ตอนที่ : 1 เงามัจจุราช

2096 Words
มัจจุราชสีดำ 1 เงามัจจุราช            เสียงรถที่แล่นฉิวไปมาอยู่ด้านบนส่งเสียงดังอึกทึกอยู่ตลอดเวลา หากย้อนมองไปด้านล่างของสะพาน ใต้เงามืดบริเวณริมตลิ่งแม่น้ำ จะพบเห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังยืนตัวสั่นภายใต้เงามัจจุราชที่กำลังหยิบยื่นความตายมาให้ ชายหนุ่มผู้มีหน้าที่ดับลมหายใจของเธอกำลังก้าวเท้าเข้ามาหาอย่างเนิบช้า กระบอกปืนชนิดเก็บเสียงในมือถูกยกขึ้น แล้วจ่อไปยังหน้าผากมนของอีกคน ดวงตาทั้งสองคู่ประสานมองสบกัน หน้าที่ก็ต้องเป็นหน้าที่ และเธอเมื่อหนีไม่พ้นก็ต้องยอมรับในชะตากรรม ไร้ซึ่งเสียงร้องขอชีวิตจากอีกคน            ปัง!            กระสุนวิ่งทะลุหน้าท้องของหญิงสาวไปอย่างรวดเร็ว เลือดไหลทะลักออกมาอย่างไม่ขาดสาย มือหนาของบางคนยื่นออกไปดึงข้อมือของหญิงสาวเอาไว้ ควรจะดีใจที่มีใครสักคนยื่นมือเข้ามาช่วย แต่...เมื่อมันเป็นมือเดียวกันกับคนที่หยิบยื่นความตายให้กับตัวเอง น้ำตาจึงไหลออกมาอาบสองแก้มนวล มือที่ดึงเธอเอาไว้กับสายตาที่เย็นชาแทบจะไม่หลงเหลือความเป็นคน และเมื่อเขาปล่อยมือออกห่าง ร่างของหญิงสาวก็ร่วงลิ่วลงสู่ผืนน้ำเบื้องล่างในทันที            ตูมมม!!!!            "กลับ" เขาสั่งคนของตัวเองที่ยืนอยู่บริเวณเดียวกัน จากนั้นอีกสามคนก็เดินตามคนสั่งกลับไปยังรถสีดำ ที่ติดฟิล์มกรองแสงทึบทั้งคัน            "รายงานพี่โคด้วยว่างานเสร็จแล้ว"            "ครับ" เมื่อรับคำหนึ่งในนั้นก็รีบโทรไปรายงานประมุขใหญ่ของบ้านในทันที ณ บ้านหลังใหญ่ ใครบางคนกำลังยืนนิ่งหลังจากกดวางสายโทรศัพท์ งานที่ให้น้องชายของตัวเองไปทำประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย แก้วเหล้าในมือถูกยกขึ้นกระดกลงคอในรวดเดียว หันไปมองดูที่ชั้นสองของบ้านแววตาบางอย่างก็เรืองโรจน์ขึ้นมา เพล้ง! เสียงแก้วที่ลอยไปกระทบพื้นเซรามิกดังขึ้น เขายิ้มเยาะที่มุมปากเล็กน้อย จากนั้นเจ้าตัวก็รีบตรงดิ่งขึ้นไปยังชั้นสอง ผลัวะ! เสียงเปิดประตูดังขึ้น ทำให้หญิงสาวที่นั่งอยู่บนเตียงนอนรีบลุกขึ้นยืนแล้วถอยหลังหนีไปอย่างรวดเร็ว            "ฉันให้คนส่งคุณหนูสุดที่รักของเธอไปนรกแล้ว" เขาเอ่ยวาจาที่สามารถสร้างความเจ็บปวดให้แก่ลารีขั้นเจ็บจนแทบกระอักเลือดได้            "อะไรนะ...คุณหนู คุณฆ่าคุณหนู...ไอ้คนเลว!" หญิงสาวตรงเข้าไปทุบกำปั้นตีเขาอย่างไม่ยั้ง น้ำหูน้ำตาไหลนองหน้า เมื่อได้รู้ว่าเจ้านายของตัวเองถูกฆ่าไปแล้ว อีกคนดูเหมือนจะรำคาญต่อแรงอันน้อยนิด เขาคว้าหมับเข้าที่เอวคอดแล้วโยนโครมไปบนเตียงนอน            "อุก..."            "คิดจะหยามน้ำหน้ากันโดยการส่งแม่บ้านมาแทนเจ้านาย ผลลัพธ์ที่กล้ามากระตุกหนวดเสือมันก็ต้องออกมาแบบนี้" เขาย่างสามขุมเข้าไปหาหญิงสาวที่นอนคุดคู้ด้วยความเจ็บปวดอยู่บนเตียง จะแค้นหรือสะใจครองภพก็อยากจะลงที่ผู้หญิงคนนี้            "คุณฆ่าคุณหนูทำไม เธอไม่รู้เรื่องด้วยเลย" ปากคอของคนพูดสั่นระริกไปด้วยความเสียใจ            "เธอเองก็เหมือนกัน ฉันก็ต้องฆ่า" แววตาอำมหิตไม่ได้บอกว่าเขาล้อเล่น หญิงสาวรีบร่นกระถดกายถอยหนีไปด้านบนของที่นอนด้วยความกลัว "ฉันไม่กลัว" ปากบอกว่าไม่ แต่ใจเต้นกระตุกไม่เป็นจังหวะ ความรู้สึกขาดสะบั้นลงเมื่อเขาบอกว่ามณีศิลาตาย            "ก็ดี กล้าหลอกขึ้นเตียงกับฉันแทนคุณหนูของตัวเอง แค่คิดเธอก็ตายได้แล้ว"            "นรกส่งคุณมาเกิดหรือไง" จากหญิงสาวที่คอยสงบปากสงบคำ ได้เปลี่ยนเป็นสาดวาจาด่าทอเขาอย่างไม่เกรงกลัวแทน เมื่อคุณหนูตายไปแล้ว มีหรือเธอจะรอด ลารีอยากจะตอกย้ำให้เขาเจ็บปวดดูบ้าง หลังจากที่เธอเป็นฝ่ายถูกกระทำเพียงฝ่ายเดียว            เพี้ยะ! ใบหน้างามสะบัดมีเลือดกบปากในทันที            "หึ คนเลว ลงมือได้แม้คนไม่มีทางสู้" แม้จะรู้สึกเจ็บแสนสาหัสน้ำตาก็ไหลนองหน้า แต่ปากก็ยังบริภาษเขาอย่างไม่หยุดหย่อน            เพี้ยะ! ยิ่งเธอด่า ฝ่ามือซาตานก็ยิ่งประทับลงมาหา            "ด่าอีกสิ อีการิอ่านจะมาแทนที่หงส์ พอถูกจับได้ก็เปลี่ยนสีแทบไม่ทัน ฉันฆ่าเธอแน่ไม่ต้องกลัวไปหรอก แต่ขอใช้ให้คุ้มค่าเสียก่อน" พูดจบก็กระโจนเข้าใส่คนที่นั่งอยู่บนเตียงนอน            แคว่ก! แคว่ก! แคว่ก! เสียงเสื้อผ้าถูกฉีกออกจนขาดวิ่นติดมือ เผยให้เห็นทรวดทรงอรชรอ้อนแอ้น แม้จะเคยผ่านการร่วมรักมาถึงสามครั้ง แต่เขาก็รู้สึกเลือดลมสูบฉีดทุกครั้งที่ได้เห็น... เงาบางที่ยืนนิ่งอยู่บนชั้นสองของบ้านกำลังหมดสิ้นหนทางในชีวิต ดวงตาคู่หมองเหลือบมองย้อนกลับเข้าไปยังคนที่อยู่บนเตียงนอน ถูกเขาข่มขืน ข่มเหง กักกันกระทำเยี่ยงสัตว์มาสามวันเต็ม เพียงเพื่อรอฟังข่าว แต่ว่าตอนนี้คุณหนูไม่อยู่บนโลกนี้อีกแล้ว เปล่าประโยชน์ที่เธอจะอยู่เป็นที่รองรับอารมณ์แค้นของเขาอีกต่อไป เปลือกตาทั้งสองข้างปิดลงพร้อมกัน ก่อนร่างบางจะลอยละลิ่วลงสู่เบื้องล่าง            ตุบ! แล้วแน่นิ่งไป            คนบนเตียงลืมตาโพลงขึ้นในทันทีที่ได้ยินเสียง เขากระตุกผ้าห่มออกจากกายแล้วรีบตรงไปยังระเบียงของห้อง ภาพของหญิงสาวที่เขาเพิ่งนอนกกกอดอยู่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา นอนจมกองเลือดสีแดงฉานอยู่ด้านล่าง กรามหนาบดเข้าหากันแน่นหนังตากระตุกขึ้นด้วยความโกรธ จัดการสั่งคนของตัวเองให้นำร่างของหญิงสาวส่งโรงพยาบาลโดยด่วน ส่วนตัวเขาเดินตรงกลับเข้าไปในห้องนอนด้วยสีหน้านิ่งเฉย คนอย่างครองภพเกลียดที่สุดก็คือ มีคนมาตายต่อหน้าโดยที่เขาไม่อนุญาต             ย้อนไปเมื่อสามวันก่อน            ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังก้มหน้าเศร้านั่งคุกเข่าอยู่กลางห้อง โดยมีผู้เป็นบิดายืนสีหน้าเคร่งขรึมอยู่เบื้องหน้า มโนศิลาก้มหน้านิ่งด้วยความรู้สึกผิดและหวาดกลัวในสิ่งที่ตัวเองกระทำลงไป            "ตายหรือเปล่า" นายมหิธร ผู้เป็นบิดาถามขึ้น สายตามองดูบุตรชายด้วยความผิดหวัง            "ตายครับพ่อ" เขาเอ่ยยอมรับอย่างขมขื่น            หัวหน้าของครอบครัวหันหลังหนีไปทางอื่น ไม่เอ่ยแม้แต่ถ้อยคำด่าทอบุตรชาย ด้วยรู้ดีว่าคงเปล่าประโยชน์เมื่อเหตุมันได้เกิดขึ้นแล้ว            "ผมไม่ได้ตั้งใจนะครับพ่อ ยัยนั่นวิ่งหนีออกจากโรงแรมจนตกบันไดไปเอง" เขาเงยหน้าขึ้นมองแผ่นหลังของบิดา แล้วเอ่ยปฏิเสธความผิดของตัวเองออกมา แม้ว่าตัวเขาจะเป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด แต่ว่ามันคืออุบัติเหตุไม่ได้เกิดขึ้นจากความตั้งใจ            "ถ้าแกไม่ฉุดเขาเข้าโรงแรม มีหรือเขาจะวิ่งหนีแกออกมาจนตกบันไดตายแบบนั้น" เส้นเลือดปูดที่ขมับทั้งสองข้างของนายมหิธร บ่งบอกว่ากำลังรู้สึกโกรธในสิ่งที่ลูกชายคนโตของตัวเองทำลงไป มโนศิลาถึงกับหน้าเจื่อนลงด้วยหมดสิ้นถ้อยคำจะโต้แย้ง            "ผะ ผมขอโทษครับ"            "ผู้หญิงในโลกนี้มันหายากนักรึไง ถึงได้ไปยุ่งกับคนของตระกูลสีมันต์" ดวงตาของคนสูงวัยกระตุกยามที่ต้องเอ่ยถึงศัตรู ที่เคยมีข้อตกลงยุติการเข่นฆ่ากันมาได้ถึงยี่สิบปี            เมื่อยี่สิบปีก่อนนายมหิธร ก้องราชันย์ และนายพิภพ สีมันต์ ได้ร่างสัญญายุติสงครามระหว่างสองตระกูลเอาไว้ มีการแบ่งเขตอำนาจมืดที่ปกครอง และห้ามไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งล่วงล้ำอำนาจของอีกฝ่าย ข้อตกลงอันนี้นำมาซึ่งการยุติการฆ่าล้างอำนาจกัน แต่บัดนี้กลับมีเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้น เมื่อมโนศิลา ก้องราชันย์ บุตรชายคนโตของตัวเองกลับไปฉุดบุตรสาวคนโตของตระกูลสีมันต์เข้าโรงแรม ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์เลวร้ายจนถึงแก่ความตายขึ้น            "ทางโน้นยื่นข้อเสนออะไรมาบ้าง" นายมหิธรหันไปถามคนสนิทที่ยืนอยู่มุมห้อง            "ชีวิตแลกด้วยชีวิตครับนายท่าน" สดมภ์คนสนิทในวัยกลางคนตอบผู้เป็นนาย หลังจากได้ทำการติดต่อตระกูลสีมันต์ไปหลังจากเกิดเรื่อง คำตอบที่ได้รับกลับมาช่างน่ากลัวเหลือเกิน            "ถ้าเราไม่ตกลงล่ะ"            "สีมันต์ให้มอบตัวคุณหนูไปให้เขาแก้แค้นแทนครับ บอกว่าถ้าไม่อยากให้คุณชายตาย หมดทายาทสืบตระกูลก็ให้ยกคุณหนูให้เขา" คำพูดของนายสดมภ์ทำให้มโนศิลาถึงกับรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก            "พ่อครับ ถ้ามอบมณีให้เขาไป ก็เท่ากับฆ่าน้องให้ตายทั้งเป็นเลยนะครับ"            "หุบปาก!" เสียงตวาดทำให้คนเป็นลูกก้มหน้านิ่งอีกครั้ง            นายมหิธรประสานมือไว้ด้านหลังแล้วเดินตรงไปยืนบริเวณหน้าต่างของห้อง ดวงตาอ่อนแสงเพ่งมองออกไปด้านนอกจนสุดสายตา อนาคตของตระกูลก้องราชันย์อยู่ในกำมือของเขา คงต้องตัดสินใจเลือกระหว่างบุตรสาวกับบุตรชาย ว่าเขาควรจะสละใครสังเวยต่อการตายของคนในตระกูลสีมันต์ครั้งนี้            "สดมภ์ นายไปรับตัวคุณหนูกลับมา" ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเอ่ยประโยคนี้ออกมา            "ครับนายท่าน" นายสดมภ์รีบออกไปดำเนินการตามคำสั่งของผู้เป็นเจ้านายในทันที มโนศิลามองตามแผ่นหลังของอีกคนไปด้วยความหวั่นวิตก ก่อนจะหันมายังร่างของบิดาที่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าต่าง            "พ่อครับ ผมขอโทษ" เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือไม่คิดว่าบิดาจะเลือกหนทางนี้            "จำเป็นบทเรียนเอาไว้มโนศิลา" เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบต่อบุตรชาย ก่อนจะเดินผ่านหน้าของมโน ศิลาออกจากห้องไป ปล่อยให้คนที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นน้ำตาไหลออกมาด้วยความสงสารน้องสาวของตัวเอง มณีศิลาน้องสาวผู้แสนจะน่ารักของเขา ได้ถูกส่งตัวไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เล็กแต่น้อย เหตุเพราะนายมหิธรไม่อยากให้หญิงสาวต้องข้องแวะกับอำนาจมืด ที่ยังคงมีการแก่งแย่งชิงดีกันอยู่ ไม่แม้แต่จะเปิดเผยให้ผู้คนได้รู้จัก น้อยคนนักที่จะรู้ว่า มณีศิลา ก้องราชันย์ มีหน้าตาเป็นอย่างไร มีตัวตนอยู่เพียงชื่อแต่ไร้เงาคน หญิงสาวหน้าตาสะสวยที่ถูกเรียกตัวกลับมาอย่างเร่งด่วน กำลังกวาดสายตามองหาบุคคลที่มารับเธอ มณีศิลาลากกระเป๋าใบน้อยของตัวเองไปหยุดอยู่ตรงมุมหนึ่งของสนามบิน ก่อนจะเหลือบไปเห็นชายในวัยกลางคนคนหนึ่งเดินตรงปรี่เข้ามาหา "ผมสดมภ์ มารับคุณหนูครับ" นายสดมภ์แนะนำตัวเอง ด้วยเกรงว่าหญิงสาวจะไม่รู้จักเนื่องจากถูกพาตัวไปอยู่ที่แคนาดาตั้งแต่ตอนจำความไม่ได้ "คนของคุณพ่อเหรอคะ" มณีศิลาถามเพื่อความแน่ใจ "ครับผมเป็นคนของนายท่าน" นายสดมภ์ยิ้มรับก่อนจะเอื้อมมือไปถือหูกระเป๋าลากจากหญิงสาว มณีศิลายิ้มให้อีกฝ่าย จากนั้นก็เดินตามเขาไปขึ้นรถที่จอดอยู่ตรงประตูทางเข้าของสนามบิน "คุณพ่อท่านมีเรื่องอะไรเร่งด่วนหรือเปล่าคะ ถึงได้เรียกมณีให้กลับมาเร่งด่วนแบบนี้" มณีศิลาถามคนขับในระหว่างที่เดินเคลื่อนตัวออกจากบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ "เรื่องนี้เอาไว้ให้ถึงบ้านแล้ว คุณหนูค่อยถามกับนายท่านเองจะดีกว่านะครับ" นายสดมภ์เลี่ยงที่จะตอบคำถามของมณีศิลา เรื่องนี้คงต้องให้พ่อลูกเขาคุยกันเอง เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก มณีศิลาแอบเห็นแววความหนักใจจากสีหน้าของเขา หญิงสาวพิงศีรษะลงบนพนักแล้วปิดเปลือกตาลง ความวิตกของอีกฝ่ายมีผลต่อความรู้สึกของตัวเธอ บิดาที่ไม่เคยคิดจะให้เธอกลับมาเหยียบบนแผ่นดินเกิดนับยี่สิบกว่าปี ทว่าบัดนี้มีคำสั่งให้เรียกตัวกลับด่วน คงไม่ใช่เรื่องน่ายินดีอย่างแน่นอน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD