บทนำ
ธารันเดินทางมาโรงแรมเครือสุดสิริที่กำลังก่อสร้างอยู่ ในส่วนของออฟฟิศนั้นตกแต่งเสร็จเรียบร้อยสามารถเข้าไปใช้งานได้บางส่วน แต่โรงแรมยังคงต้องรออีกหลายเดือนกว่าจะตกแต่งให้แล้วเสร็จ ซึ่งเขาจะเร่งให้ทันเปิดภายในสามเดือนนี้
"สวัสดีครับคุณธารัน"
"สวัสดีลุงอิน สดชื่นเลยนะวันนี้"
เขาเอ่ยแซวคุณลุงที่เฝ้าอยู่หน้าออฟฟิศของโรงแรม ลุงอินเป็นคนสวนของที่บ้านคุณพ่อ เขาดูแลความทุกอย่างในบ้านเรียบร้อยมากพ่อจึงเสนอให้เขามาช่วยงานที่โรงแรมและเพิ่มเงินให้อีก
"เมื่อคืนหลับสบายครับ ว่าแต่วันนี้คุณธารันจะสัมภาษณ์พนักงานในออฟฟิศเหรอครับ"
"ใช่ ฝ่ายบุคคลของบริษัทพี่สะใภ้เค้ามาช่วยคัดเลือกนะ ผมมาดูแค่ตำแหน่งเลขาเท่านั้น พี่ธาดาให้มาเลือกเองคงกลัวไม่ถูกใจผมมั่ง"
"ดีแล้วครับ คนของเราต้องเลือกเองครับ"
เขายิ้มออกมาก่อนจะเดินเข้าไปในออฟฟิศ ชายหนุ่มหยุดชะงักไปเมื่อเจอหญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งยองๆเอาหมูปิ้งให้สุนัขของลุงอินที่พามาเลี้ยงบริเวณออฟฟิศ
"หิวเหรอ กินนี่สิเอวาอิ่มแล้วแบ่งกันเนาะ"
ลุงอินเห็นก็จะเข้าไปทักแต่ก็ถูกธารันดึงมือไว้เสียก่อน คุณลุงหันไปมองเจ้านายอย่างสงสัย เขาส่ายหน้าก่อนจะมองไปยังเธอที่กำลังป้อนหมูปิ้งอยู่ด้วยรอยยิ้มสดใส
"กินเก่งจังเลย เป็นน้องหมาของโรงแรมเหรอ เอาไว้ถ้าเอวาได้มาทำงานที่นี่จะมาเล่นด้วยทุกวันเลยนะ"
เธอลูบผมน้องหมาอย่างเอ็นดูก่อนจะลุกขึ้นเอาถุงและไม้หมูปิ้งไปทิ้งที่ถังขยะ และไม่ว่าเธอจะเห็นขยะที่ตกทิ้งเรี่ยราดตรงไหนก็เก็บขึ้นมาใส่ถังขยะไว้หมด ธารันเห็นแบบนั้นก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
"ดูใจดีนะครับเด็กคนนี้ น่ารักด้วย"
"นั่นสิ ท่าทางจะมาสมัครงานที่บริษัทไม่รู้ตำแหน่งอะไร ลุงก็ช่วยอวยพรให้คนแบบนี้อยู่ในโรงแรมเราแล้วกัน"
เขายิ้มออกมาก่อนจะเดินเข้าไปในข้างใน ตอนนี้ในออฟฟิศมส่วนใหญ่เป็นพนักงานจากบริษัทของพี่แพรีสทั้งนั้น น่าจะยืมตัวมาชั่วคราวให้ช่วยคัดเลือกพนักงานก่อน เดี๋ยวคงกลับไปทำงานที่เดิมแหละ
"สวัสดีค่ะคุณธารัน วันนี้มีนัดสัมภาษณ์เลขาจำนวนสิบคนนะคะ มีคนสมัครมาทั้งหมดร้อยกว่าคนแต่ทางฝ่ายบุคคลคัดที่คุณสมบัติดีที่สุดมาแล้ว ยังไงให้เรียกมาเลยมั้ยคะ"
"เอาสิ เรียกมาเลย"
เขาให้ฝ่ายบุคคลเรียกผู้สมัครเข้ามาทีละคน ส่วนใหญ่ที่คัดมาภายนอกคือสวย บุคลิกดีมาก มีความมั่นใจในตัวเอง แต่ที่ไม่เหมือนกันก็คือนิสัยส่วนตัว การพูดจาที่เขาต้องเลือกให้ดี
