ตอนที่ : 7 ตุลาการลับ

2022 Words
3 ตุลาการลับ          ตุลาการ เป็นองค์กรลับที่ถูกก่อตั้งขึ้นโดย นายตุลาการ หัสดินณเรศ อดีตผู้พิพากษาเมื่อห้าสิบปีที่แล้ว ปัจจุบันได้ล่วงลับไปโดยการถูกลอบสังหาร การตั้งองค์กรนี้ขึ้นมาเพียงเพื่อรักษาความสงบสุขของประเทศไทย ระยะเวลาห้าสิบปีที่ล่วงผ่านได้มีสมาชิกขององค์กรเพิ่มขึ้นนับหลายร้อยคน แต่ละคนย่อมเป็นบุคคลที่มีความสำคัญต่อประเทศไทยทั้งสิ้น นายตำรวจยศสูง นายพล นักวิชาการแนวหน้า กระทั่งนายกรัฐมนตรีบางท่านก็เคยเป็นสมาชิกขององค์กรลับแห่งนี้ เนื่องด้วยกลุ่มผู้มีอิทธิพลมืดในประเทศ ได้แผ่อำนาจกันอย่างมากมายจนยากแก่การควบคุม ทำให้นายตุลาการต้องริเริ่มก่อตั้งองค์กรนี้ขึ้น เพื่อทำการกวาดล้างอำนาจมืดให้หมดสิ้นไป หรือไม่ก็ผูกมิตรกับเหล่าอำนาจมืดทั้งหลาย ไม่ให้ทำลายบ้านเมือง ด้วยข้อแลกเปลี่ยนที่แสนจะแยบยล ตระกูลก้องราชันย์และตระกูลสีมันต์ก็คือหนึ่งในอำนาจมืดที่เข้าร่วมกับองค์กรลับนี้ ก่อนจะมีข้อพิพาทจนต้องให้ตุลการลับยุติด้วยสัญญาห้ามรุกล้ำซึ่งกันและกัน ปัจจุบันไม่มีใครล่วงรู้ว่าประมุขขององค์กรลับแห่งนี้เป็นใคร เขาจะปรากฏตัวก็ต่อเมื่อมีคดีที่ต้องสะสางเท่านั้น            "เรื่องไปถึงไหนแล้ว" ชายสูงวัยที่นั่งหันหลังภายในห้องทำงานสูงสุดของตุลาการลับ เอ่ยถามอีกคนที่เพิ่งก้าวเข้ามาภายในห้อง            "ก้องราชันย์เล่นไม่ซื่อก่อน สีมันต์ก็เลยตามให้บทเรียนอยู่" ผู้ช่วยตุลาการรายงานสิ่งที่ได้รับรู้มาให้อีกฝ่ายฟัง            "อย่าเพิ่งเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ปล่อยให้ทั้งสองฝ่ายแก้ไขกันเอง ถ้าตกลงกันไม่ได้จริงๆ เราค่อยยื่นมือเข้าไปจัดการ" ดวงตาของคนพูดมองเหม่อไกลไปข้างหน้า คล้ายมีบางอย่างหนักหน่วงอยู่ข้างใน            "ขอโทษครับ สำหรับเรื่องนั้น" อีกคนโค้งศีรษะลงอย่างสำนึกผิดเหลือคณา            "มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ช่างมันเถอะ"แม้ปากจะบอกว่าช่างมัน แต่ว่าความรู้สึกมันช่างทุกข์ทรมานจิตใจ            "ครับท่านตุลาการ" อีกฝ่ายน้อมรับด้วยความรู้สึกผิดเต็มหัวใจ ใครก็ตามที่ก้าวขึ้นมาอยู่ตำแหน่งสูงสุดแห่งนี้ จะมีชื่อเรียกเหมือนกันทุกคน นั่นก็คือ ท่านตุลาการ            ลับหลังของผู้มารายงานสถานการณ์ ชายชราในวัยห้าสิบสี่ปี ได้แต่ทอดสายตามองไปยังผนังห้อง มองดูประมุขของแต่ละรุ่น พร้อมบรรดาสมาชิกที่เคยมีอยู่ทั้งหมด ทุกคนล้วนมีความสำคัญในการผลักดันประเทศให้เจริญก้าวหน้า แต่ว่าในทางกลับกันแต่ละคนกลับมีชีวิตครอบครัวที่ล้มเหลวเสียเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็รวมเขาอยู่ด้วย            ภาพในวันที่ถูกพรากลูกและภรรยาไปจากอก