ตอนที่ : 10 ล้วงคอสีมันต์

2791 Words
5 ล้วงคอสีมันต์            ครองภพเรียกประชุมลูกน้องของตัวเองเป็นการเร่งด่วน เมื่อโกดังเก็บสินค้าถูกลอบวางระเบิดเสียหายไปเป็นมูลค่ามหาศาล ร่างหนายืนหนังตากระตุกด้วยความโกรธ กลับมายังไม่ทันได้ข้ามวันตื่นขึ้นมาก็ต้องเจอกับเรื่องราวที่น่าปวดหัวนี้            "หาสาเหตุยังไม่พบครับคุณครองภพ" สมุนมือดีของเขาคนหนึ่งเอ่ยรายงาน            "เคว่าไง" เขาหันไปถามน้องชายที่ยืนหน้านิ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม งานที่พี่ชายมอบหมายให้ไปฆ่ามณีศิลาก็ยังไม่สำเร็จ นี่ยังจะมีปัญหาใหม่เข้ามาแทนอีก ครองทัพรู้สึกได้ว่าเรื่องในครั้งนี้ มันคงต้องเกี่ยวกับงานที่ตัวเองทำอย่างแน่นอน            "พวกก้องราชันย์น่าจะเตือนเราเรื่องมณีศิลาครับพี่โค" คนเป็นน้องชายออกความเห็น เรื่องนี้คงไม่พ้นเป็นฝีมือของคนในตระกูลก้องราชันย์            "พวกมันไม่ยอมรับผิดชอบในสิ่งที่ก่อขึ้น แถมยังมาลอบกัดกันแบบนี้ เห็นทีคงต้องสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียบ้าง" มือหนาของครองภพกำเข้าหากันแน่น เมื่อโกดังเก็บสินค้าที่มีมูลค่าถึงร้อยล้านบาท หายวับไปกับตาด้วยแรงระเบิดในครั้งนี้            "ส่งคนไปถล่มที่โครงการหมู่บ้านของพวกมัน ให้เริ่มที่โครงการที่ห่างไกลผู้คนก่อน ในเมื่อมันมอบระเบิดแทนคำขอโทษ เราก็ยกโทษให้พวกมันด้วยลูกระเบิดเหมือนกัน" คำสั่งของเขาทำให้ลูกน้องนับสิบกระจายตัวกันไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย            "เรื่องมณีศิลาล่ะ ตามไปถึงไหนแล้ว" คนเป็นพี่ชายหันมาถามน้องชายของตัวเอง อีกคนดูเหมือนจะมีสีหน้าหนักใจต่อคำถามของพี่ชาย เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ            "รอข่าวจากสายของเราอยู่ครับพี่โค แต่ว่าตอนนี้ติดต่ออีกฝ่ายไม่ได้เลยไม่รู้ทำไม" ครองทัพต้องการข่าวที่แน่นอน เพื่อที่เขาจะได้ลงมือปลิดชีพอีกฝ่ายโดยที่ไม่มีคำว่าพลาด เหมือนครั้งที่ผ่านมา            "คราวนี้อย่าให้พลาดแบบเดิมอีก เดี๋ยวมันจะบานปลาย" คนเป็นพี่ชายเริ่มสังหรณ์ใจต่อเรื่องนี้ว่า ถ้าหากเปิดศึกกันจริง ตุลาการอาจต้องยื่นมือเข้ามาตัดสินอย่างแน่นอน            "ครับพี่โค" เมื่อรับคำพี่ชายเสร็จ ครองทัพก็ออกสืบหาข่าวของมณีศิลาในทันที แม้มันจะยากสักเพียงใดแต่เขาก็ไม่เคยย่อท้อ เพราะว่ามันคือหน้าที่เพชฌฆาตประจำตระกูลอย่างเขา            