ครึ่งชั่วโมงต่อมาก็ถึงฤกษ์ส่งตัว และกว่าที่ญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจะให้พรเสร็จ ภายในห้องส่งตัวก็เหลือเพียงหกคน นั่นก็คือบิดามารดาของทั้งคู่และสามีภรรยาคู่ป้ายแดงในค่ำคืนนี้
“สุดท้ายงานแต่งก็ผ่านไปได้ด้วยดี เฮ้อ...โคตรจะโล่งเลย”
อธิปพูดจบ ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างผ่อนคลาย ก่อนหน้านี้เขากังวลมาตลอดว่าบัวชมพูจะแสดงอาการพิรุธออกมาจนถูกแขกในงานจับได้
“เสร็จเรียบร้อยแล้วใช่ไหมค่ะคุณลุง คุณป้า เหมียวจะได้กลับเสียที”
บัวชมพูเอ่ยขึ้นเมื่อในห้องหอมีเพียงบิดามารดาของอธิปและบิดามารดาผู้ให้กำเนิด
“แม่ต้องขอบใจหนูเหมียวมากนะลูก ที่ช่วยให้งานเลี้ยงในคืนนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี” คุณขวัญฤดีบอกอย่างขอบคุณกับสิ่งที่ลูกสะใภ้คนนี้ทำให้ท่านและตระกูลในค่ำคืนนี้ สองแขนรั้งร่างระหงเข้ามากอด
“แม่ขอบใจหนูจริงๆ”
เพียงแค่นี้ทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ ท่านกับสามียินดีรับบัวชมพูมาเป็นสะใภ้ หลังจากนี้พวกท่านก็มีแผนไปสู่ขอลูกสะใภ้คนนี้อีกครั้งกับบิดามารดาบุญธรรม
“แล้วเรื่องหย่าล่ะค่ะ” บัวชมพูถามหญิงสูงวัย
“เรื่องหย่าแม่ว่าหนูเหมียวต้องคุยกับพี่เค้านะลูก”
คนที่ตัดสินใจเรื่องหย่าไม่ใช่ท่าน หากแต่เป็นบุตรชายของท่าน เพราะท่านรู้ดีว่าเรื่องหย่าระหว่างบุตรชายกับลูกสะใภ้คนนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้น มองตาท่านก็รู้แล้วว่าคนที่ท่านเลี้ยงมาคิดอะไรอยู่
“หนูเหมียว พรุ่งนี้ว่างไหมคือแม่อยากคุยด้วย”
คุณอริสราพูดแทรกขึ้น เมื่อรู้สึกว่าท่านกำลังกลายเป็นคนนอก ยี่สิบกว่าปีที่ท่านทอดทิ้งบุตรสาวคนนี้ ท่านรู้ตัวดีว่าท่านทำผิด แต่ก็หวังเอาไว้เล็กๆ ในใจว่าก่อนตาย อยากพบบุตรสาวคนเล็กอีกครั้ง
“ฉันว่าคุณไปตามหาลูกสาวที่หายไปในวันแต่งงานไม่ดีกว่าหรือค่ะ เพราะสำหรับฉันพวกคุณสองคนก็ยังเป็นคนนอกอยู่ดี”
ตั้งแต่บิดามารดาบุญธรรมเล่าความจริงทั้งหมดให้เธอฟังเมื่อสิบปีก่อน เธอก็สัญญากับตัวเองไว้ เธอจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ ไม่สนใจอดีต มองแต่ข้างหน้าและชีวิตใหม่ที่พวกท่านมอบให้ เธอจะใช้ให้คุ้มค่าที่สุด
และแน่นอนว่าคนที่เธอควรรักและปกป้องไปตลอดชีวิตก็คือบิดามารดาบุญธรรมของเธอ ไม่ใช่บิดามารดาผู้ให้กำเนิดที่ทอดทิ้งเธออย่างเลือดเย็นเมื่อยี่สิบปีก่อน
“ตกลงคุณจะหย่าให้ฉันเมื่อไรคุณอธิป”
“เพิ่งจดทะเบียนกันเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนเองนะหนูเหมียว ถ้าหย่ากันพรุ่งนี้คงได้เป็นข่าวหน้าหนึ่งสิ ไว้ถึงเวลาเมื่อไรฉันจะบอกหนูเหมียวเอง หรือถ้าหนูเหมียวมีคนรักและอยากแต่งงานเมื่อไร ฉันจะหย่าให้ทันที”
อธิปบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พลิกกายหันหลังให้บัวชมพู รอไปเถอะ เขาไม่มีทางหย่าให้หรอก เพิ่งจดทะเบียนกันเมื่อชั่วโมงก่อน จะให้หย่ากันเลยก็กระไรอยู่ อีกสองปีค่อยหย่าให้ก็แล้วกัน
“พูดบ้าอะไรของคุณเนี่ย เราตกลงกันแล้วนะว่าคุณจะหย่าให้ฉันทันทีเมื่อเสร็จพิธีในคืนนี้”
“ฉันยังไม่ได้บอกหนูเหมียวสักคำว่าจะหย่าให้คืนนี้หรือพรุ่งนี้”
“คุณมันงี่เง่า ไอ้คนไม่รักษาสัญญา ลุกขึ้นมาคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้เลยนะคุณอธิป” บัวชมพูโวยวายหันหน้าไปหาร่างหนาที่ล้มตัวลงนอนบนเตียงเหมือนไม่ทุกข์ร้อนกับเรื่องของเธอ
“ง่วง เอาไว้คุยกันพรุ่งนี้เถอะ”
“พ่อกับแม่กลับก่อนนะตาเสือ หนูเหมียว”
คุณอติเทพมองบุตรชายกับลูกสะใภ้ทะเลาะกัน ก็ยิ่งรู้สึกปวดขมับ ท่านรู้สึกผิดหวังไม่น้อยที่ตัดสินใจเลือกบุตรสาวของคุณไตรภพกับคุณอริสรามาเป็นสะใภ้ ไม่เพียงแต่ก่อเรื่องให้ตระกูลท่านเกือบเสียชื่อเสียง ยังทำให้เด็กสาวที่ท่านได้มาเป็นสะใภ้อย่างไม่ตั้งใจต้องลำบาก เผลอๆ ท่านกับภรรยาอาจทำลายอนาคตของเด็กสาวคนนี้ด้วยก็ได้
“เรากลับกันเถอะคุณขวัญ คืนนี้พวกเราเหนื่อยกันมาทั้งคืน ผมอยากกลับไปพักผ่อนแล้ว”
“ฉันคงต้องขอตัวก่อนนะคะคุณไตร คุณหนึ่ง”
คุณขวัญฤดีหันไปเอ่ยลาคุณไตรภพกับคุณอริสรา แล้วเดินตามผู้เป็นสามีออกจากห้องหอ
บัวชมพูได้แต่นั่งอ้าปากค้าง เมื่อบิดามารดาของอธิปหนีกลับไป โดยทิ้งปัญหาหนักอกไว้ให้ แล้วยังสองสามีภรรยาคู่นี้อีก
“ถ้างั้นแม่กับคุณพ่อกลับก่อนนะลูก พรุ่งนี้แม่จะไปหาหนูที่คฤหาสน์เลิศภาณิชย์ เรากลับกันเถอะค่ะคุณไตร”
คุณอริสราหันมาชวนผู้เป็นสามีกลับ เพราะอยู่ไปก็คงไม่มีอะไรดีขึ้นมา ท่านไม่ควรรีบร้อน รอให้บุตรสาวคนเล็กใจเย็นลงกว่านี้ แล้วค่อยกลับมาคุยกันอีกครั้ง ทุกอย่างอาจดีกว่านี้ก็ได้
“ฉันไม่ไปส่งนะคะ”
บัวชมพูเอ่ยออกมาในที่สุด เมื่อเห็นสีหน้าเจ็บปวดของมารดาผู้ให้กำเนิด มาร้องไห้คร่ำครวญเวลานี้เพื่ออะไร ตอนที่นำเธอไปทิ้งไว้ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตอนนั้น ทำไมถึงไม่คิดถึงจิตใจเธอบ้าง
‘พ่อขอโทษนะลูก สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต พ่อรู้ว่ามารับผิดในตอนนี้ก็คงสายไปแล้ว ก่อนที่พ่อจะตาย พ่อจะมีโอกาสได้ยินลูกเรียกว่าพ่อหรือเปล่านะหนูเหมียว’
คุณไตรภพกับภรรยามองหน้าบุตรสาวคนเล็กแวบหนึ่งแล้วก้าวเท้าเดินออกจากห้องหอ ความทรงจำมากมายในอดีตผุดขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งหมดคงเป็นความผิดของท่านกับภรรยาที่ทอดทิ้งลูกคนเล็ก สวรรค์ถึงได้ลงโทษพวกท่านเช่นนี้ หากโทษก็ต้องโทษที่ท่านงมงาย เชื่อหมอดูคนนั้นมากเกินไป
“ตอนนี้ทุกคนก็กลับกันไปหมดแล้ว ลุกขึ้นมาคุยกับฉันให้รู้เรื่องเลยนะคุณเสือ”
บัวชมพูหันมาเขย่าร่างหนาที่นอนตะแคงหันหลังให้อย่างเคืองๆ เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ ต้องเรียกว่าดวงซวยสุดๆ เพราะความใจอ่อน เห็นน้ำตาของคนอื่นไม่ได้เลยทำให้ตัวเองตกที่นั่งลำบาก
แถมตอนนี้เธอยังกลายมาเป็นนางบัวชมพู เลิศภาณิชย์แทนที่จะเป็นนางสาวบัวชมพู บวรนันท์...
“นี่คุณเสือ ไม่ต้องมาทำเป็นหลับเลยนะ ลุกขึ้นมาพูดกันให้รู้เรื่องก่อน ฉันรู้นะว่าคุณยังไม่หลับ”
คนดวงซวยยังเขย่าร่างที่นอนตะแคงไม่หยุด ทว่าอีกใยก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ตอบกลับมา จนสุดท้ายก็ต้องรามือยอมแพ้ ขยับตัวลุกจากเตียงยกชุดชายกระโปรงขึ้นแล้วเดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายและถอดไอ้ชุดแต่งงานที่แสนอึดอัดนี่ออกเสียที
‘ยังไงฉันต้องทำให้คุณยอมหย่าให้ได้ และต้องเป็นวันพรุ่งนี้ด้วย’
********