"ทำไมถึงอยากทำงานที่โรงแรมนี้ครับ"
"แพตตี้อยากได้ความท้าทายใหม่ค่ะ ที่ทำงานเดิมมันไม่มีอะไรตื่นเต้นแล้ว"
เขายิ้มออกมาก่อนจะเปิดประวัติเธอดู สวย บุคลิกดีแต่เสียดายตอบคำถามไม่ได้เรื่อง การจะย้ายที่ทำงานไม่ควรพาดพิงถึงที่ทำงานเดิม อย่างน้อยให้เกียรติที่เขาให้งานให้ความรู้เรามาในตอนที่ยังไม่มีประสบการณ์อะไร
"หมดคำถามแล้วครับ ยังไงผมจะให้ฝ่ายบุคคลแจ้งผลไปนะ"
"หวังว่าแพตตี้จะได้ร่วมงานกับคุณนะคะ"
เขาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะปิดแฟ้มเอกสารลง ตั้งแต่คุยมาจนจะครบแล้วยังไม่เจอที่ถูกใจเลย สงสัยสิบคนนี้เขาไม่น่าจะเลือกสักคน หรือว่าจะเรียกสัมภาษณ์คนใหม่อีกดี
"ขออนุญาตค่ะท่านประธาน"
ธารันเงยหน้ามองผู้เข้ามาใหม่ เป็นผู้หญิงที่เขาเจอตอนเข้ามาในออฟฟิศ ว่าแต่มาสมัครตำแหน่งเลขาอย่างนั้นเหรอ คนนี้น่าสนใจนะ
"เข้ามาสิ"
"คนสุดท้ายแล้วนะคะคุณธารัน"
"ครับ"
เขามองหญิงสาวตรงหน้าที่เดินเข้ามาอย่างสำรวจ กิริยาท่าทางเรียบร้อยมาก ยิ้มทีโลกสดใสน่าดู เธอเดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้า ฝวางกระเป๋าลงข้างเก้าอี้ก่อนจะยกมือขึ้นทักทาย
"สวัสดีค่ะ เอวาค่ะ"
"สวัสดีครับคุณเอวา นั่งลงก่อนสิจะได้คุยกัน"
เขาผายมือเชิญให้หญิงสาวนั่งลง เธอยกมือไหว้ขอบคุณเขาอีกครั้งก่อนจะขยับเก้าอี้แล้วนั่งลงตรงหน้า เธอยื่นแฟ้มเอกสารให้เขาบนโต๊ะก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงหวาน
"นี่เป็นแฟ้มประวัติการศึกษาของเอวาค่ะลองดูก่อนได้ แต่ถ้าไม่อยากอ่านให้เอวาแนะนำตัวเองได้นะคะ"
"งั้นให้คุณเอวาแนะนำตัวเองดีกว่า"
เขาปิดแฟ้มเอกสารก่อนจะมองหญิงสาวฟังเธอพูดนั่นนี่อย่างคล่องแคล่ว พูดเก่งแต่ไม่ได้พูดไร้สาระจนน่าเบื่อ การวางตัวดูเรียบร้อยไม่กระโตกกระตากจนเกินไป การศึกษาก็ดีนะจบเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมา ถึงจะไม่ใช่มหาวิทยาลัยที่เป็นอันดับท็อปของประเทศแต่ว่าก็ใช้ได้
"พูดภาษาอังกฤษได้ด้วย"
"ได้ค่ะ เอวาไม่ได้จบเลขานุการมาแต่ว่าเรียนภาษาอังกฤษมาโดยตรง ส่วนงานเอกสารมีประสบการณ์มาจากร้านที่เคยทำงานพิเศษค่ะ"
"คุณทำงานตอนไหน ดูจากอายุคุณน่าจะไม่มีประสบการณ์ในการทำงานเลยนะ"
เขาดูวันเกิดเธอในแฟ้มเอกสาร อายุน่าจะเพิ่งเรียนจบไม่นาน ถึงจะจบและทำงานเลยก็ไม่น่ามีประสบการณ์มากขนาดนี้ แต่แปลกใจตรงที่ฝ่ายบุคคลเลือกให้ผ่านเข้ารอบแสดงว่าคงต้องมีอะไรดี
"เอวาทำงานพิเศษตั้งแต่เรียนมัธยมค่ะ ตอนที่มาเรียนในมหาวิทยาลัยก็ทำงานพิเศษสองที่ เอวาทำงานที่ร้านกาแฟดูแลแทนเจ้าของร้านทุกอย่างเลยค่ะ ตั้งแต่ทำบัญชี รับลูกค้า สั่งของ ติดต่อคู่ค้าทำทุกอย่างเลยค่ะ กลางคืนก็ไปเป็นเด็กเสิร์ฟที่บาร์ เอาง่ายๆว่าหนึ่งสัปดาห์มีเจ็ดวันเอวาไม่มีวันหยุดเลยค่ะ"
ธารันมองหญิงสาวอย่างทึ่งสุดๆ ไม่คิดว่าเธอจะขยันมากขนาดนี้ เสร็จจากเรียนก็ไปทำงานต่อแต่สามารถจบเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาได้ถือว่าไม่ธรรมดา และที่สำคัญคือเป็นนักเรียนทุนด้วย
"ทำงานหนักขนาดนี้เลยเหรอ แล้วถ้าผมรับเข้าทำงานคุณจะยังทำงานพิเศษอยู่มั้ย"
หญิงสาวเงียบไปไม่กล้าตอบคำถาม เพราะถ้าบอกว่ายังทำเขาอาจจะไม่รับเธอเข้าทำงานก็ได้ แต่เธอไม่ชอบโกหกด้วยสิ บอกไปตามตรงนั้นแหละอยู่ที่เขาจะพิจารณาแล้วกัน
"ทำค่ะ คือเอวาต้องใช้เงินเยอะมาก น้องกำลังเรียนมัธยมจะขึ้นมหาวิทยาลัยแล้วต้องส่งน้องเรียนค่ะ"
"เป็นเลขาของผมเริ่มที่ 35,000บาท มีค่าล่วงเวลานั่นนี่สวัสดิการอีกหลายอย่างรวมๆก็สี่หมื่นกว่า ไม่พอเหรอ..."
เขามองเธออย่างไม่เข้าใจ ทำไมเธอถึงต้องการใช้เงินเยอะมากขนาดนั้น มีเหตุผลอะไรที่ผู้หญิงคนหนึ่งต้องใช้เงินมากมายขนาดนั้น และดูจากของที่เธอใช้ก็ไม่มีแบรนด์เนมเลยสักอย่าง ส่งน้องเรียนก็คงไม่ใช้เงินเยอะขนาดนั้นหรอกมั่ง
"พอค่ะ เยอะมากเลยด้วยแต่ว่า..."
"เอาเถอะ เอาไว้ผมจะแจ้งผลไปแล้วกัน คุณกลับไปก่อนนะผมสัมภาษณ์แค่นี้แหละ"
หญิงสาวยกมือไหว้ขอบคุณเขาที่ให้โอกาสเธอได้มาสัมภาษณ์งานที่นี่ แต่ท่าทางเขาคงไม่เลือกเธอหรอก เพราะคนก่อนหน้าทั้งสวยและบุคลิกดีมากพูดเก่งกันทุกคน
"ขอบคุณค่ะที่ให้โอกาสเอวามาสัมภาษณ์งานในวันนี้"
"ถ้าคุณไม่ได้ขึ้นมาจะเสียใจมั้ย"
เขาเอ่ยถามอีกครั้ง เอวาส่ายหน้าก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ
"ไม่หรอกค่ะ เอวาทำดีที่สุดแล้ว ถ้าไม่ได้รับการคัดเลือกนั่นหมายถึงว่ามีคนอื่นที่เก่งกว่าเรา เอวาจะกลับไปพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นอีกค่ะมันต้องผ่านสักที่แหละจริงมั้ยคะ"
เขามองเธอก่อนจะยิ้มออกมาอย่างถูกใจ เป็นผู้หญิงที่ทัศนคติดีมากทุกอย่างเพอร์เฟคหมด อ่อนโยนกับสัตว์ใช้คำพูดที่ทำให้คนฟังรู้สึกดีมากอย่างไม่น่าเชื่อ คนที่มองโลกในแง่ดีแบบนี้หายากมาก
"ผมเปลี่ยนใจแล้ว ผมรับคุณเข้าทำงานดีกว่าอีกสองวันมารายงานตัวได้เลย"
หญิงสาวมองเขาก่อนจะอึ้งไป เธอไม่ได้ไปฝันใช่มั้ยตอนนี้เธอผ่านการคัดเลือกแล้วใช่มั้ย
"อะ..อะไรนะคะ เอวาได้งานแล้วเหรอคะ"
"ใช่สิผมรับคุณไง"
หญิงสาวยิ้มออกมาอย่างดีใจก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณชายหนุ่มอย่างซาบซึ้งใจ ไม่คิดว่าตัวเองจะได้งานนี้ด้วยซ้ำเพราะประสบการณ์ยังอ่อนกว่าคนอื่นมาก แต่ถ้าเขาให้โอกาสเธอจะพยายามเต็มที่
"ขอบคุณนะคะ ขอบคุณจริงๆ"
หลังจากที่ตกลงกันเรียบร้อยเธอก็ออกจากบริษัทด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ถ้าได้งานนี้เธอจะมีเงินเพิ่มขึ้นเยอะกว่าที่เคยได้เกือบเท่าตัว จะได้มีเงินพอใช้บ้าง... เสียงโทรศัพท์ของหญิงสาวดังขึ้น เธอหยิบมากดดูก่อนจะกดรับสายทันที
"ค่ะคุณป้า"
(เอวาแกโอนเงินมาให้ป้าหน่อย น้องแกต้องจ่ายค่าเรียนพิเศษสักห้าพันมีมั้ย)
เอวาเงียบไปอย่างไม่รู้จะปฏิเสธยังไง คุณพ่อทิ้งเธอไปตั้งแต่เด็กส่วนแม่ก็เสียชีวิตไปตั้งแต่เธอได้เจ็ดขวบ คุณยายเลี้ยงเธอมาตั้งแต่ตอนนั้นจนเธออายุได้สิบห้าปีท่านก็เสียชีวิตลง เธอไม่มีญาติที่ไหนก็มีแต่คุณป้าคนเดียว ท่านรับเธอมาเลี้ยงดูแต่ว่าเธอเองจะไม่ได้เรียนหนังสือต่อเพราะท่านไม่มีเงินส่งเรียน แต่ด้วยความที่เธออยากเรียนมากจึงตัดสินใจออกไปหางานพิเศษทำและเรียนไปด้วยจนจบด้วยตัวเอง แต่ท่านจะพูดเสมอว่าถ้าไม่รับเธอมาเลี้ยงก็คงอยู่ข้างถนนไปแล้ว เธอจึงต้องตอบแทนบุญคุณที่ท่านให้ที่ซุกหัวนอนหลายปีที่ผ่านมา
"เอวาเพิ่งโอนไปไม่ใช่เหรอคะ"
(นี่มันเงินที่ต้องใช้จ่าย ไหนแกบอกว่าจะตอบแทนบุญคุณฉันไงหรือว่าไม่อยากทำแล้ว ใช่สิตอนนี้แกเอาตัวรอดได้แล้วนี่ อยากเป็นเด็กอกตัญญูก็ตามใจแล้วกัน)
"ได้ค่ะป้าเดี๋ยวหนูไปเบิกเจ้านายให้ก่อนนะคะ"
(ก็แค่นี้แหละ ป้ารับปากแกแล้วไงว่าขอแค่ให้น้องเรียนจบก่อน ถึงตอนนั้นแกไม่ต้องให้เงินป้าแล้ว ขอบใจนะจ้ะหลานรัก)
เอวากดวางสายก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า เธอส่งเงินให้คุณป้าตั้งแต่มหาวิทยาลัยจนถึงตอนนี้ เดือนหนึ่งหาเงินได้สองหมื่นป้าเอาไปแล้วหมื่นห้า และถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปอีกเรื่อยๆ เธอคงไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลยสักอย่าง ไม่รู้ว่าเพราะเธอดีเกินไปหรือโง่กันแน่ถึงได้ยอมท่านขนาดนี้.... แต่เธอก็สงสารน้องเหมือนกันถ้าไม่ให้เงินก็คงไม่ได้เรียน ถือว่าเธอส่งเสียเด็กคนหนึ่งให้มีอนาคตที่ดีก็แล้วกัน