วิวาห์ร้อนอ้อน(ให้)รัก EP.12 รู้หน้าไม่รู้ใจ (1)

1777 Words
หกวันผ่านไป... นับตั้งแต่อธิปย้ายตัวเองมาอยู่กับบัวชมพูที่คอนโดฯ ได้ห้าวัน ภายในคฤหาสน์เลิศภาณิชย์ก็ได้ต้อนรับสองสามีภรรยาจากตระกูลสิริกร คุณอติเทพนั่งเงียบปล่อยให้ภรรยาพูดคุยกับคุณไตรภพและภรรยา ท่านเพียงแต่นั่งฟัง ทว่าหนึ่งชั่วโมงสำหรับบทสนทนา ทำให้ท่านรู้สึกรังเกียจสองสามีภรรยาคู่นี้ยิ่งกว่าเดิม ทั้งที่บุตรสาวของตนสร้างปัญหาและเกือบทำให้ตระกูลของท่านเสื่อมเสียชื่อเสียง แล้วยังมีหน้ามีพูดเรื่องร่วมธุรกิจกันอีก ช่างเป็นคนที่เห็นแก่ตัวและอย่างกาจ! “ว่ายังไงล่ะค่ะคุณขวัญ เรื่องที่พวกเราเคยคุยกันไว้” คุณอริสราเริ่มเข้าประเด็นอีกครั้ง นับวันธุรกิจของตระกูลท่านก็ยิ่งย่ำแย่ หากไม่รีบทำอะไรสักอย่าง ธุรกิจของท่านต้องล้มละลายแน่ แค่พยุงให้อยู่รอดก็แทบแย่อยู่แล้ว “เรื่องที่เราเคยคุยกัน ฉันคงให้คำตอบคุณตอนนี้ไม่ได้หรอก เพราะสิทธิ์ขาดทั้งหมดอยู่ที่ตาเสือ ฉันกับคุณเทพมอบกรรมสิทธิ์ในการดูแลธุรกิจให้ลูกชายหมดแล้ว” คุณขวัญฤดีอธิบายอย่างนุ่มนวล เกือบทำกับตระกูลของท่านเสียชื่อเสียง แต่ยังมีหน้ามาขอความช่วยเหลืออีก คนพวกนี้ไม่รู้จักละอายกันบ้างหรือไงกัน! “คุณเทพครับ” คุณไตรภพหันไปขอความเห็นจากบิดาของลูกเขย ถึงอธิปไม่ได้แต่งงานกับบุตรสาวคนโตแต่ชายหนุ่มก็แต่งงานกับบุตรสาวคนเล็กของท่าน ยังไงก็เกี่ยวดองกันอยู่ พวกเขาก็ควรช่วยเหลือธุรกิจของตระกูลท่านได้ “ผมยกธุรกิจทั้งหมดให้ตาเสือเป็นคนบริหารแล้ว การตัดสินใจทั้งหมดจึงอยู่ที่ตาเสือ ผมว่าคนที่คุณควรไปคุย ควรเป็นลูกชายของผมมากกว่าผมนะครับคุณไตร” คุณอติเทพบอกเสียงเรียบเย็น หลังจากการแต่งงานผ่านไป ท่านจึงจ้างนักสืบไปสืบประวัติของทายาทของตระกูลสิริกรและบวรนันท์ จากข้อมูลที่ได้มาทำให้ท่านรู้สึกขอบคุณสวรรค์ที่ทำให้บุตรชายไม่ต้องแต่งงานกับบุตรสาวของคุณไตรภพกับคุณอริสรา ผู้หญิงที่ท่านกับภรรยาอยากได้มาเป็นสะใภ้ ไม่ใช่คนดีอย่างที่ท่านคิด พอเรียนในเมืองไทยไม่จบผู้เป็นบิดามารดาจึงส่งไปเรียนต่อต่างประเทศ แทนที่จะสำนึกได้กลับทำตัวแย่ยิ่งกว่าเดิม คบผู้ชายไม่เลือกหน้าแถมยังไม่ตั้งใจเรียนอีก สุดท้ายก็เรียนไม่จบ ในขณะที่... ทายาทของตระกูลบวรนันท์กลับเรียนจบปริญญาตรีมาด้วยเกียรตินิยมอันดับสอง ปัจจุบันเปิดร้าน แถมแผนการในอนาคตที่วางไว้ก็คือการศึกษาต่อในระดับปริญญาโทอีก ที่จริงท่านควรขอบคุณตระกูลสิริกรด้วยซ้ำที่ทำให้ท่านได้สะใภ้ที่ดี ถึงตอนนี้ความสัมพันธ์ของบุตรชายกับลูกสะใภ้ยังไม่คืบหน้า แต่อนาคตท่านเชื่อว่าทั้งสองต้องรักกันได้ คุณไตรภพเงียบไปเมื่อฟังคำพูดของคุณอติเทพจบ เรื่องมันไม่ควรเป็นแบบนี้ หากไม่เพราะบุตรสาวตัวดีของท่านก่อเรื่องวุ่นวายให้ท่านต้องตามแก้ ท่านคงไม่ลำบากและเครียดอย่างนี้ “พวกเราไม่มีทางร่วมธุรกิจกันได้เลยหรือครับคุณเทพ” “ไม่ใช่ว่าร่วมธุรกิจไม่ได้ แต่สิทธิ์การตัดสินใจไม่ได้อยู่ที่ผม คุณเองก็รู้ไม่ใช่หรือครับว่าผมยกธุรกิจทั้งหมดให้ลูกชายดูแลบริหารทั้งหมดแล้ว” “แล้วตอนนี้ตาเสืออยู่ที่ไหนหรือครับ ผมอยากคุยกับเขาหน่อย” “ตาเสือย้ายไปอยู่กับหนูเหมียวได้เกือบอาทิตย์แล้วค่ะคุณไตร” คุณขวัญฤดีตอบแทนผู้เป็นสามี พลางหันมายิ้มให้คุณอริสรา โชคดีที่บุตรชายกับลูกสะใภ้ไม่ได้อยู่ที่นี่ และถึงอยู่ท่านเชื่อว่าอธิปคงไม่ยอมช่วยเหลือธุรกิจโรงแรมของคุณไตรภพและภรรยาแน่ “ทำไมตาเสือกับหนูเหมียวถึงไม่อยู่ที่นี่ล่ะค่ะคุณขวัญ” คุณอริสราถามอย่างแปลกใจ แต่งงานแล้วก็ควรอาศัยอยู่ที่นี่สิ ทำไมต้องย้ายออกไปอยู่ข้างนอกด้วย “คุณหนึ่งลืมไปแล้วหรือค่ะว่าหนูเหมียวไม่ใช่เจ้าสาวของตาเสือ และตาเสือก็ไม่ใช่เจ้าบ่าวของหนูเหมียว การแต่งงานที่เกิดขึ้นหลังจากที่หนูพลอยหนีงานแต่งไป ทั้งหมดเป็นการแต่งงานเพื่อรักษาหน้าตาและชื่อเสียงของตระกูลฉันแล้วก็ตระกูลคุณ” คุณขวัญฤดีอธิบายด้วยสีหน้าเย็นชา เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อหนึ่งเดือนก่อน สองสามีภรรยาคู่นี้ไม่รู้เลยหรือไงว่าการแต่งงานที่เกิดขึ้นเป็นแค่ละครฉากหนึ่งเท่านั้น “ว่าแต่คุณเถอะค่ะ หาตัวหนูพลอยเจอหรือยัง” “จะ...เจอแล้วค่ะ” คุณอริสราตอบไม่เต็มเสียงนัก “แล้วตอนนี้หนูพลอยอยู่ที่ไหนหรือค่ะ” คุณขวัญฤดีถามอย่างเป็นห่วง แต่ในใจกลับรู้สึกโกรธบุตรสาวของคุณอริสราไม่น้อย คุณอริสรานิ่งเงียบไป หลังจากการแต่งงานผ่านไปได้สามอาทิตย์ บุตรสาวก็โทรศัพท์กลับมาหาท่านและบอกว่าตอนนี้อยู่อังกฤษ ท่านอดคิดไปถึงบทสนทนาในเย็นวันนั้นไม่ได้... “พลอยทนอยู่กับคนพิการไม่ได้หรอกค่ะ อีกอย่างการผ่าตัดในครั้งที่สองก็ไม่รู้สำเร็จหรือเปล่า ถ้าเกิดไม่สำเร็จ พลอยต้องมีผัวเป็นคนตาบอดไปตลอดชีวิตเลยนะคะ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง พลอยคงทนไม่ได้หรอกค่ะคุณแม่” “ทำไมพลอยพูดแบบนั้นล่ะลูก หนูรักคุณเสือมากไม่ใช่หรือจ้ะ” “พลอยรักสมบัติของคุณเสือมากกว่าตัวคุณเสืออีกค่ะคุณแม่ ผู้ชายที่บ้างาน ไม่มีความโรแมนติกแถมตอนนี้ยังเป็นพิการอีก พลอยไม่อยากแต่งงานใช้ชีวิตคู่ด้วยหรอก ใครอยากได้ก็เอาไปเลย ตอนนี้พลอยไม่สนใจคุณเสือแล้วล่ะค่ะคุณแม่ แค่นี้ก่อนนะคะคุณแม่” “เดี๋ยวสิหนูพลอย แม่ยังพูดไม่จบเลย” “อะไรอีกล่ะค่ะคุณแม่ พลอยกำลังรีบ” “แม่ว่าพลอยกลับมาขอโทษคุณลุงเทพกับคุณป้าขวัญแล้วคุณเสือดีกว่าไหมลูก ยังไงแม่เชื่อว่าพวกเขาต้องอภัยให้ลูกแน่ คุณเสือรักลูกมากไม่ใช่หรือจ้ะ กลับมาเถอะนะหนูพลอย อย่าปล่อยให้เรื่องมันคาราคาชังแบบนี้” “พลอยไม่กลับไปตอนนี้หรอกค่ะคุณแม่ พลอยไม่คิดกลับไปขอโทษคุณลุง คุณป้าแล้วก็คุณเสือด้วย พลอยว่าคุณแม่น่าจะดีใจด้วยซ้ำ ที่ไม่ต้องมีลูกเขยเป็นคนพิการแบบนั้น” “แต่การผ่าตัดในครั้งต่อไป คุณหมอบอกว่าคุณเสือมีเปอร์เซ็นต์หายเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เลยนะลูก” “มันก็ไม่แน่นอนเสมอไปหรอกค่ะคุณแม่ การผ่าตัดครั้งต่อไปของคุณเสืออาจล้มเหลวก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นพลอยไม่ต้องอยู่กับคนพิการไปตลอดชีวิตเหรอค่ะ หรือคุณแม่ทนอยู่กับผู้ชายพิการได้ตลอดชีวิต” “หนูพลอย!” “แค่นี้นะค่ะคุณแม่ เปลืองค่าโทรศัพท์ของพลอย อีกอย่างริชาร์ดก็มารับพลอยไปเที่ยวแล้ว” นี่เป็นบทสนทนาครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายหลังจากบุตรสาวหายตัวไป ตลอดเวลาท่านพยายามโทรศัพท์กลับยังไปบ้านพักที่อังกฤษ แต่ไม่คนรับสายเลยสักครั้ง คุณอริสรายังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง จนกระทั้งคุณขวัญฤดีเรียกและเขย่าแขนของท่านนั่นแหละ ท่านถึงได้รู้สึกตัว “คุณหนึ่ง คุณหนึ่งค่ะ ได้ยินที่ฉันถามหรือเปล่าค่ะ” คุณขวัญฤดีเรียกแล้วยื่นมือไปเขย่าแขนคุณอริสราอย่างเป็นห่วง พอถามว่าหนูพรทิพาอยู่ที่ไหน “คุณขวัญถามอะไรฉันหรือค่ะ” คุณอริสราหันมาถามคุณขวัญฤดีอีกครั้ง ด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน เพราะไม่รู้จะอธิบายออกไปว่าอย่างไรดี “ฉันถามคุณว่าตอนนี้รู้หรือยังว่าหนูพลอยอยู่ที่ไหน” ท่านถามย้ำประโยคเดิม ก่อนปรายตามองสามีสลับกับสามีคุณอริสรา “ยัยพลอยอยู่อังกฤษครับคุณขวัญ” คุณไตรภพตอบแทนภรรยา “อย่างนั้นหรือครับ” คุณอติเทพเอ่ยขึ้น “ครับคุณเทพ” คุณไตรภพอึดอัดกับสีหน้าและท่าทางของคุณอติเทพและรู้สึกละอายใจกับคำพูดของคุณขวัญฤดี เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของบุตรสาวท่านทั้งนั้น บางทีสิ่งที่หมอดูในอดีตเคยทำนายไว้อาจเป็นบุตรสาวคนโตก็ได้เป็นจะทำให้ตระกูลชัยนันท์ต้องล้มละลาย เห็นทีท่านต้องไปขอความช่วยเหลือจากบุตรสาวอีกคน ถึงรู้สึกผิดอยู่บ้างก็เถอะ แต่นี่คงเป็นหนทางเดียว ที่ธุรกิจโรงแรมของท่านจะอยู่รอด “คุณขวัญรู้ที่อยู่ของยัยเหมียวหรือเปล่าครับ” “ที่อยู่ของหนูเหมียวฉันกับคุณเทพไม่รู้หรอกค่ะ แต่ถ้าเป็นที่อยู่ของคุณชิตพงษ์กับคุณปนัดดา...พ่อแม่บุญธรรมหนูเหมียว พวกเรารู้จักดี” คุณขวัญฤดีอธิบายรอยยิ้มอบอุ่น ท่านไม่อยากนำบิดามารดาทั้งสี่คนของลูกสะใภ้มาเปรียบเทียบกันหรอก เพราะรู้ดีว่านิสัยของพวกเขาเป็นยังไง ถึงเพิ่งเจอบิดามารดาบุญธรรมของลูกสะใภ้ครั้งแรกก็เถอะ แต่ท่านก็รู้ดีว่าคุณชิตพงษ์กับคุณปนัดดาเป็นคนดี น่ารักแค่ไหน ต่างกับบิดามารดาผู้ให้กำเนิดลิบลับ “ถ้าคุณอยากได้ที่อยู่ของคุณพ่อ คุณแม่ของหนูเหมียวฉันจะให้พวกคุณไปก็ได้ แต่ระวังหน่อย เพราะคุณชิตกับคุณดารักหนูเหมียวมาก จะทำอะไรก็คิดให้ก่อน ส่วนคนที่พวกคุณควรระวังมากที่สุดก็คือคุณตาของหนูเหมียว เพราะท่านรักหนูเหมียวยิ่งกว่าคุณชิตกับคุณดาอีก” ท่านเห็นถึงความน่ากลัวของคุณตาบุญธรรมของลูกสะใภ้มาแล้ว อาจเพราะตระกูลนี้ไม่มีลูกหลาน ตระกูลทางฝ่ายคุณชิตพงษ์กับคุณปนัดดา ต่างก็มีลูกคนเดียว ไม่มีลูกหลานคนอื่นอีก พอรับบัวชมพูเข้ามาเป็นสมาชิกของบ้าน ทุกคนต่างก็รักและหวงหลานบุญธรรมคนนี้ยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ “นี่คือที่อยู่ของคุณพ่อ คุณแม่หนูเหมียวนะคะ” “เอ่อ...ขอบคุณครับ/ขอบคุณค่ะ” คุณไตรภพกับคุณอริสราเอ่ยขอบคุณด้วยน้ำเสียงอึกอัก เมื่อเจอคำพูดของคุณขวัญฤดี แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าเหตุใดสองสามีภรรยาคู่นี้ถึงไปพบบิดามารดาบุญธรรมของบุตรสาวคนเล็ก ******
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD