ตั้งแต่แต่งงานมาจวนสกุลจางก็เหมือนจะตัดญาติขาดมิตรกับนางไปเลย สินสมรสมีไม่เท่าไหร่ มีค่าที่สุดก็คือเด็กสองคนนี้ที่ติดตามมา
นอนก่อนเถอะเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยคิดหาทาง มันมีทางออกเสมอแหละหวังว่าจะเป็นเช่นนั้นนะ
"เด็กน้อย ขอบใจที่ภักดีมาตลอด ข้าสัญญาจะไม่ทอดทิ้งพวกเจ้าสองคนพี่น้อง"
จางซูฉีรื้อเสื้อผ้าออกมาก่อนจะห่มให้พวกนาง อากาศเชิงเขายิ่งดึกยิ่งหนาว
ฮัดเช้ยๆๆ หนานกงเยี่ยจามเบาๆสามครั้งติดๆกัน จนสืออินต้องเดินไปในครัวนำน้ำขิงอุ่นๆมาให้เขาดื่ม
หนานกงเยี่ยนึกถึงสตรีที่เขาเพิ่งพบ ดวงตาคู่นั้นสุกใสราวกับดวงดาวบางทีอาจเป็นเทพธิดาลงมาก็ได้ ตรงนั้นไม่มีบ้านคนสักหลังเวลาดึกเพียงนั้นมนุษย์คงมิอาจมานั่งเล่นน้ำ
วันนี้หนานกงเยี่ยมีประชุมเช้าเขาต้องรีบเข้าวังหลวง หลี่ม่านม่านมายืนรอทำความเคารพแต่เช้า
นางแต่งกายด้วยชุดกระโปรงสีขาว ใบหน้าแต่งแต้มด้วยแป้งชาดริมฝีปากอวบอิ่มแดงระเรื่อยนั้นน่าทะนุถนอม ก้าวเดินช้าๆเสมือนว่าหากเดินไวไปนางจะหมดแรงแล้วล้มลงจากนั้นก็จะไอออกมา
"คารวะท่านอ๋อง แค่กๆ ท่านอ๋องทรงมีประชุมเช้าหรือเพคะ แค่กๆ วันนี้หม่อมฉันจะมาทูลถามว่า ต้องส่งอาหารให้พี่หญิงหรือไม่ นางตกน้ำเมื่อวานอาจมีไข้ได้ หม่อมฉันต้องส่งหมอของจวนไปหรือไม่เพคะ"
"ไม่ต้องลำบากเจ้าหรอก มีแม่นมฉีดูแลทุกอย่างได้เจ้าอยู่เฉยๆเถอะ หากเจ้าป่วยก็ไปตามหมอในจวน ยังมีอะไรอีกไหมถ้าไม่มีก็ไปได้แล้ว สืออินไปได้แล้วเสียเวลาประชุม"
หนานกงเนี่ยไม่สนใจนาง ป่วยก็มีหมอประจำตำหนัก ไม่จำเป็นต้องมาทำท่าเหมือนคนใกล้ตายให้เขาเห็น
หลี่ม่านม่านกำผ้าเช็ดหน้าแน่น สตรีอ่อนหว่านเมื่อสักครู่หายไปแล้ว นางงามถึงเพียงนี้หึเขายังไม่สนใจนาง
หากนางสั่งห้องครัวไม่ต้องส่งอาหารเขาก็คงไม่สนใจ นังจางซูฉีตายไปก็เป็นเพราะถูกท่านอ๋องลงโทษ ไม่เกี่ยวอันใดกับนาง และนางจะได้เป็นพระชายาเอกของตำหนักเหมยฮวา
หลี่ม่านม่านสั่งห้องครัวและบ่าวไพร่ห้ามส่งข้าวให้เรือนท้ายจวน หวังจะให้จางซูฉีและสาวใช้อดตายไปเอง
ต่อให้ไม่มีคำสั่งก็เถอะแล้วใครจะไปส่งกันเล่า ถูกส่งไปเรือนหลังนั้นแปลว่าท่านอ๋องต้องการให้นางตายอยู่ที่นั่นเหมือนอนุเหวินของอดีตฮ่องเต้ ที่ถูกไท่ซ่างหวงทอดทิ้งจนตรอมใจตาย
จางซูฉีสำรวจห้องของนางเป็นห้องแรก มีเตียงขนาดใหญ่เป็นเตียงธรรมดาเท่านั้นมิใช่เตียงเตาแต่อย่างใด
ดูท่าอนุเหวินคนนี้คงไม่ได้เป็นคนโปรดนัก ถูกส่งมาให้รอวันตาย พ่อลูกช่างจิตใจอำมหิตเหมือนกันจริงๆ
เคาะๆปัดๆฝุ่นหน้าของนางกับเสี่ยวเถากับเสี่ยวจูมอมแมมไปด้วยผงฝุ่น เสี่ยวเถาเดินไปค้นในโรงเรือนอีกด้านก็ได้ถังไม้มาสองใบ
ได้เศษผ้าเก่ามาสองผืน ชุบน้ำเช็ดถูจนห้องสะอาด รื้อเตียงออกมาจางซูฉีก็เห็นคล้ายกับเตียงเปิดได้จึงขยับแผ่นไม้ออกทีละแผ่น ก็เจอหีบไม้สี่ใบวางเรียงกัน ขนาดพอดีกับเตียง
" เสี่ยวเถา เสี่ยวจูมาดูนี่สิว่านี่มันหีบไม้ของอนุเหวินผู้นั้นหรือเปล่า"
"อืม เผื่อมีอะไรให้พอได้ใช้สอยบ้าง ข้าจะเปิดแล้วนะ"
จางซูฉีเปิดกล่องแรก ปรากฏว่าเห็นเครื่องมือชิ้นเล็กชิ้นน้อย เป็นเครื่องมือเกษตรกับหม้อสองใบ กระทะเหล็กหนึ่งอัน ชามกับตะเกียบห้าชุด แม้จะผ่านมาเกือบสามสิบปี แต่ข้าวของไม่เคยสัมผัสอากาศจึงค่อนข้างคงสภาพ
กล่องที่สองเป็นตำรา สำหรับเกษตร การหมักเหล้า การทำอาหาร งานปักผ้า อีกทั้งคัมภีร์สวดมนต์รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมหยกเนื้อดี
นางคงอยู่กับสาวใช้แค่สองจึงอ่านหนังสือเป็นเพื่อน กล่องที่มีผ้าห่มผ้านวม ผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดและผ้าฝ้ายสีขาวอยู่มากมายหลายสิบพับ
มีเข็มกับด้าย ไหมปักและสะดึงอยู่ด้วย ก้นลังไม้มีเงินตำลึงอยู่ห้าตำลึง มีชุดสตรีงดงามอีกเกือบสามสิบชุด
"พระชายา ข้าวของเหล่านี้เป็นของอนุเหวินท่านนั้นหรือเพคะ แล้วเราเอามาใช้ได้หรือไม่เพคะ"
"เสี่ยวจูจำไว้ปากท้องต้องกิน ของพวกนี้ต้องใช้สิดูแล้วที่นี่ไม่มีคนอยู่มานาน อีกทั้งฝุ่นก็เกาะจนหนาขนาดนี้ ดูจากเสื้อผ้าแบบก็เก่าแล้ว คงไม่มีใครมาแอบซ่อนไว้หรอก ข้าคิดว่าสาวใช้คนนั้นของนางคงตั้งใจเก็บสิ่งของเหล่านี้ของเจ้านายนางเอาไว้ หลังจากถูกพาตัวไปก็ไม่มีใครมาที่นี่อีกพวกมันเลยยังอยู่ ช่างเป็นคนที่ภักดีจริงๆ พวกเรารีบทำความสะอาดห้องอื่นไปก่อนเดี๋ยวค่อยมาแยกทีหลัง"
เสี่ยวเถาออกไปตักน้ำเพิ่ม ถึงจะมีลำธารแต่ก็โชคดีที่มีบ่อน้ำใกล้ๆด้วย
เสี่ยวเถาหิ้วถังน้ำมาก็เห็นพระชายามองที่ลังไม่วางตา นางมองดูก็ไม่เห็นอะไร จางซูฉีเห็เสี่ยวเถาทำหน้าสงสัยก็บอกว่าฝุ่นเยอะกำลังคิดอยู่ว่า วันนี้จะเสร็จไหม
ผ่านไปจนยามเซิน(15.00-17.59)ทำความสะอาดทั้งบ้านเรียบร้อย สามคนนายบ่าวเช็ดถูเรือนจนสะอาดน่านอนปูเตียงด้วยผ้าปูใหม่ มีผ้านวมสองผืน
ยังเจอข้าวของมากมาย เทียนไข ตะเกียง โต๊ะเก้าอี้อย่างดี มีไหสุรา ไหดินเผาถูกคว่ำไว้เรียงราย ความจริงถือเป็นบ้านคนรวยเชียวนะถ้าอยู่ข้างนอก
แต่เพราะที่นี่คือตำหนักเหมยฮวา เรือนนี้มันจึงดูเหมือนกระท่อมซ่อมซ่อ ในเมื่อมีหม้อแม้จะใบเก่าเล็กๆแต่ขัดก็สะอาดใช้ได้จางซูฉีต้มน้ำดื่ม ตอนนี้ฝนตกน้ำอาจมีการปนเปื้อนจึงต้องระวัง
จางซูฉีที่ถูกหนานกงเยี่ยยกย่องให้เป็นเทพธิดากำลังนอนกางแขนกางขาน้ำลายไหลเปียกหมอน ละเมอด่าเขาถึงบรรพบุรุษของเขาอยู่สิบแปดชั่วโคตร
เช้าแล้วสามคนนายบ่าวตื่นขึ้นมาด้วยสีหน้าสดชื่น แม้จะอยู่ห่างไกลจวนหลักแต่กลับมีความสุขมากกว่าที่เคยอยู่ที่นั่น
เสี่ยวเถายังติดใจรสชาติปลาย่าง ปกติมีแค่ซาลาเปาแข็งๆกับน้ำข้าวต้ม ชายารองแต่งมาทีหลังเพียงครึ่งเดือนแต่กลับซื้อคนในจวนไปได้หลายคน
หนานกงเยี่ยไม่อยากสนใจเรื่องหลังบ้านเขาให้แม่นมของเขาจัดการ ชายารองแม้จะซื้อบ่าวในจวนได้แต่ไม่สามารถซื้อแม่นมของเขาได้
"พระชายา เหตุใดล้างแป้งออกเล่าเพคะ หากใครมาเห็นใบหน้านี้อาจมีคนไม่หวังดีได้ ตอนนี้เราอยู่ข้างนอกตำหนักด้วยนะเพคะ"
เสี่ยวเถาเห็นใบหน้างามก็กังวลใจทันทีจางซูฉีงดงามมาก หากไม่เพราะตกน้ำไปตอนสิบขวบจากนั้นนางก็กลายเป็นคนสติไม่ดี ทั่วแคว้นอู๋นี้คงไม่มีใครงดงามเท่านางอีกแล้ว
"เสี่ยวเถาคนงามเจ้าดูสิ จะมีใครมากันหญ้าท่วมหัวเพียงนี้ ถ้าไม่ใช่สืออินกับสือห่าวมีวิชาตัวเบา จะฝ่าดงหญ้าคาเอาเจ้ากับข้ามาโยนไว้ที่นี่ได้หรือ เมื่อข้าเห็นมีพืชอยู่หลายต้นลองหาดูเถอะเผื่อมีอะไรให้กิน จากนี้ไปประตูหลังตำหนักทางยาวเกือบห้าลี้มีแต่หญ้าคาสูงท่วมหัว ไม่มีใครดั้นด้นมาส่งข้าวส่งน้ำหรอก"
"กินกันเถอะ จะได้เข้านอนเอาแรง ดูท่าฝนคงตกอีก เราโชคดีเจอเทียนไขแล้วคืนนี้คงดีหน่อย หน้าต่างทีแตกข้าก็ซ่อมแล้วไม่มีลมพัดเข้ามาแล้วล่ะ"
"ฮือๆๆๆๆ พระชายาพอท่านหายดีทำให้เสี่ยวเถาดีใจมากเลยเพคะ ตอนนี้ท่านยังมีความสามารถอีก "
"กินข้าวๆ จะได้รีบเข้านอนเดี๋ยวฝนตกแล้ว พรุ่งนี้จะได้ถางหญ้าบริเวณบ้านเอาห่างจากบ้านสักด้านละห้าเมตรก็พอ"จางซูฉีดูเด็กสาว
"ข้าหมายถึงห่างบ้านด้านละสองจั้งก็พอ ที่เหลือก็ให้มันสูงบังบ้านพวกเราอย่างนั้นแหละดีแล้ว จะได้ไม่มีคนมาวุ่นวาย"
ทั้งสามคนกินปลาย่างเหมือนเดิม ใจจริงอยากสำรวจบริเวณบ้านอีกหน่อยแต่เพราะฝนตั้งเค้ามาแล้วจึงต้องล้มเลิก