จางซูฉีตื่นแต่เช้าเมื่อคืนพวกนางหลับสบายเพราะผ้าปูเตียงใหม่ ผ้าห่มผืนใหม่ ประตูถูกซ่อมแล้ว บ้านหลังนี้แข็งแรงปลูกสร้างอย่างดี
เพียงแค่ทิ้งร้างนานเกินไป เสื้อผ้าเหล่านั้นแก้ไขสักหน่อยก็น่าจะเหมาะกับพวกนางสามคน จางซูฉีเดินสำรวจด้านข้างที่เห็นมีพืชล้มลุกอยู่ มีพริก มะเขือยาว เถาฟักทอง มีแตงกวา แตงโมที่เพิ่งจะทอดยอดเลื้อย
ฟักทองลูกอวบอ้วนหลายลูก ดูท่าคงเคยเป็นแปลงผักมาก่อน เมล็ดพันธุ์คงปลิวกระจัดกระจาย มื้อเช้านี่ฟักทองนึ่งก็แล้วกัน เสี่ยวเถากับเสี่ยวจูกำลังซักเสื้อผ้าอยู่ริมลำธาร พระชายาบอกว่าให้เอาของเก่าไปซักนางจะเอามาตัดเย็บเป็นม่านบังแสง ส่วนของใหม่ที่เจอเมื่อวานก็ต้องซักก่อน เพราะเก็บไว้นานแล้ว
"พี่ ข้ารู้สึกว่าอยู่ที่นี่ดีกว่าตอนอยู่ที่ตำหนักอีก พระชายาก็หายแล้วด้วย"เสี่ยวจูเอ่ยขึ้นมา เสี่ยวเถาเองก็เห็นด้วย
"อืม นางตกน้ำตอนสิบขวบฟื้นขึ้นมาก็กายเป็นคนสติไม่ดี วันแต่งยังถูกทำให้หวาดกลัวอีก ดูเหมือนที่ตกน้ำอีกครั้งคราวนี้โชคดีกว่าโชคร้ายนะ"
"มิใช่ว่าวันดีคืนดีท่านอ๋องให้คนมาหาที่นี่นะ ข้าไม่อยากกลับไปแล้ว"
จางซูฉีที่เพิ่งเดินมาถึงได้ยินบทสนทนาของสองพี่น้องก็ถอนหายใจ
"ไม่ต้องกลัวหรอกไม่มีใครมาแน่ เรือนแห่งนี้ถูกทิ้งมาสิบกว่าปี องครักษ์ของเขาโยนพวกเรามาที่นี่ คนในจวนสันนิษฐานได้อย่างเดียวว่า เจ้านายของพวกเขาต้องการให้พวกเราอดตายอยู่ที่นี่เพราะฉะนั้นไม่มีใครมาแน่ เก็บเงินเก็บทองสักพักแล้วพวกเราค่อยไปจากที่นี่กันเถอะ เขารังเกียจข้าถึงเพียงนั้น ไม่มีทางคิดถึงข้าขึ้นมาหรอก ข้าเจอพืชผักหลายอย่าง เมื่อก่อนอนุเหวินกับสาวใช้คนนั้นพวกเขาคงเคยปลูกไว้ พอแก่ไม่มีใครมาเด็ดเมล็ดคงหล่นร่วงพอได้น้ำฝนก็งอกเงยใหม่ บ้านนี้แยกจากตำหนักใหญ่โดยสิ้นเชิง ข้าเจอรั้วอิฐล้อมไว้อีกชั้น เดี๋ยวพวกเราไปดายหญ้ากัน"
หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จทั้งสามคนช่วยกันดายหญ้าที่ขึ้นสูง ใช้เวลาทั้งวันหญ้าบริเวณบ้านก็ถูกกำจัดจนหมด จางซูฉีนำหญ้าคามาวางแผ่ตากเอาไว้ นางจะนำมาทำหลังคาคลุมแปลงผักในอนาคต
"ข้าจะเดินสำรวจหน่อยว่ามีประตูหรือทางออกตรงไหนบ้าง ตอนแรกข้าว่าจะถางออกไปสักห้าจั้งเพราะกลัวไฟไหม้ ตอนนี้มีกำแพงล้อมก็ไม่ต้องกังวลแล้ว หากเจอทางออกที่ไม่ต้องไปทางตำหนักหน้าจะดีมาก"
จางซูฉีบอกแก่สาวใช้ทั้งสอง และก็เดินสำรวจ นางพบประตูสามบานบ้านใหญ่ด้านหน้าเปิดสำหรับตรงไปจวนใหญ่แต่เมื่อเปิดไปก็เจอแต่ดงหญ้าคา
อีกบานด้านข้างเปิดออกไปก็สามารถขึ้นเขาได้ อีกบานเป็นบานเล็ก สามารถเลาะทางเล็กไปที่ไม่มีใครสังเกตไปในตัวตลาดของเมืองหลวงได้
จางซูฉีลองเดินตามทางไปปรากฏว่าไปโผล่หลังร้านขายผ้า จากจวนมาถึงนี่น่าจะสามลี้ อีกอย่างคดเคี้ยวมากไม่มีคนเดินเข้าออกมานานแล้ว จางซูฉีรีบกลับทางเดิมทันทีเดินกลับมาถึงก็จัดการอาหารเย็น
"พรุ่งนี้ขึ้นเขาสักหน่อยดีกว่า หาเนื้อกินก็ยังดี ลองหาสมุนไพรไปขายสักหน่อยเผื่อซื้อข้าวสารมาหุง"จางซูฉีบอกกล่าว
"พระชายา หากมีใครจำได้เล่าเพคะ"
"อืม พี่ใหญ่พูดถูกหากมีคนจำได้ท่าจะถูกตีอีกนะเพคะ"
จาวซูฉีลูบหัวสองพี่น้อง พวกนางเติบโตมาด้วยกัน นางอายุสิบหก ส่วนเสี่ยวเถาอายุสิบห้า เสี่ยวจูอายุสิบสี่ เล่นกันมาตั้งแต่พวกนางเจ็ดขวบคนน้องหกขวบ จางซูฉีเอ็นดูเด็กทั้งสอง
"ต่อไปนี้ห้ามเรียกพระชายา เพราะข้าไม่ใช่แล้ว เรียกข้าว่าพี่ใหญ่ เสี่ยวเถาเป็นพี่รอง เสี่ยวจูเจ้าเป็นน้องเล็กเข้าใจไหม มีเงินอยู่ห้าตำลึง ข้าจะไปซื้อข้าวสาร อีกอย่างข้ามีวิธีให้คนจำไม่ได้ ตอนนี้นอนก่อนเถอะ"
ยามเหมาจางซูฉีตื่นแล้ว กำลังลุกไปต้มน้ำอาบวันนี้จะเดินตามทางเล็กๆนั่นเพื่อไปในตัวตลาด เมืองหลวงเป็นเช่นไรนางไม่รู้เพราะร่างนี้ไม่เคยออกจากบ้าน แต่นางเป็นนักเดินป่าการสังเกตน่าจะไม่อยาก จุดสังเกตในเมืองนั้นทำได้ง่ายกว่า
"พี่ใหญ่ เหตุใดตื่นแต่เช้าเจ้าคะ นอนต่อเถอะเดี๋ยวข้าทำเอง"เสี่ยวเถาที่ตอนนี้ถูกสั่งห้ามเรียกนางว่าพระชายาเดินเข้าครัวมาก็ถามทันที
"อืม พี่จะไปตลาดสักหน่อยพี่จะลองดูว่าเงินนั้นยังใช้ได้หรือไม่ สามสิมปีแล้วไม่รู้ว่าเขาเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง พวกเราไม่เคยได้ออกนอกจวนไปดูลาดเลาก่อน"
จางซูฉีลูบศีรษะเสี่ยวเถา เด็กสองคนพี่น้องนี้ ถูกตีถูกด่าแทนนางมาตลอด จางซุฉีคนเดิมสติไม่ดีบ่าวไพร่ในจวนรังเกียจไม่อยากรับใช้ วันๆนั่งน้ำลายไหลยืดน้ำท่าก็ไม่อาบ
เมื่อวานตอนอาบน้ำไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาไม่อาบน้ำ แต่ดูเหมือนเด็กสองคนนี้จะเอาเขม่าก้นหม้อเอยแป้งหมี่เอยมาทาให้นางเพื่อปกปิดความงามของจางซูฉี ร่างเดิมงามมากอย่างที่ในละครชอบกล่าวถึงว่างามล่มบ้านล่มเมืองอะไรเทือกนั้นแหละ
จางซูฉีเลือกชุดธรรมดามาหนึ่งชุดจากในหีบ จากนั้นก็เกล้าผมทรงสตรีที่แต่งงานแล้ว ทาแป้งหนานใช้ถ่านแต่งแต้มใฝเม็ดโตบริเวณหางคิ้ว ขีดเบาๆให้เป็นรอย รวมๆแล้วคล้ายกับสตรีอายุสี่สิบ เสี่ยวจูที่เพิ่งจะตื่นมาตะลึง
"พี่ใหญ่ ท่านเก่งจังข้าๆจำท่านแทบไม่ได้เลยเจ้าค่ะ"
"เห็นไหมเสี่ยวเถา เสี่ยวจูยังจำพี่ไม่ได้ขนาดอยู่ด้วยกันทุกวันแล้วจะห่วงอันใด เยี่ยอ๋องเจอหน้าพี่แค่วันแต่งกับเมื่อวานนี้ ถึงเจอกันเขาก็ไม่สนใจหรอก"
จางซูฉีรู้ดีว่าเด็กสองคนนี้เป็นห่วงพวกนางในตาแดงแล้ว จึงลูบหัวปลอบใจต้องรีบหาเงินแล้วพาพวกนางไปจากที่นี่ เขียนหนังสือวาบหวิวหรือไม่ๆๆๆมีเด็กอยู่ด้วยไม่ดี ขายแบบเครื่องประดับหรืออืมเมื่อคืนลองวาดไว้สองแบบ ส่วนสมุนไพรต้องขึ้นเขา ลองดูก่อนว่าวันนี้ได้เรื่องอะไรบ้าง
"พี่ไปแล้วอย่าลืมดายหญ้าให้เกลี้ยงนะตรงแปลงผักนั่น พี่จะดูว่าพอจะซื้ออะไรได้บ้างจะรับไปรีบกับนี่ยามเฉินแล้วกว่าจะเดินไปถึงอีก"
เสี่ยวเถากับเสี่ยวจูจับมือนางแน่นเด็กสองคนเป็นห่วงนางๆรู้ดี จากนั้นก็เดินไปด้านข้างฝั่งลำธารเดินข้ามลำธารก่อนจะถึงประตูบานเล็ก เดินมาตามทางที่สำรวจเมื่อวาน จางซูฉีเดินมาได้ครึ่งทางอยู่ๆก็เวียนหัวจึงจับต้นไม้ค่อยๆนั่งลง
"เป็นอะไรไป ฉันจะตายอีกรอบหรือไม่นะแต่ถ้าจริงขอเกิดใหม่เป็นเป็นศรษฐีนะ ไม่มีจะกินแบบนี้ไม่เอา" เวียนหัวจนต้องหลับตารู้สึกตัวอีกทีเพราะมีสายลมอ่อนๆมาปะทะ จางซูฉีลืมตาขึ้นตรงหน้านางเป็นทุ่งกว้างขนาดสนามฟุตบอล มีดอกไม้และสมุนไพรหลากหลายชนิดขึ้นอยู่ มีกระท่อมหลังเล็กๆหนึ่งหลัง มีสระน้ำกว้างประมาณสระว่ายน้ำขนาดมาตราฐาน มีกอไผ่สามกอ จางซูฉีหิวจริงๆจึงเดินไปดูผลไม้ตรงหน้าก่อนจะเด็ดองุ่นมาหนึ่งพวง มิติหรือมีแต่ต้นไม้ใบหญ้าเนี่ยนะ
"มีแต่ต้นไม้ใบหญ้าอะไร หัดดูก่อนค่อยติ"เสียงดังมาจากด้านหลังจางซูฉีหันกลับไปก็พบว่ามีชายชราผมขาวคนหนึ่งยืนอยู่
"เอ่อ คุณตาคะที่นี่คือมิติหรือคะแล้วไม่มีพวกซูเปอร์มาเก็ตหรือว่าเครื่องอำนวยความสะดวกสักหน่อยหรือคะ"
"นี่ๆๆๆน้อยๆหน่อยนี่ข้าก็ต้องเอาตะบะเซียนแลกมาให้เจ้าเชียวนะ ในกระท่อมนั่นเจ้าอยากได้อะไรก็แค่นึกเอา แต่ต้องเป็นของที่สามารถหาได้ในยุคนี้ ไม่ใช่เครื่องซักผ้าหม้อหุงข้าวไฟฟ้าอะไรเทือกนั้น"
"คุณตาทำไมของคนอื่นมีได้ ของหนูน้อยจังละคะคุณตาขาอยากได้อะไรก็นึกเอาเช่นนั้นใบหย่าขอได้ไหมเจ้าคะ"
"เฮ้อไม่ได้!!!! พวกนั้นนะทำงานพลาดชอบเก็บวิญญาณผิดเวลา เขาไม่ตายก็เร่งให้ตายจึงต้องชดเชยแต่เจ้าเนี่ยมาที่นี่เพราะเด็กคนนั้นเลือกเจ้านางเคยติดค้างเจ้าในอดีต ใช้ชีวิตต่อไปให้ดีเถอะ ยามมีภัยก็มาหลบคนนอกเข้าไม่ได้ มีเพียงหมดสติไม่รับรู้เท่านั้นจึงสามารถนำมาไว้ได้พวกเขาจะไม่ตื่นจนกว่าจะนำออกไป ข้าไปแล้วอีกอย่างอย่าด่าข้าที่มาช้าเพราะคิวมันยาว มีเซียนทำงานพลาดเยอะต้องไปต่อแถวแลกมิติเหล่านี้กว่าจะถึงคิวข้าก็ต้องรอนาน ข้าไปแล้วสิ่งของที่อยู่ในนี้ล้วนเป็นของดี อยากเข้ามาเพียงแค่แตะกลางฝ่ามือแล้วตั้งจิตเอา"