ครองภพมองตามแผ่นหลังของน้องชายไปด้วยสายตาที่คาดหวัง ว่าครองทัพจะสามารถทำงานนี้ได้สำเร็จเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา การสูญเสียครั้งใหญ่หลวงนี้มันทำให้เขาโกรธ จนไม่รู้จะระบายออกมาได้อย่างไรหันกลับไปมองยังด้านบนของตัวบ้าน แล้วดวงตาคู่คมก็ประกายแสงขึ้นด้วยความรู้สึกเคียดแค้น เท้าทั้งสองข้างมุ่งตรงขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเอง ร่างหนาเปิดประตูห้องเข้าไปอย่างรวดเร็ว ก้าวตรงไปยังเตียงนอนใหญ่ แล้วจ้องมองดูหญิงสาวที่นอนอยู่บนนั้นราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ผู้หญิงคนนี้คือคนของตระกูลก้องราชันย์ เป็นคนที่เหมาะสมที่สุดที่เขาจะระบายความแค้นในตอนนี้ได้ เขายื่นฝ่ามือออกไปยังคนตรงหน้า แล้วกระชากผ้าห่มนวมให้ออกจากตัวของลารี            "ว้าย!" ลารีถึงกับร้องหวีดด้วยความตกใจ เมื่อผ้าห่มของตัวเองถูกเขาโยนทิ้งลงข้างเตียงไป เหลือเพียงร่างเปลือยเปล่าของเธอ ครองภพกระตุกเนคไทออกจากลำคอ ดวงตามองนิ่งไปยังคนที่ตัวสั่นงันงกอยู่บนเตียง งานในวันนี้เขาไม่มีอารมณ์จะทำมันแล้ว ขอระบายความสะใจกับคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นพอ            "คุณจะบ้าเหรอ เมื่อคืนนี้ก็ทำไปแล้วนี่" ลารีลุกขึ้นนั่งยกฝ่ามือปิดสองเต้าเต่งของตัวเองเอาไว้แน่น รอยรักรอยบอบช้ำจากเมื่อคืนยังปรากฏอยู่ทั่วทั้งร่าง แล้วเขากำลังจะทำแบบนั้นกับเธออีกในเช้าวันนี้ มันช่างโหดร้ายเกินไป            "ทำอีกกี่ครั้งมันก็แล้วแต่ฉัน เธอไม่มีสิทธิ์มาทักท้วง" เขาปาเสื้อเชิ้ตที่ถอดออกโยนทิ้งลงพื้นไป เหลือไว้เพียงกางเกงสแลคสีดำติดตัว            "ฉันเจ็บ ฉันไม่ไหวแล้ว" น้ำตาถึงกับเอ่อออกมาด้วยความสุดจะทน เธอหลับมานานหลังจากที่ถูกเขาเล่นงานจนระทวยแรงเมื่อคืนที่ผ่านมา หากต้องซ้ำรอยเก่าร่างกายอาจรับไม่ไหว            "เธอรู้ไหมว่าพวกก้องราชันย์มันให้คนมาวางระเบิดโกดังสินค้าของฉัน ฉะนั้นฉันก็จะวางระเบิดงานของพวกมันบ้าง แต่ว่าตอนนี้ฉันเหมือนคนเก็บกดนะลารี อยากจะฆ่าใครสักคนให้ดับตายต่อหน้า และคนคนนั้นก็คือเธอ เพราะว่าเธอมันก็คือส่วนหนึ่งของก้องราชันย์" สีหน้าและแววตาอำมหิตนั่นทำให้ลารีถึงกับปากสั่นระริกขึ้นมาด้วยความกลัว ครองภพกำลังจะฆ่าเธอให้ตายอย่างช้าๆ ทรมานสุดขั้วหัวใจ ด้วยบทรักที่แสนโหดร้ายและป่าเถื่อนทารุณ            "โอ๊ะ!" ลารีถูกผลักให้ล้มลงบนที่นอน จากนั้นเขาก็คร่อมร่างตามไปทาบทับหญิงสาวจนมิดที่นอน แผงอกหนาบึกบึนที่กำลังบดเบียดเสียดสีอยู่กับความนุ่มนิ่มจากอกอวบของลารี ทำให้ความต้องการในกายชายขยายผึงขึ้นในทันที เรียวปากอิ่มถูกฉกจูบอย่างหื่นกระหาย จาบจ้วง หยาบโลน ไม่ปราณีกันเลยแม้แต่น้อย ลารีน้ำตาหลั่งรินออกมาเพื่อบ่งถึงความเจ็บปวดของตัวเอง เขาทำราวกับว่าเธอไม่ใช่คน เป็นเพียงสิ่งของที่มีเอาไว้เพื่อระบายความแค้น ฝ่ามือหนากอบขยี้ทรวงงามจนมิดแรง จะร้องก็ร้องไม่ได้เมื่อปากถูกเขาปิดด้วยจูบแสนดุดัน ครองภพเลื่อนตัวลงด้านล่าง จูบย้ำที่ซอกคอนุ่ม แล้วเพิ่มรอยรักไปอีกสามรอยจนลารีต้องครางออกมาด้วยความเจ็บแปลบ เรียวปากเลื่อนเข้าดูดยอดทรวงงาม ขบเม้มกัดดุนบ้างเป็นบางอารมณ์ จากนั้นก็สลัดกางเกงของตัวเองออกให้พ้นตัวทั้งชั้นนอกและใน            ลารีถึงกับขยาดกลัวต่อบางอย่างที่เคยทำลายทะลุทะลวงตัวเองเมื่อคืนที่ผ่านมา ส่ายหน้าไปมาทั้งน้ำตาเอ่อนอง ก่อนจะตกใจสุดขีดเมื่อเขาเคลื่อนตัวขึ้นด้านบนอย่างรวดเร็ว บีบสันกรามของเธอเอาไว้แน่นและนำพาบางอย่างเข้าสู่ภายใน            "ถ้ากัดฉันจะฉีกเนื้อเธอออกเป็นชิ้นๆ" เขาขู่คำรามก่อนจะขยับสะโพกไปมา            "อื้อ" ลารีนั้นตกใจจนเข้าขั้นช็อกหญิงสาวไม่รู้จะทำอย่างไรในตอนนี้ เมื่อมือข้างหนึ่งของเขาบีบกรามของเธอเอาไว้แน่น ส่วนอีกข้างก็ดันศีรษะของเธอเอาไว้ หญิงสาวหลับตาลงแน่นปล่อยให้เขากระทำต่อไปราวกับเธอไม่ใช่คน            เกือบห้านาทีกว่าเขาจะยอมถอนกายแกร่งออกมา ริมฝีปากของลารีก็บวมเป่งช้ำเป็นรอยขึ้นในทันที รู้สึกได้ว่าเรียวปากชาด้านไปจนไร้ความรู้สึกจากแรงเสียดสีของเขา ครองภพเพียงแค่ต้องการทำเพื่อความสะใจ เขาไม่ได้ปลดปล่อยความต้องการออกมาภายในปากของหญิงสาว แต่กลับเลื่อนตัวลงด้านล่างดันท่อนขาเรียวทั้งสองข้างให้ชันขึ้น            "อุ..." แล้วดันตัวตนเข้าสู่ภายใน            ดวงตาของลารีเริ่มจะเลื่อนลอยไม่สามารถแยกสัมผัสของตัวเองได้ในตอนนี้ ทำเพียงปล่อยให้หยาดน้ำตาไหลรินลงมานองหน้า ยามที่เขากระทำย่ำยีเรือนร่างของตัวเอง รอยรักจากปีศาจร้ายยังคงทิ้งรอยไปทั่วผิวเนื้อ หญิงสาวสะท้านเยือกขึ้นตามแรงดูดดึงของเขา และเมื่อได้สิ่งที่ต้องการจากกายของหญิงสาวแล้ว เขาก็เริ่มออกแรงกระแทกกระทั้นเข้าใส่อย่างสุดกำลัง โดยที่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะบอบช้ำตามแรงจากชายฉกรรจ์อย่างเขาไม่            "อื้อ!" ลารีต้องกัดฟันเอาไว้แน่นยามถูกล่วงล้ำเข้าหา เพราะว่ารู้ดีถึงเอ่ยปากขอยังไงเขาก็ไม่คิดปราณีตัวเอง ครองภพเริ่มเร่งจังหวะเถื่อนของตัวเองจนเข้าขั้นถี่ยิบ ความปรารถนาพุ่งพรวดสู่ดอกไม้ช่องามยามเมื่อไม่อาจต้านทานความต้องการเอาไว้ได้            ลารีรีบลุกขึ้นในทันทีที่เขาพลิกกายออกห่าง เธออยากจะชำระร่างกายที่แสนจะโสมมนี้เต็มที แต่เพียงแค่ปลายเท้าสัมผัสกับพื้นห้อง ร่างของหญิงสาวก็รูดลงไปกองอยู่ที่พื้นแทน            "หึหึ เป็นอะไรลารี" ครองภพลุกขึ้นนั่งเอนหลังพิงหัวเตียงถามกึ่งเยาะออกมา คนที่รู้สึกเจ็บไปทั่วบริเวณท้องน้อยถึงกับหน้าเจื่อนลงไป แรงที่จะยันตัวเองให้ลุกขึ้นยังแทบจะไม่ไหว มือบางจึงเอื้อมไปยึดขอบเตียงเอาไว้แล้วค่อยพยุงร่างกายอันบอบช้ำเข้าห้องน้ำไป โดยมีสายตาของครองภพมองตามไปอย่างเงียบๆ เมื่อลากสังขารอันชอกช้ำเข้าห้องน้ำมาได้ ลารีถึงกับทรุดฮวบลงไปกับพื้นห้องน้ำอีกครั้ง อาการปวดตรงท้องน้อยที่ถูกเขาเล่นงานนับครั้งไม่ถ้วน ทำให้ร่างกายของเธอรู้สึกปวดร้าวไปทุกสรรพางค์ ครั้งนี้มันเจ็บจนแทบจะยืนไม่ไหว พยายามอาบน้ำให้ตัวเองจนเสร็จด้วยความทุลักทุเล                        นายมหิธรถึงกับนั่งไม่ติดเก้าอี้หลังจากอ่านข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ในเช้านี้ เขาปาหนังสือพิมพ์ลงพื้นด้วยความโกรธ รีบให้คนไปตามตัวบุตรชายของตัวเองมาพบเป็นการด่วน และทันทีที่มโนศิลามายืนอยู่ตรงหน้า เพี้ยะ! ฝ่ามือหนาก็สะบัดใส่ใบหน้าบุตรชายในทันที            "ทำอะไรเคยมีหัวคิดบ้างมั้ย!" เสียงตะคอกดังลั่นด้วยความโกรธที่ระงับอารมณ์เอาไว้ไม่ได้            "อะไรครับพ่อ" คนที่เพิ่งโดนตบหันหน้ากลับมาถามบิดาด้วยความไม่เข้าใจ "แกให้คนไปวางระเบิดที่โกดังสินค้าของพวกสีมันต์" เขาเค้นน้ำเสียงใส่บุตรชายของตัวเอง            "พ่อรู้" มโนศิลาถึงกับผงะเมื่อเรื่องนี้รู้ถึงหูของผู้เป็นบิดา            "คนโง่เท่านั้นที่จะทำอย่างนี้" นายมหิธรจ้องหน้าบุตรชายด้วยความผิดหวัง ก่อนจะหันหลังให้ด้วยความที่ไม่อยากจะมองหน้ามโนศิลาอีกต่อไป คนเป็นลูกถึงกับหน้าเสียที่ถูกเมินเฉยใส่แบบนี้            "มันทำกับมณีขนาดนั้นผมทนไม่ได้หรอกครับพ่อ ผมอยากจะเอาคืนพวกมันให้สาสมบ้าง" หลังจากที่ได้เห็นน้องสาวในห้องไอซียูในวันนั้น มโนศิลาก็เกิดอาการเคียดแค้นสุมเต็มอก จึงได้แอบทำเรื่องนี้อย่างลับๆ โดยไม่คิดปรึกษาหารือกับบิดาของตัวเอง            "คอยดูเถอะวันพรุ่งนี้พวกมันตอบแทนเราอย่างสาสมแน่"            "พ่อครับ"            "ออกไป" วาจาแสนห่างเหินของคนที่ยืนหันหลังตรงหน้า ทำให้มโนศิลาจำต้องเดินคอตกออกจากห้องของบิดาไป ด้วยความหวั่นวิตกตามสิ่งที่ท่านคาดการณ์ไว้            เมื่อออกจากห้องของบิดา มาสักครู่ เท้าทั้งสองข้างของมโนศิลาก็หยุดอยู่ที่หน้าห้องนอนของลารี ห้องที่ยามเมื่อเจ้าตัวอยู่เขาไม่กล้ามแม้จะย่างกรายเข้ามา ด้วยเกรงว่าจะเป็นการให้ความหวังอีกฝ่าย มือหนาเอื้อมไปบิดลูกบิดที่บานประตูห้องแล้วเปิดเข้าไป มโนศิลาเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเตียงนอนขนาดเล็กของหญิงสาว ที่นอนลายดอกเดซี่สีหวานตัดกับสีชมพูของห้อง แม้จะมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าแม่บ้านของก้องราชันย์ แต่ว่าลารีก็มีความสำคัญมากกว่านั้น            "ลารี เธอจะเป็นยังไงบ้าง" เขานั่งลงบนเตียงนอนแล้วไล้ฝ่ามือไปยังหมอนใบที่หญิงสาวใช้หนุนอยู่ประจำทุกวัน ก่อนจะยกหมอนใบนั้นขึ้นแตะปลายจมูกโด่ง กลิ่นอายความหอมอ่อนๆ ที่ยังคงกรุ่นติดอยู่บนนั้นลอยเข้าสู่โพรงจมูกของเขา            "ฉันขอโทษ" เขาทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนของลารีแล้วหลับตาลงแน่น คืนนี้ขอนอนในห้องนี้ ขอนอนในอ้อมกอดของหญิงสาวที่เขารัก เผื่อมันจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดหัวใจในตอนนี้ได้บ้าง ความหลังในวันวานหลั่งไหลเข้ามาในความทรงจำอีกครั้งหนึ่ง… ในวันนั้นวันที่เขาจะต้องเดินทางไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ ลารีได้นำสิ่งของบางอย่างมามอบให้เขาก่อนการเดินทางหนึ่งคืน            "มีอะไรลารี" มโนศิลาเปิดประตูออกมาในช่วงดึก นึกแปลกใจที่ลารีกล้ามาเคาะประตูห้องของเขาในยามวิกาลเช่นนี้            "นี่ค่ะ" กล่องของขวัญชิ้นหนึ่งถูกยื่นมาตรงหน้า ขณะที่คนให้ออกอาการเขินอายจนหน้าแดงก่ำไปหมด            "เอ่อ ขอบใจมาก" เขายื่นมือออกไปรับทั้งที่ในใจเต้นตึกตัก แต่กลับทำสีหน้าในทางที่ตรงกันข้ามนั่นก็คือ การนิ่งเฉย            "แกะดูเลยไหมคะ" ลารีเอียงหน้ามองเขาด้วยสายตาตื่นเต้น            "เอาไว้ก่อน" คำพูดของเขาช่างทำร้ายจิตใจของคนให้ในวันนั้น ลารีถึงกับคอตก ผ้าพันคอที่เธอถักโครเชต์มอบให้เขาก่อนออกเดินทางกลับไร้การเหลียวแล เมื่อคนรับทำท่าเหมือนไม่สนใจมันเลย            "แล้วเธอล่ะลารีต้องกลับไปเรียนต่อวันไหน" เขาเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะว่าไม่อยากเห็นใบหน้าเศร้าสร้อยของหญิงสาว            "อีกสองวันค่ะคุณมโน" ตอนนี้ลารีอาศัยช่วงปิดเทอมมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านก้องราชันย์ หลังจากนี้ก็ต้องกลับไปเรียนหนังสือตามเดิม            "ก็ดี ไปนอนได้แล้ว"            "ค่ะ" ลารีหน้าเจื่อนกับคำไล่ทางอ้อมของเขา หญิงสาวหันหลังแล้วเดินจากไปด้วยความรู้สึกห่อเหี่ยวหัวใจ            มโนศิลามองตามแผ่นหลังบางของหญิงสาวออกไปจนลับตา หลังจากที่แกะกล่องของขวัญออกจึงได้เข้าใจว่า ทำไมสองสามวันมานี้ลารีถึงได้พกอุปกรณ์ถักไหมพรมอยู่ตลอดเวลา ทั้งหมดก็เพื่อมอบให้เขานั่นเอง หวนนึกถึงวันนั้นแล้วก็พลอยทำให้รู้สึกเสียใจ ทำไมเขาไม่ทำดีกับลารีให้มากกว่านี้ น่าจะแสดงความรู้สึกดีใจหรือยินดีให้มากกว่าที่เคยทำลงไป อย่างน้อยลารีก็อาจจะมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มไม่ใช่เดินคอตกจากไปแบบนั้น            "ขอโทษนะลารี" คำขอโทษที่ไม่สามารถผ่านห้วงอากาศไปถึงใครบางคนได้ แต่มโนศิลาก็ยังอยากจะเอ่ยคำนี้ออกมาภายในห้องนอนของลารี            ไม่ผิดอย่างที่บิดาของมโนศิลากล่าวเอาไว้ ในวันรุ่งขึ้นหนังสือพิมพ์แทบจะทุกฉบับ พาดหัวข่าวเรื่องโครงการหมู่บ้านมูลค่าห้าร้อยล้านบาทบริเวณชานเมืองถูกมือดีลอบวางระเบิด จนทำให้การก่อสร้างที่เริ่มไปได้ครึ่งหนึ่งแล้วเสียหายพังราบเป็นหน้ากอง            "ขอโทษครับพ่อ" มโนศิลาคุกเข่าตรงหน้าบิดาในห้องทำงานของท่าน อีกแล้ว ความผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่านี้ทำไมมันถึงคอยวิ่งตามเขาอยู่เรื่อย            "รู้ผิดก็ควรให้อภัย แต่นั่นมันคือครั้งแรก แกทำผิดถึงสองครั้งซ้อนเพราะว่าไอ้อารมณ์ชั่ววูบ ขาดสติยั้งคิด แบบนี้แล้วพ่อควรจะให้อภัยแกอีกหรือเปล่า" ผู้เป็นบิดาหันไปถามบุตรชายที่คุกเข่าสำนึกผิดอยู่ตรงหน้า            "พ่อ"            "กลับออกไป แล้วสำนึกความผิดที่แกก่อขึ้นมาทั้งหมด ถ้ามีครั้งที่สามอีก ฉันนี่แหละจะฆ่าแกด้วยมือคู่นี้ของฉันเอง" น้ำเสียงเหี้ยมบ่งว่าเขาสามารถทำได้อย่างที่พูดจริงๆ มโนศิลาหลับตาลงแน่น รู้ดีว่าท่านคงโกรธจนไม่อาจให้อภัยตัวเองได้ ชายหนุ่มจึงได้ลุกขึ้นยืนแล้วออกจากห้องไปอย่างคนที่มีความผิดติดตัว        
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD