเม็ดฝนแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปป้ายรถประจำทางซึ่งห่างจากตรงนี้ประมาณสามร้อยเมตร แต่นั่นก็ไม่ทันเพราะตอนที่เธอเดินไปประมาณครึ่งทางฝนก็ตกซ่าลงมาอย่างหนัก กว่าจะไปถึงป้ายรถประจำทางเธอก็เปียกมะล่อกมะแล่กจนได้
"หนาวจัง.." ขวัญนรีบ่นเสียงเบายกแขนขึ้นกอดอกอย่างต้องการกักเก็บไออุ่นเอาไว้ให้ได้เยอะที่สุด
แต่ด้วยเพราะลมฝนนั้นแรง ถึงป้ายรอรถประจำทางจะมีหลังคาแต่ละอองฝนก็สาดเข้ามาโดนอยู่ดี เธอที่เปียกอยู่แล้วพอโดนทั้งลมทั้งฝนก็ยิ่งหนาวสั่นไปกันใหญ่ หันไปมองรอบ ๆ ก็พบว่าคนที่รอรถประจำทางก็ต่างก็พยายามจะเบียดตัวเข้าไปหาจุดที่เป็นมุมอับที่สุดเพื่อจะหลบลมฝนเหมือนกัน
ขวัญนรียืนรอรถประจำทางจนผ่านไปแล้วประมาณสี่สิบนาที รถโดยสารผ่านไปสองคันแล้ว แต่เพราะฝนตกเลยทำให้รถทั้งติดและผู้โดยสารก็ขึ้นเต็มคันจนไม่สามารถอัดขึ้นไปได้ เธอจึงจำเป็นต้องรอคันต่อไป จนตอนนี้เสื้อผ้าที่เปียกเริ่มหมาดลงแล้ว แต่ก็ไม่วายจะเกิดอาการหนาวสั่นเพราะลมได้พัดผ่านมาตลอด ริมฝีปากรับรู้ถึงไออุ่นของลมหายใจ ดูท่าแล้วเย็นนี้ต้องกินยาแก้ไข้เสียแล้ว
ปิ๊น!
ในตอนนั้นเองที่รถสปอร์ตสีแดงยี่ห้อหรูราคาแปดหลักได้มาจอดเทียบทางเท้า ด้วยลักษณะของรถที่แปลกตาก็เป็นจุดสนใจอยู่แล้ว แต่เสียงบีบแตรทำให้รถคันนั้นเป็นจุดสนใจมากขึ้น เมื่อกระจกรถถูกลดลง ก็พากันชะเง้อมองว่าคนด้านในหน้าตาเป็นอย่างไรและกำลังจะทักใคร
"คุณขวัญ! ขึ้นมา!" เสียงเจ้าของรถชะเง้อออกมาเรียกเลขาของตนโดยไม่สนว่าเม็ดฝนจะร่วงเข้ามาในรถเยอะขนาดไหน ขอให้ได้รับคนที่ยืนกอดอกสั่นงันงกขึ้นรถมาก็พอ
"ประธาน.." ขวัญนรีเอ่ยชื่อคนที่เธอไม่คิดว่าจะเป็นเจ้านายที่มาเรียกขึ้นรถ
"ขึ้นมา เร็ว!" รามิลเร่งเร้า ดีที่ตอนนี้รถจอดนิ่งเพราะติดไฟแดงสี่แยกข้างหน้า ไม่เช่นนั้นก็อาจจะโดนบีบแตรไล่ไปแล้วที่มาจอดแช่รับคน
เมื่อเจ้านายหนุ่มเร่งจึงทำให้เลขาสาวจำต้องยกกระเป๋าขึ้นบังเม็ดฝนแล้ววิ่งออกมาจากที่กำบังขึ้นรถสปอร์ตหรูด้วยความเร็ว ดีที่ตอนนี้ฝนได้ซาลงมากแล้ว เลขาคนสวยจึงไม่เปียกเท่าตอนแรก
"ผมจะไปส่ง ฝนตกแบบนี้รถโดยสารหายาก" รามิลหันไปพูดเลขาคนสวยเสียงเรียบ พยายามจะไม่เหลือบไปมองเงาบราเซียร์สีขาวที่โดนทรวงอวบดันจนนูนเด่นขึ้นมานั่นแต่ก็อดไม่ได้
เสื้อทำงานของเธอเป็นสีขาว พอเปียกน้ำเลยทำให้เห็นด้านในชัด ด้วยสายตาที่ดีดั่งสิงโตทำให้เขาเนินเนื้อที่อยู่เหนือขอบบราเซียร์ ยามเธอขยับตัวเพื่อดึงกระโปรงทรงเอให้ร่นลง เนื้อเนินอกก็กระเพื่อมนิด ๆ ทำเอาพ่อสิงห์ตัวโตอยากจะเอาหน้าลงไปคลุกดอมดมให้ชื่นใจ แต่พอเจ้าของโนมเนื้อเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องรีบดึงหน้าหันไปมองท้ายรถคันข้างหน้าอย่างเร็วไวราวกับว่าไม่เคยสนใจเนื้อสดข้าง ๆ นี้เลย
"แล้วประธานไม่มีธุระที่ไหนเหรอคะ? ส่งขวัญที่หน้าหมู่บ้านก็ได้เดี๋ยวขวัญเรียกวินเข้าไปเอง" ขวัญนรีถาม ไม่ใช่ว่าเธอเล่นตัว แต่เพราะรู้สึกเกรงใจมากกว่า
ตอนนี้ขวัญนรียังพักที่บ้านกับพ่อแม่ แต่ดูจากการเดินทางที่แสนลำบากวันนี้ ทำให้เธอมีความคิดที่จะหาหอพักใกล้ ๆ ที่ทำงานเสียแล้ว
"จะบ้าเหรอ! เรียกวินได้ยังไงเห็นโนะ..(นม) ตัวเปียกขนาดนี้ ผมจะไปส่ง บ้านอยู่ไหน?" รามิลลืมตัวดุเลขาสาวเสียงดังด้วยความโมโห เกือบจะบอกเหตุผลจริง ๆ ที่ดุออกไปแต่ก็เปลี่ยนคำใหม่ได้ทัน เธอไม่รู้ตัวหรือไงว่าตอนนี้ตัวเองน่าเข้าคลุกวงในแค่ไหน ขนาดเขาเจ้าลูกชายมันยังตื่นขนาดนี้ แล้วพวกวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่มักมีข่าวลวนลามผู้โดยสารให้ได้เห็นเป็นระยะ จะรับประกันได้อย่างไรว่าพอได้เห็นสภาพของเธอ พวกนั้นจะไม่คิดอกุศลเหมือนเขา
"ขวัญก็เรียกวินเข้าบ้านตลอด.." ขวัญนรีหน้าเหวอที่โดนดุ ทำไมเจ้านายถึงได้โมโหขึ้นมาล่ะ เธอก็เดินทางของเธอแบบนี้ประจำ
"บ้านอยู่ไหน?" รามิลถามเสียงห้วน ก่อนจะบังคับให้รถเคลื่อนไปข้างหน้าเพราะสัญญาณไฟจราจรได้เปลี่ยนเป็นไฟเขียวแล้ว
"อยู่แถวเขต G ค่ะ" ขวัญนรีจึงต้องตอบที่ตั้งของบ้านเธอเพราะน้ำเสียงกดดันนั่น ถึงจะไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้านายคนใหม่ถึงมาเดือดร้อนกับความเป็นอยู่ แต่ถ้าไม่ตอบเดี๋ยวก็โดนดุอีก
"ไกลนะนั่น" รามิลพูดขึ้นมา สายตายังจ้องไปยังข้างเพราะตอนนี้รถยังคงเคลื่อนตัวได้เรื่อย ๆ แถมฝนยังตกลงมาตลอดจำต้องเปิดที่ปัดน้ำฝนไว้ตลอด หากว่อกแว่กอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้
"ค่ะ ฮัดชิ้ว!" ขวัญนรีตอบแล้วก็จามออกมาอย่างอดกลั้นไว้ไม่ได้ ดูท่าเธออาจจะไข้แล้วแน่ ๆ ตัวเปียกแล้วยังมาโดนแอร์รถอีก ทำเอาเธอหนาวสะบั้นไปทั้งตัว สองมือยกกอดอกพลางลูบต้นแขนขึ้นลงเร็ว ๆ เพื่อเรียกความอุ่นให้ร่างกาย ดีนะที่เบาะรถเป็นหนัง ถ้าเป็นผ้าเธอไม่อยากจะคิดเลยว่าน้ำที่เปียกเสื้อผ้าจะซึมไปทำความเสียหายให้รถเจ้านายขนาดไหน
"หนาวเหรอ ผมไม่มีผ้าห่มเลย มีแต่เสื้อสูทตัวที่เลอะกาแฟเมื่อเช้า ห่มได้ไหม?" รามิลถามด้วยความเป็นห่วง ร่างใหญ่เอี้ยวตัวหันไปเอื้อมหยิบเสื้อสูทที่จะเอากลับไปส่งซักรีดมาให้สาวสวยข้าง ๆ ด้วยความที่ด้านในรถสปอร์ตนั้นแคบ ตอนที่ประธานหนุ่มดึงตัวกลับนั้นเอง ทำให้ใบหน้าได้เข้าไปใกล้กับใบหน้าสวย หัวใจแกร่งเกิดการเต้นโครมครามขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ทำไมแก้มของเธอถึงได้ดูเนียนนุ่มขนาดนี้นะ นึกอยากจะหอมสักฟอดแต่ก็ต้องหักห้ามใจไว้ ไม่อย่างนั้นก็คงดูเป็นโรคจิตที่จู่ ๆ ไปหอมแก้มผู้หญิงที่ไม่ใช่แฟนตัวเอง
"ได้ค่ะ ขออนุญาตนะคะ สงสัยขวัญจะเป็นไข้แล้วล่ะค่ะ" ขวัญนรีพูดเร็วก่อนจะค่อย ๆ ดึงเสื้อสูทมาจากมือหนาอย่างเกรงใจ แต่ความหนาวเหน็บทำให้เธอจำเป็นต้องหาผ้ามาคลุมตัว ขนาดว่าความเย็นของเครื่องปรับอากาศปรับไปที่ขีดต่ำสุดเธอก็ยังหนาว
"กลับถึงบ้านก็กินยาด้วยก็แล้วกัน" รามิลพูดพลางดึงตัวกลับนั่งตัวตรง ขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหาความสบายให้เจ้าลูกชายตัวดีที่มันพองคับกางเกงอีกแล้ว มันก็ขยันตื่นได้ตื่นดีจริง ๆ สงสัยคืนนี้ต้องพามันไปปลดปล่อยอีกแล้ว
"ค่ะ" ขวัญนรีรับคำ สองมือช่วยกันจับเสื้อคลุมตัวใหญ่คลุมจนถึงลำคอ กลิ่นน้ำหอมที่ติดอยู่เสื้อสูทโชยออกมาให้เธอได้สูดดมเป็นเนือง ๆ แล้วก็นึกสงสัยว่าเจ้านายใช้น้ำหอมยี่ห้ออะไรถึงได้หอมถูกจมูกเธอจัง
...........................
ประธานรามคนหื่น ตื่นได้ตื่นดี 555