ยังคงสะท้อนอยู่ในความทรงจำ ความโหดร้ายของการแก่งแย่งชิงอำนาจ ที่แม้ว่าใครได้ก้าวขึ้นมาแล้วย่อมลงยาก วันนั้นเขาได้สูญเสียคนที่รักไปอย่างไม่มีวันหวนคืน เพียงเพื่อแลกกับตำแหน่งตุลาการ ผู้มากอำนาจสามารถชี้ชะตาใครต่อใครได้ การสูญเสียในครั้งนั้นทำให้เขาทุ่มเททุกอย่าง เพื่อทำหน้าที่อันทรงเกียรตินี้ ให้คุ้มค่าต่อสิ่งที่ต้องแลกมา คดีความแรกที่ตุลาการแห่งนี้ได้ตัดสินโทษ และทำให้กลายเป็นที่โจษจันกันไปทั่วประเทศ นั่นก็คือ การตัดสินประหารชีวิตของนายพลผู้เรืองอำนาจท่านหนึ่ง ที่บังอาจใช้อำนาจในทางมิชอบ ปล่อยให้มีการขนย้ายยาเสพติดเข้ามาภายในประเทศ โดยละเลยการตรวจค้น ซ้ำร้ายยังตั้งตัวเป็นผู้ขายรายใหญ่เสียอีก จากนั้นไม่นานก็ตามติดด้วยการสั่งฆ่านักธุรกิจใหญ่ ที่บังอาจเป็นสายให้แก่ผู้ก่อการร้ายนำภัยมาสู่ประเทศ ก่อนจะขยายการกวาดล้างมาสู่อำนาจมืด มาสู่ตระกูลก้องราชันย์และสีมันต์ แต่ว่าการที่มีรากฐานมาอย่างยาวนานของทั้งสองตระกูล ทำให้ยากยิ่งที่จะกระทำการได้อย่างเงียบๆ ดังนั้นการจะเข้าควบคุมสองตระกูลดังแห่งนี้ จำต้องมีการร่างสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร การหว่านล้อมชั้นเยี่ยมของตุลาการในตอนนั้น ทำให้ประมุขของทั้งสองตระกูลยอมจรดปลายปากกา เพื่อลงนามยุติปัญหาการแย่งชิงอำนาจการปกครอง และยอมอยู่ภายใต้เงื่อนไขการยกเลิกธุรกิจที่เกี่ยวกับยาเสพติดและค้าอาวุธเถื่อนทั้งหมด ทว่าอำนาจบารมีคงยังมีการตกทอดมารุ่นต่อรุ่น แผ่ขยายกว้างออก ตามความสามารถของผู้นำของแต่ละตระกูล ตุลาการก็ไม่สามารถควบคุมสองตระกูลในเรื่องนี้ได้ เนื่องจากอยู่นอกเหนือการตกลง เว้นแต่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่เป็นภัยต่อบ้านเมือง ตุลาการถึงจะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย            หลังจากวางสายโทรศัพท์จากน้องชาย ครองภพกลับมีปัญหาใหม่เข้ามา เมื่อคนของเขาได้รายงานถึงการเคลื่อนไหวอย่างเงียบๆ ของตุลาการ นั่นหมายความว่าหากพลาดพลั้งเมื่อใด เขาอาจจะนำความหายนะมาสู่วงศ์ตระกูล ขนาดปู่ของเขาผู้ได้ชื่อว่ามีอำนาจกว้างขวางในอดีต ยังต้องยอมจำนนต่อตุลาการ ฉะนั้นเขาจะต้องจัดการกับเรื่องนี้ให้เงียบที่สุด เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าโดยตรงกับตุลาการ            "ส่งคนคอยตามติดการเคลื่อนไหวของตุลาการเอาไว้" แม้ครองภพจะสั่งการออกไปแบบนั้น แต่เขาย่อมรู้ดีว่าตุลาการนั้น เป็นดั่งเงาที่หาตัวตนไม่ได้ มีเพียงคำสั่งที่ถ่ายทอดผ่านสัญลักษณ์ต่างๆ ให้แก่คนในองค์กรเท่านั้น การจะล้วงข่าวจากตุลาการจึงเป็นไปได้ค่อนข้างยาก ตอนนี้คนของเขาสามารถแฝงตัวในตุลาการได้เพียงแค่พวกปลายแถวเท่านั้น ยังไม่สามารถฝ่าด่านลับขั้นสุดท้าย ไปถึงหัวหน้าหรือระดับแถวหน้าขององค์กรลับนี้ได้            "ครับ" คนของเขารับคำแล้วเดินออกจากห้องไป ไม่ช้าสาวใช้ในวัยกลางคนก็เดินเข้ามารายงานเรื่องที่เขามอบหมายให้ทำ            "คุณเธอกินยาแล้ว ไข้เลยลดลงจากเดิม แต่ว่าคุณเธอไม่ยอมกินข้าวที่ดิฉันเอาไปให้" นางสมสมรแม่บ้านของตระกูลสีมันต์เอ่ยออกมาอย่างลำบากใจ            "ไม่กินข้าวอย่างนั้นหรือ" ครองภพแสยะรอยยิ้มออกมาอย่างใจเย็น ร่างสูงลุกขึ้นยืนแล้วตรงลิ่วไปยังชั้นสองของตัวบ้านในทันที            แรงเปิดประตูค่อนข้างดังทำให้ลารีที่นั่งอยู่บนเตียงนอนถึงกับสะดุ้งตกใจ กุมเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของเขา ที่นางสมสมรนำมาสวมใส่ให้อย่างระมัดระวัง ครองภพก้าวเท้าไปใกล้ยังบริเวณเตียงนอนอย่างช้าๆ สายตาจ้องมองดูลารีจนแทบจะไม่กระพริบ            "กินไม่ลงหรือว่าไม่อยากกินลารี" เขาถามด้วยแววตาหาเรื่องเต็มที่ ลารีถึงกับเบือนหน้าหนี รู้สึกเกลียดชังผู้ชายคนนี้จนสรรหาคำมาบรรยายไม่ได้            "..." ความเงียบเริ่มทำให้ครองภพไม่พอใจตรงเข้ามาหาหญิงสาว กระชากหัวไหล่ของลารีให้ลุกขึ้นยืน            "เธอน่ะยังต้องอยู่ที่นี่กับฉันไปอีกนาน ฉะนั้นจงกินข้าวที่คนของฉันเตรียมมาให้ ไม่อย่างนั้นเธอได้กินอย่างอื่นแทนแน่...ลารี" ฝ่ามือหนาดันเอวคอดกิ่วแนบหน้าท้อง คลึงวนเบาๆ พอให้อีกฝ่ายรู้สึกตื่นกลัว            "ว่าไงจะกินข้าวหรือกิน..." เขากระซิบเบาแผ่วตรงซอกหูนุ่ม ลารีถึงกับผงะเมื่อได้ยินบางอย่างออกจากปากของเขา รีบดันร่างหนาออกห่างจากตัว แล้วเดินไปนั่งยังเก้าอี้มุมห้อง ลนลานตักข้าวใส่ปากอย่างคนที่หวั่นเกรงต่อคำของเขา ครองภพกอดอกมองหญิงสาวกินข้าวอย่างพึงพอใจ ที่สามารถบังคับให้ลารีทำตามที่ตัวเองต้องการได้            "ว่าง่ายๆ อย่างนี้ จะได้มีลมหายใจอยู่ไปอีกนานๆ" คนได้ยินถึงกับสะอึก ลารีหันไปมองหน้าของคนใจร้ายด้วยสายตาชิงชัง กัดริมฝีปากจนรู้สึกเจ็บ มือบางทั้งสองข้างกำช้อนส้อมเอาไว้แน่น ราวกับจะระบายความอัดอั้นนี้ผ่านลงไป            "อย่ามามองฉันแบบนี้ลารี ควรรู้ตัวเอาไว้ว่าฉันปราณีเธอแค่ไหน ที่เธอยังนั่งอยู่ตรงนี้ได้" ครองภพย่างก้าวเข้าหาหญิงสาวอย่างช้าๆ ยกฝ่ามือวางลงบนบ่าบอบบางของลารี ก่อนจะทิ้งน้ำหนักบีบมันแน่น จนอีกคนนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ            "เธอมันก็แค่หมากต่ำๆ เป็นแม่บ้านของก้องราชันย์ อย่าได้มาทำกิริยาแบบนี้กับฉัน ไม่งั้นจะหาว่าไม่เตือน" เขาคลายฝ่ามือออก แล้วตบบนไหล่ของลารีเบาๆ สามครั้ง ก่อนจะก้าวออกจากห้องไป โดยมีสายตาของลารี มองตามหลังเขาไปด้วยความเคียดแค้น น้ำตาไหลหลากออกมาด้วยความทรมานใจ ความเจ็บปวดนี้มันมากมายเสียจน ผู้หญิงคนหนึ่งสุดจะทนรับไหว ณ ชั้นล่างของบ้านหลังใหญ่ ครองทัพกำลังนิ่วหน้ากับข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ที่อยู่ในมือของตัวเอง เมื่อเขาพลิกดูพาดหัวข่าวทุกฉบับ กลับไม่มีข่าวที่เขาเฝ้ารออยู่            "มีอะไรเค" คนเป็นพี่ชายเอ่ยถาม เมื่อเห็นแวววิตกอะไรบางอย่างบนใบหน้าของน้องชาย            "ไม่มีข่าวการตายของมณีศิลาครับพี่โค" เขาบอกตามจริง แม้แต่ข่าวการขับรถชนคน ที่ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าชื่อดังก็ไม่มี            "เค มั่นใจหรือเปล่าว่ามณีศิลาตายจริง" ครองภพตั้งข้อสงสัยในการทำงานของน้องชาย            "ครับพี่โค มั่นใจว่าแรงกระแทกขนาดนั้น ไม่น่าจะรอด" ครองทัพค่อนข้างมั่นใจว่า มณีศิลาตายคาที่อย่างแน่นอน            "ลองเช็คดูที่โรงพยาบาลใกล้ที่เกิดเหตุหรือยัง"            "กำลังให้คนเช็คอยู่ครับ" พูดยังไม่ทันขาดคำ คนของเขาก็นำผลการโทรเช็คไปที่โรงพยาบาล เข้ามาแจ้งแก่สองพี่น้องตระกูลสีมันต์            "ว่ายังไง" ครองทัพเป็นคนถาม            "มีคนถูกรถชนเข้ารับการรักษาชื่อมณีศิลา อยู่ที่โรงพยาบาลนี้ครับคุณเค" ลูกน้องมือดีของครองทัพยื่นข้อมูลรายชื่อผู้ป่วย ที่เจาะข้อมูลมาได้จากโรงพยาบาลให้เจ้านายดู            "บัดซบเอ๊ย!" ครองทัพสบถขึ้น หลังจากกวาดสายตาดูรายชื่อเพียงแวบเดียว ก่อนจะขยำแผ่นกระดาษในมือ แล้วปาทิ้งไปด้วยความโกรธ นับว่าเป็นการทำงานครั้งแรกที่เขาพลาด            "ไม่เป็นไรเค ตามไปเก็บมณีศิลา แต่ว่าต้องทำให้เงียบที่สุด ตุลาการเริ่มไหวตัวแล้ว อย่าให้ใครสาวมาถึงเราได้ ให้พวกก้องราชันย์มันสะอึกเล่นๆ ที่กล้ามาแหย่หนวดเสืออย่างสีมันต์" ครองภพตบไหล่น้องชายเบาๆ เป็นเชิงบอกว่าเริ่มใหม่ได้ จำเป็นต้องมอบหมายหน้าที่ให้เสร็จสิ้น เพราะว่ามีงานรอให้เขาไปจัดการที่ฮ่องกงต่ออีกสองสัปดาห์            "ครับพี่โค" พญามัจจุราชที่มีหน้าที่สังหารศัตรูของตระกูลสีมันต์ ก้าวเท้าออกจากบ้านไปอย่างเงียบๆ จุดมุ่งหมายของเขามีอยู่อย่างเดียว คือ ดับลมหายใจของมณีศิลา และครั้งนี้มันจะต้องสำเร็จ            เหตุที่ไม่มีข่าวเรื่องการถูกรถชนของมณีศิลาเล็ดลอดออกมา เป็นเพราะว่าทางก้องราชันย์ ได้จัดการปกปิดเรื่องนี้ให้เงียบไม่เปิดเผยต่อนักข่าว และภาพกล้องวงจรปิดของห้างสรรพสินค้า ก็ไม่สามารถช่วยให้ทางก้องราชันย์สืบหาตัวคนร้ายได้ ในเมื่อรถคันดังกล่าวเป็นป้ายทะเบียนปลอม มีเพียงภาพที่มณีศิลาถูกชนแล้วกลิ้งตลบไปบนหลังคารถก่อนจะหล่นลงมา ทำให้คนเป็นบิดาและพี่ชายเจ็บปวดใจยามได้เห็นภาพดังกล่าว รู้สึกเคียดแค้นที่ไม่สามารถนำตัวคนร้ายมาลงโทษได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD