มองสภาพบ้านใช่ให้คนอยู่หรือ หยากไย่หนาเตอะตื่นมาสำลักฝุ่นก่อนเลย เสี่ยวเถาถูกตีนางยังอุตส่าห์หาอาหารมาให้จนได้
จางซูฉีถอนหายใจ ลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกออก มองในกระจกทองเหลืองเก่าๆเห็นผู้หญิงคนหนึ่งทาหน้าหนายังกับคนเล่นงิ้วโรงเจเห้อทำไปได้
แต่นางสติไม่ดีนี่นาจะโทษใครล่ะ เสียงท้องร้องประท้วงจึงหันไปถามสาวใช้
"เสี่ยวเถา เสี่ยวจูมีอะไรกินไหมหิวจะตายอยู่แล้ว "
"ไม่มีเพคะ พระชายาท่านๆหายเป็นปัญญาอ่อนแล้วหรือ ดีๆจังเลยหากท่านอ๋องทรงทราบอาจจะๆ" เสี่ยวเถาเห็นนางพูดรู้เรื่องก็ดีใจ
"พอๆๆๆๆ รู้ไปก็เท่านั้นก็เท่านั้นไอ้หน้าโบทอกซ์นั่นชอบบุรุษไม่ได้ชอบสตรี ชายารองเขานางสวยหยาดเยิ้มขนาดนั้นเขายังไม่ชายตาแลเลย แม่นั่นก็กะไรอยากเป็นที่หนึ่งใจจะขาด อยากได้ยกให้เลยเหอะใครต้องการกันเลือดเย็นนัก ที่นี่ที่ไหนกันเสี่ยวเถา"
สองพี่น้องมองหน้ากันพระชายาพูดอะไรแปลกๆฟังไม่ค่อยเข้าใจสักนิด
"จวนด้านหลังเพคะ ห่างจากจวนใหญ่สองลี้ บ่าวจะไปขออาหารแต่มองไปทางไหนก็มีแต่หญ้าคาขึ้นสูงเต็มไปหมด ขออภัยนะเพคะ" เสี่ยเถาเอ่ยเสียงอ่อน
" ช่างเถอะ ลุกไปดูกันเถอะว่าพอหาอะไรใส่ท้องได้บ้าง"
เห็นเสี่ยวเถาถูกใบหญ้าคาบาดจนเลือดออกนางก็ปวดใจ เด็กเพียงนี้ยังจงรักภักดี
เดินออกมาจากกระท่อมถึงจะเป็นกระท่อมก็กระท่อมจวนอ๋องที่มีห้าห้องมุงกระเบื้องเชียวนะ
ถึงแม้ว่าจะเห็นแต่หญ้าคาสูงท่วมหัว มองเห็นรอยทางยาวที่พวกนางถูกลากมาโยนไว้ เฮ้อเดิมทีอีอ๋องนั่นก็ไม่ต้องการแต่งงาน แต่จวนจางดันจับเอาคนปัญญาอ่อนมาแต่งให้เขา
กว่าจะรู้เรื่องว่าไม่ใช่บุตรสาวบ้านใหญ่ก็กราบไหว้ฟ้าดินเสร็จแล้ว หนานกงเยี่ยตั้งใจจะไล่นางแต่พอเปิดผ้าคลุมหน้าก็เปลี่ยนใจเป็นอยากฆ่าทันที
สกุลจางตัวดีเห็นเขาเป็นตัวตลกหรือ หนานกงเยี่ยบีบคอจางซูฉีอย่างแรงจนเด็กนั่นตกใจอาการเลยหนักกว่าเดิม
ยังดีมีสาวใช้ตัวน้อยคอยดูแล
บ้านร้างนี้หลังบ้านเป็นกำแพงสูงด้านหลังเป็นภูเขา มีลำธารสายเล็กจากภูเขาไหลผ่านกระท่อม
"เสี่ยวเถา เสี่ยวจูไปดูลำธารกันเผื่อได้ปลาสักตัว หิวจะตายแล้ว"
สามนายบ่าวเดินไปลำธารมีปลาแหวกว่ายอยู่มากมาย แต่ปัญหาคือจะจับยังไง
จางซูฉีกลับไปในกระท่อมรื้อข้าวของในลังไม้ มีมีดเก่าๆกับจอบเล็กๆอยู่จึงนำออกมา เหลาปลายไม้จนแหลมไล่แทงปลากันสนุกสนาน
นี่คืออิสระไล่ออกมาแล้วไงทางที่ดีอย่ามาตามกลับนะ ได้ปลามาสามตัวก็หากิ่งไม้มาก่อไฟโชคดีบ้านนี้มีห้องครัว
มื้อนี้เป็นอันเรียบร้อย ตะวันตกดินแล้วเสื้อผ้าถูกเอามาโยนไว้ให้ อนาถาแท้ๆฝนก็ทำท่าจะตก
"เสี่ยวเถา เสี่ยวจูเข้าบ้านเถอะ อย่างน้อยที่นี่ก็คุ้มฟ้าคุ้มฝนได้"
ทั้งสามจึงพากันเข้าบ้าน ทางด้านคนในจวนอย่างชายารองก็รอเวลาเก็บศพแห้งของนางอย่างเดียว
ใครก็รู้บ้านหลังนี้ไม่มีใครอยู่มาสามสิบปีแล้ว จากหน้าบ้านไปถึงทางประตูหลังจวนใหญ่ยาวเกือบสองลี้
กว่าจะแหวกเอาพวกนางมาโยนทิ้งได้คงลำบากน่าดู อีกอย่างห่างขนาดนี้มีทางเดียวคืออดตาย
หลี่ม่านม่านคงสั่งทุกคนห้ามให้ข้าวให้น้ำนาง ตำแหน่งพระชายาเอกต้องเป็นของนางคนเดียวเหอะใครสนกันฉันต้องหาทางหนีจากที่นี่ให้ได้คอยดู อันดับแรกหาเงินก่อนเลย ไม่มีเงินจะไปไหนได้เล่า
จางซูฉีนอนไม่ค่อยหลับ นางเหนียวตัวมากฝนด้านนอกหยุดแล้ว จึงพยายามค่อยๆย่องกลัวเสี่ยวเถาและเสี่ยวจูจะตื่น
คืนนี้เดือนหงาย จางซูฉีนั่งลงข้างลำธารล้างหน้าเอาแป้งที่หนาเตอะเหล่านั้นออก
ก็มองเห็นใบหน้ากระจ่างใสงดงามของสตรีนางหนึ่ง ดวงตาสุกใสโครงหน้าปากคอคิ้วคางถือว่าสวยที่เดียว
นี่ถ้าไม่เป็นคนปัญญาอ่อนคงมีหนุ่มมาติดพันมากมาย จางซูฉีค่อยๆล้างเนื้อล้างตัว จากนั้นก็ถอดอาภรณ์ลงอาบน้ำในลำธารแหวกว่าย
ที่นี่คือตำหนักอ๋องมีกำแพงสูงกั้นไว้ ไม่มีใครสามารถเข้ามาได้ อาบน้ำจนรู้สึกสะอาดผิวที่เคยกระดำกระด่างจากการไม่เคยดูแลตนเองถูกล้างจนนวลเนียน ร่างเดิมเป็นคนสวยมาก นางโชคดีที่ได้ร่างนี้มาครอง
สวมเสื้อผ้าชุดใหม่เรียบร้อยก็นั่งลงบนโขดหินใช้มือสยายผมที่เพิ่งจะสระเสร็จ ใบหน้าหวานงดงามราวเทพธิดามาลงเล่นน้ำ
หนานกงเยี่ยดีดตัวผ่านยอดไม้หลังจากตามจับสายลับชาวซ่งสำเร็จกำลังจะกลับตำหนัก แต่เขาไม่เคยจำว่าตรงนี้คือที่ไหน
จวนของเขาเป็นเสด็จพ่อประทานมาให้ตอนนี้เสด็จพี่ครองราชย์ อีกอย่างตำหนักอ๋องแห่งนี้กว้างขวางมากเขาเดินไม่เคยทั่ว
มีเพียงตำหนักหลักและเรือนรับรองอีกหลายหลัง มีสวนผลไม้และสวนดอกไม้ แต่ที่ดินตรงนี้ไกลออกมาจากตำหนังใหญ่ห้าลี้ห่างจากกำแพงจวนสองลี้
เขาไม่เคยรู้มีมันอยู่และที่สำคัญมันอยู่ติดเชิงเขา ครั้งก่อนที่ไท่ซ่างหวงยังเป็นรัชทายาทก็สั่งล้อมกำแพงอิฐทั้งจวน จนมาถึงที่นี่เพราะด้านหลังติดภูเขาเพราะ กลัวว่าอาจมีสัตว์ป่าบนเขาลงมาทำร้ายคนในเรือนได้
ตอนนั้นฮองเฮาชอบมาพักกับบุตรชายคนเล็ก หนานกงเยี่ยสั่งองครักษ์ให้โยนพวกนางที่เรือนท้ายจวน
เขาหมายถึงตำหนักเล็กทิศตะวันตกที่เรียกว่าจวนท้ายเรือน ไม่ใช่เรือนท้ายสวน
แต่สือห่าวกับสืออินเข้าใจผิดนำนางมาโยนเรือนท้ายสวนที่ติดเชิงเขาที่คนทั้งจวนลืมไปแล้วว่ามีมันอยู่ หนานกงเยี่ยไม่รู้เรื่องที่คนของเขารับคำสั่งผิดพลาด
หนานกงเยี่ยที่กำลังดีดตัวจากยอดไม้เพื่อจะกลับตำหนักของเขา เผลอมองลงมาก็เห็นสตรีงดงามนั่งอยู่บนโขดหินกลางแสงจันทร์นวลผ่อง
นางเงยหน้ามองท้องฟ้าเขาสบตานางพอดีแต่เหมือนนางไม่เห็นเขา หนานกงเยี่ยเหมือนถูกมนต์สะกด
กลับคิดไปว่าเสมือนนางมองเขาต้องการให้เขาเข้าไปหา นี่คือสิ่งที่หนานกงเยี่ยนเห็นและคิด
"งามยิ่งนัก นางเป็นเทพธิดาหรือว่าภูตผีกันแน่"
ความจริงแล้วจางซูฉีที่เงยหน้ามองท้องฟ้าอยู่นั้นที่จริงนางกำลังด่าสวรรค์อยู่รวมถึงตัวเขาด้วย
"เฮ้อชีวิตเฮงซวย สวรรค์ท่านจะเฮงซวยไปถึงเมื่อไหร่ ตัวช่วยมีมั้ยมิติหรือซูเปอร์มาเก็ต หรือมิติเก็บของอะไรแบบนี้ ส่งมาเกิดใหม่ทั้งทีก็เจอคนประสาท หน้าฉีดโบท็อกซ์มาหรือไงก็ไม่รู้ สงสัยจะทอกซ์ทั้งตัวเลยมั้งตึงเกิน ข้าอาภัพเรื่องผู้ชายก็จริงแต่ท่านก็ควรหาคนดีกว่านี้ ไม่ใช่ดีแค่หน้าตา เจ๊อยากตายฮือๆๆ"
จากนั้นก็ด่าไปเดินไปกลับมาตามทางนางแหวกดงหญ้าคากลับบ้าน ที่บริเวณนี้คงถูกทิ้งมานานหญ้าคาสูงเกือบสองจั้ง
บริเวณบ้านคลุมไปด้วยหญ้าคาพรุ่งนี้จะถางหญ้า ห่างจากบ้านสักหกเมตรพอ ปลูกอะไรกินนิดหน่อย ดงหญ้าคาที่เหลือเอาไว้ปิดบังบ้านหลังนี้ กระท่อมหลังน้อยๆกลางดงหญ้าคาฟังดูดีเนาะ ดูเหมือนจะมีพืชล้มลุกประปราย เหมือนมีต้นพริกลูกแดงๆ มีเถาแตงด้วย
"ไอ้มีปืนเฮงซวย เล็งทั้งทีก็ไม่ตรงเป้ารถตำรวจอยู่ทางเล็งปืนมาอีกทาง แม่นะแม่อยากได้ลูกเขยอยากให้หนูแต่งงาน ตอนนี้เป็นยังไงล่ะได้จัดงานศพแทนฮือๆๆ"จางซูฉีตะโกนด่าเทวดา ด่ามือปืนที่ยิงพลาด ด่าหนานกงเยี่ย ด่านรกสวรรค์วุ่นวาย กลับมาก็เห็นเสี่ยวเถานอนละเมอ
"พระชายา พรุ่งนี้เสี่ยวเถาจะไปหาข้าวมาให้ท่านอย่าเสียใจเลย"
จางซูฉีอุ้มเด็กทั้งสองมานอนบนเตียงด้วยกัน ก่อนจะห่มผ้าให้แล้วนอนลงข้างๆเพราะใบหน้างดงามแต่สติปัญญาไม่สมประกอบพวกนางเกรงว่าจะถูกรังแก สองพี่น้องจึงช่วยกันดูแลนางเสมอมา